Skip to content

พลิกปฐพี 782

ตอนที่ 782

ข้าจะไปแดนมารสักเที่ยว

แดนมารรกร้าง!

ตาดำมู่ชิงเกอหดลงฉับพลัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ

ปฏิกิริยาของนางทำให้ซวีซิวรู้สึกประหลาด

แต่ราชครูพอเดาออกได้บ้าง เขารีบบอกว่า “นายน้อย เพียงแค่อาจเป็นไปได้เท่านั้น ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นใต้เท้าท่านนั้น”

คำปลอบของราชครูทำให้ซวีซิวเกิดสงสัยขึ้น มาจึงมองไปที่เขา แต่ราชครูเวลานี้ราวกับไม่เห็นความสงสัยของเขา คิดแต่ว่าจะปลอบขวัญมู่ชิงเกอได้อย่างไร

“ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ” มู่ชิงเกอพูดเสียงเครียดบอกให้ทั้งสามคนออกไปได้

ซวีซิวยังไม่ทันพูดเรื่องที่ตั้งใจไว้จบ ที่เขายกเรื่องนี้ขึ้นมาเดิมคิดจะเสนอว่า ให้อาศัยเคราะห์ใหญ่นี้ วางแผนให้ตระกูลมู่ แต่มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจเรื่องที่เขาจะพูดต่อเลย

ด้วยการบอกใบ้ของราชครู เขาจึงต้องเงียบไว้ก่อนแล้วถอยออกจากห้องหนังสือ

ซ่งเทียนจี๋เองก็ถอยออกมาด้วย หลังจากพวกเขาจากไปแล้วมั่วหยางจึงเข้ามาในห้อง

“คุณชาย” พอมั่วหยางเข้ามาในห้องหนังสือ ก็รับรู้ได้ถึงอาการผิดปกติของมู่ชิงเกอ กลิ่นอายของนางเย็นเฉียบ ทั้งยังเงียบจนผิดปกติ

มู่ชิงเกอไม่ได้พูด แต่โบกมือ โต๊ะเบื้องหน้าปรากฎขวดกระเบื้องหลายร้อยขวดขึ้น

“ที่บรรจุในนี้เป็นเลือดมังกรแท้ เจ้านำไปแจกจ่ายให้องครักษ์เขี้ยวมังกรและองครักษ์ปีกมังกร” มู่ชิงเกอสงเสียงเครียด เลือดมังกรแท้ที่นางหลอมออกมาก็มี เพียงเท่านี้แล้ว เพียงพอให้องครักษ์เขี้ยวมังกรกับองครักษ์ปีกมังกรเท่านั้น

มังกรไม่ใช่ว่าจะสังหารได้ง่ายๆ

ครั้งก่อนพวกเขาอาศัยความได้เปรียบ เวลานี้หากไปสังหารมังกรอีก น่ากลัวว่าราชามังกรต้องเดือดดาล นอกจากจะมารนหาที่ตายเอง มิฉะนั้นมู่ชิงเกอคงไม่โลภขนาดตามฆ่าล้างเผ่ามังกรเพื่อให้ได้เลือดมังกรมาแน่

“ขอรับ” มั่วหยางเก็บเลือดมังกรแท้แล้วยังคงยืนอยู่กับที่ไม่ได้จากไป

อีกครู่หนึ่ง มู่ชิงเกอจึงมองเขาด้วยนัยน์ตาที่ใสกระจ่าง ถามว่า “มีเรื่องอะไรอีก”

มั่วหยางเม้มปาก ดวงตาที่สงบนิ่งผุดแววกังวล “คุณชาย ท่านไม่เป็นไรนะ”

