Skip to content

พลิกปฐพี 930

ตอนที่ 930

บ้าไปแล้ว! สองเพศในร่างเดียว

เด็กน้อยหน้าตาน่ารักอย่างถึงที่สุด มองดูแล้วใสซื่อไร้เดียงสา

เพียงแต่ อักขระสีแดงที่เปล่งประกายรางเลือนตัวนั้นตรงหว่างคิ้วเขากลับมีความแปลกประทลาด

“อ้อ! ข้ารู้แล้ว! พวกเจ้าสองคนเป็นพวกสวะที่ไม่มีอักขระ!” ทันใดนั้น น้ำเสียงของเด็กน้อยคนนั้นก็เปลี่ยน สีหน้าบริสุทธิ์บนใบหน้ากลายเป็นดุร้ายขึ้นมา

ก่อนหน้ายังมีท่าทางไร้เดียงสาไร้พิษภัย

ตอนนี้ หลังจากมั่นใจแล้วว่ามู่ชิงเกอกับซือมั่วไม่มีอักขระ ก็เผยท่าทีจองทองลำพองตน กระทั่งดุร้ายเล็กน้อยออกมา

“พวกเจ้าสองคน เห็นข้าแล้วยังไม่คุกเข่าคำนับอีก” เด็กน้อยเชิดคาง อวดดีราวกับนกยูง

คุกเข่าคำนับหรือ

ท่าทีกำแหงบ้าอำนาจของเด็กน้อยทำให้แววตาของมู่ชิงเกอมีความหยอกล้อ

จู่ๆนางก็ยื่นมือออกมา เสื้อคลุมที่คลุมร่างเลิกขึ้น ปิดบังเงาร่างของเด็กน้อยอย่างรวดเร็ว ส่งสายตากับซือมั่ว คนทั้งสองวิ่งไปในที่ที่ไม่มีคน การกระทำของพวกเขาเร็วอย่างยิ่ง ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใด

ในหอสูง ชายผู้มีหน้าตาอ่อนหวานงดงาม ผิวพรรณขาวผ่องกลางหน้าผากมีอักขระสีทองลอยอยู่ สูงส่งเหนือผู้ใดกำลังนอนอยู่บนเบาะนุ่มแสนสบายอย่างเกียจคร้าน

นอกหอสู มีแต่เสียงคำรามต่างๆ นานา แสบแก้วหูอย่างถึงที่สุด

แต่ว่า สีหน้าที่สุขสำราญนั้นของเขากลับดูเหมือนเสียงเหล่านี้เป็นดั่งเสียงของธรรมชาติ

ไม่นานนักก็มีราชองครักษ์อักขระสีดำเข้ามาคุกเข่าข้างเดียว อยู่ข้างหน้าเขา เผยสีหน้าเคารพออกมา “องค์ราชา แต่ละแห่งส่งเครื่องบรรณาการยักษ์มาอีกพันตัวขอรับ ”

เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ สีหน้าสุขสำราญของชายอักขระสีทองก็หายไป

“พันตัวเองหรือ” ชายอักขระสีทองขมวดคิ้วมุ่น

ราชองครักษ์อักขระสีดำที่คุกเข่าข้างเดียว คุกเข่าสองข้างลงบนพื้นทันที กล่าวขออภัย “องค์ราชาโปรดระงับโทสะ ผู้น้อยจะเร่งรัดทุกพื้นที่ให้จับพวกยักษ์ต่อ”

ชายอักขระสีทองนั่งลง จ้องมองราชองครักษ์ผู้นั้นแล้วกล่าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่า แผ่นดินเทพมารนั้นกว้างใหญ่เพียงใด อาหารรสเลิศที่นั้นมีมากเพียงใด ยักษ์พันตัวไม่พอแน่นอนอย่างน้อยที่สุด ต้องหมื่น! หลายแสน!”

เขาพูดถึงประโยคสุดท้ายก็บันดาลโทสะเล็กน้อยแล้ว

สีหน้าราชองครักษ์อักขระสีดำเหยเกเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว มองราชาของตน “องค์ราชา ชนเผ่ายักษ์รวมกันแล้วเกรงว่าจะมีไม่ถึงหนึ่งหมื่น”

“ที่เจ้าพูด หมายถึงพวกที่ยังอยู่ตามป่า ไม่ถูกฝึกเหล่านั้น” ชายอักขระสีทองพิงพนักเก้าอี้ข้างหลังอีกครั้ง กล่าวเสียงเรียบ

ราชองครักษ์อักขระสีดำมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

ชายอักขระสีทองกล่าวด้วยความเมินเฉยอย่างยิ่ง “ในตระกูลเก่าแก่ แต่ละพื้นที่ มิใช่เลี้ยงยักษ์ไว้หรอกหรือ ทั้งยังมีโถวถัวที่พวกเขาเลี้ยงไว้อีกด้วย”

หลังจากชายอักขระสีดำถูกเตือนก็เข้าใจในทันที แต่กลับกล่าวอย่างเป็นกังวลเล็กน้อย “หากจะยึดยักษ์กับโถวถัวที่พวกเขาเลี้ยงไว้ เกรงว่าพวกเขาจะเห็นต่าง”