“ข้ารึ ข้าจะเป็นอะไรได้” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ

ท่าทางของนางเห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดอะไรมาก

มั่วหยางถอนหายใจแล้วค้อมตัวถอยไป

เพียงแต่ความกังวลในดวงตาไม่ได้จางหายไป

ในห้องหนังสือขณะที่เหลือเพียงมู่ชิงเกอคนเดียว นางหลุบตาลงปลดเปลื้องความแข็งแกร่งทั้งหมดออก ยื่นมือไปหยิบกระดิ่งที่แขวนอยู่ที่เอวมาวางไว้ในมือ กระดิ่งที่ทำอย่างประณีตไม่เคยดังมานานมากแล้ว มู่ชิงเกอรู้ว่าเป็นเพราะซือมั่วยังปิดประตูบำเพ็ญตัดขาดจากโลกภายนอก ดังนั้นกระดิ่งจึงยังนิ่งเงียบ แต่เวลานี้ เมื่อนางมองกระดิ่งแล้วจิตใจกลับไม่อาจสงบลงได้เลย คำพูดของผู้เฒ่าเหนือมังกรและคำพูดของผู้เฝ้ามองดังอยู่ในสมองนางไม่ได้หยุด ทำให้นางไม่อาจสงบใจได้

เรื่องเดียวที่น่ายินดีคือเวลานี้นางไม่ได้อ่อนแอ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรนางสามารถเคียงข้างซือมั่ว เผชิญหน้าไปพร้อมกับเขา

“เคราะห์กรรมเป็นตาย…เคราะห์กรรมเป็นตาย…อามั่ว…ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเกิดเรื่อง! ไม่ยอมเด็ดขาด!” มู่ชิงเกอพึมพำด้วยประกายตามั่นคงเจิดจ้า

“ใต้เท้าท่านนั้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่ท่านใดหรือ” เมื่อเดินมาไกลแล้ว ซวีซิวจึงหยุดแล้วมองไปทางราชครู

ราชครูมุมปากกระตุก รู้ดีว่าปิดบังเขาไม่อยู่ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของมู่ชิงเกอ นิสัยนางนั้นจะไม่มีวันยอมให้ใครมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของตน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเผยสีหน้าลำบากใจแล้วพูดว่า “เรื่องนี้อีกหน่อย นายน้อยก็คงบอกศิษย์พี่เอง”

“ข้าเห็นสีหน้านายน้อยดูผิดปกติ เรื่องที่พวกเราพูดดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อเขามาก หรือว่าเรื่องดวงดาวพยากรณ์เกี่ยวข้องกับเพื่อนนายน้อยคนไหน” ซวีซิวพูดต่อ

ราชครูทำได้เพียงเงียบ ไม่ยอมรับว่าใช่หรือไม่

ซวีซิวจ้องมองเขาอยู่ ไม่ยอมให้สีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปหลุดรอดสายตาไปได้แม้เพียงนิดเดียว เขาพูดเนิบช้าว่า “หากมีผลกระทบเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูตระกูลมู่ นายน้อยสมควรบอกให้พวกเราช่วยคิดแผนรับมือด้วยกัน”

ราชครูสั่นศีรษะบอกเขาว่า “ไม่ต้องคิดมาก เรื่องนี้นายน้อยจัดการเองได้ ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่หรอก”

“ไม่ เจ้าผิดแล้ว นายน้อยก็คือส่วนสำคัญที่สุดของการฟื้นฟูตระกูลมู่ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาย่อมเกี่ยวข้องกับตระกูลมู่” ซวีซิวพูดแล้วหันหลังจะกลับไปยังทางเดิม

“ศิษย์พี่!” ราชครูรีบลากตัวเขาไว้ไม่ให้เขาไป “เรื่องนี้ นายน้อยจัดการเองได้”

ซวีซิวส่ายหน้าช้าๆ “เมื่อครู่ต่อหน้านายน้อยข้ายังไม่ทันพูดจบ ดาวราชาที่มีเคราะห์เกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดต่อดาวชีวิตของนายน้อย เดิมทีข้าเข้าใจว่าจะอาศัยเรื่องนี้ทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเสริมส่งชะตาชีวิตนายน้อย แต่เวลานี้ดูแล้วน่ากลัวจะมีผลกระทบต่อนายน้อย”

“ต่อให้เป็นเช่นนั้นนายน้อยจะทำอะไรเขาย่อมตัดสินใจเองได้” ราชครูพูดเสียงเครียด

ซวีซิวหรี่ตามองเขาแล้วถามว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่หรือเปล่า”

ราชครูสีหน้าเปลี่ยนไป นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา

ซวีซิวเดินไปทางเขาก้าวหนึ่ง พูดเรียบๆ ว่า “บางเรื่อง นายน้อยไม่ยอมบอก เจ้าก็ควรบอกข้า หากข้าไม่รู้เรื่องเลยจะสนับสนุนนายน้อยให้ถูกต้องได้อย่างไร”

“เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของนายน้อย ข้าไม่สมควรพูด” ราชครูพูดหน้าเครียด

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะไปถามนายน้อย” ซวีซิวพูดตรงๆ

ราชครูดึงแขนเสื้อเขาไว้แน่นเอ่ยห้ามว่า “นายน้อยย่อมมีความคิดเป็นของนายน้อยเอง เมื่อโอกาสเหมาะเขาย่อมบอกออกมาเอง ท่านไปมีแต่จะทำให้นายน้อยไม่สบอารมณ์เท่านั้น”

ซวีซิวสงบลง สุดท้ายแล้วเขาก็ยอม ไม่ไปถามมู่ชิงเกออีก

ผ่านไปอีกสองวัน หยินเฉินยังไม่กลับมา มู่ชิงเกอเริ่มนั่งไม่ติด นางแหงนหน้าดูท้องฟ้าทุกคืน อยากเห็นดวงดาวราชาที่พวกซวีซิวพูดถึง แต่ในทะเลดาวที่เวิ้งว้างนั้นมองอะไรก็ไม่เห็นสักอย่าง

มั่วหยางจำไม่ได้แล้วว่า คืนนี้เป็นครั้งที่เท่าไรที่ตัวเองเดินมาด้านหลังมู่ชิงเกอ

แต่ทุกครั้งเขาเพียงยืนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถอยไป เขาอยากบอกอะไรแต่ก็พูดไม่ออก

“เจ้ามาอยู่ข้างหลังข้าแวบไปแวบมา มีอะไรก็พูดมา” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เอ่ยปาก

นางพูดโดยไม่ได้ขยับร่างเลย

“คุณชาย…”

“มั่วหยาง ข้าอยากไปแดนมารสักเที่ยว”

แต่มั่วหยางยังไม่ทันเปิดปาก มู่ชิงเกอก็เอ่ยตัดบทเขาก่อน

ส่วนมั่วหยางได้ยินมู่ชิงเกอบอกว่าอยากไปแดนมารก็เงยหน้าที่ก้มอยู่ด้วยความตกใจ มองนางอยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไป หลายปีมานี้เขาชินต่อการรับคำสั่ง ไม่เคยรู้ว่าจะต้องปฏิเสธมู่ชิงเกออย่างไร แต่ครั้งนี้ เขาอยากห้ามปรามแต่ก็พูดไม่ออก คำพูดร้อยแปดวนเวียนอยู่ที่ริมปาก แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นคำว่า “ขอรับ”

มู่ชิงเกอหันขวับมามองเขา

มั่วหยางยืดหน้าอกโดยไม่รู้ตัว จ้องตานางแล้วใช้นํ้า เสียงที่จริงจังว่า “คุณชาย ข้าจะตามท่านไปด้วย”

ใช่แล้ว ไม่ว่านางจะทำอะไร ขอเพียงได้อยู่ข้างนาง สามารถคุ้มครองนางก็เพียงพอแล้ว แต่ท่ามกลางความหวังอย่างเต็มเปี่ยมของเขา มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าปฏิเสธว่า “ไม่ ครั้งนี้ข้าจะไปคนเดียว”

‘เพราะเหตุใด!’ มั่วหยางเบิกตากว้างเอ่ยถามในใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version