“เห็นต่างหรือ ฮึ จะมีประโยชน์อันใด” มุมปากสีแดงสดของชายอักขระสีทองยกขึ้น เผยองศาเหยียดหยาม

ราชองครักษ์อักขระสีดำกล่าวทันที “พวกเขาย่อมไม่กล้าขัดขืนองค์ราชาแน่นอน”

ชายอักขระสีทองโบกมือตามอำเภอใจแล้วกล่าว “ประกาศคำสั่ง ให้พวกเขาพาสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของพวกเขาเข้ากองทัพใหญ่ของข้า บอกพวกเขา ข้าพบสถานที่ล่าสัตว์ยอดเยี่ยมแท่งหนึ่งแล้ว จะพาพวกเขาไปล่าสัตว์ให้เต็มที่”

“ผู้น้อยทราบแล้ว!” ดวงตาราชองครักษ์อักขระสีดำเป็นประกาย

ในคูเมืองเผ่าฝูมุมหนึ่ง มู่ชิงเกอกับซือมั่วอยู่ที่มุมอับตาสันโดษแห่งหนึ่ง นั่งหันหน้าเข้าหากัน ตรงเท้าพวกเขาเป็นศพของเด็กน้อยหนึ่งศพ

“อายุยังน้อย คาดไม่ถึงว่ามีความคิดเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ลงมือโหดเหี้ยม โตขึ้นมาจะกลายเป็นหายนะ” มู่ชิงเกอมองศพนั้นแล้วกล่าว

หากไม่ใช่นางตอบสนองไว เกรงว่าคงถูกเด็กน้อยคนนี้ลอบทำร้ายแล้ว

คำพูดของซือมั่ว ตรงไปตรงมา “คนของเผ่าฝูสมควรตาย”

“แต่ว่า พวกเราก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยก็ได้รู้ที่มาของเผ่าฝูเล็กน้อย” มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าว

ซือมั่วพยักหน้า “เด็กคนนี้รู้น้อยเกินไป ข้อมูลด้านการทหารที่พวกเรายังต้องการสืบหา เขาไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว”

“เช่นนั้นพวกเราก็หาคนที่เข้าใจเรื่องเหล่านี้มาไต่สวนแทน”มู่ชิงเกอกล่าว

ทั้งราตรีไร้เสียงสนทนา

วันรุ่งขึ้น ตรงคูเมืองฝั่งนั้นที่ซือมั่วกับมูชิงเกออยู่ ก็มีประกาศคำสั่ง ทันทีหลังจากนั้นในเมืองก็มีกลุ่มขบวนใหญ่โตมโหฬารออกเดินทาง

มู่ชิงเกอกับซือมั่วซ่อนอยู่ในกลุ่มคน มองเห็นขบวนที่จองหองลำพองตน รวมถึงยักษ์ที่พวกเขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ และสัตว์ประหลาดตัวผอมสูงที่คุ้นเคย

“สถานที่ล่าสัตว์หรือ” นํ้าเสียงซือมั่วเย็นเยียบเล็กน้อยนํ้าเสียงหยอกล้อ

‘สถานที่ล่าสัตว์’ ในประกาศคำส่งนั้นแม้จะไม่ได้บอกชัดว่าอยู่ที่ใด แต่พวกเขาสองคนฟังแล้วก็รู้ทันที ที่หมายก็คือแผ่นดินเทพมาร

“ดูท่าพวกเขาจะเริ่มเกณฑ์คนแล้ว” มู่ชิงเกอกล่าวเสียงตํ่า

ในดวงตาสีอำพันของซือมั่ว ปรากฎความเย็นยะเยือก “พวกเรา ตามไปกัน”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

แม้ซือมั่วจะไม่พูด นางเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

ทั้งสองตามไปเงียบๆ ระหว่างทางที่เดิน ซือมั่วสังเกตได้ว่าทิศทางที่คนเหล่านี้ไป คาดไม่ถึงว่าเป็นจุดหมายเดียวกับคนทั้งสอง เดิมพวกเขาก็ติดตามตำแหน่งของธงวิญญาณมารอยู่ และทิศทางที่คนเหล่านี้ไปก็เป็น ทิศทางเดียวกัน

ตลอดทาง มีคนรวมตัวเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ

ในขบวนของพวกเขา ต่างก็มียักษ์และคนตัวเขียวที่ผอมสูงนั้นอยู่ด้วย

สัตว์ประหลาดตัวเขียวที่เคยทำให้แผ่นดินเทพมารหมดหนทางจะรับมือ ปวดหัวอย่างถึงที่สุด คาดไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่จะมีสถานะราวกับสัตว์ที่เลี้ยงไว้

“ข้ารู้สึกว่าธงวิญญาณมารอยู่ที่นี่” ผ่านไปสิบวัน พวกเขามาถึงเมืองที่ใหญ่โตแห่งหนึ่ง ซือมั่วกล่าวกับมู่ชิงเกอ

ข้างหน้าพวกเขาไม่ไกล ล้วนแต่เป็นขบวนที่แน่นขนัด

ขบวนเหล่านี้ คือกำลังทหารของเผ่าฝู

แน่นอน นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด

“ธงวิญญาณมารอยู่ในมือคนผู้นั้นหาธงวิญญาณมารเจอก็สามารถหาร่างจริงของคนผู้นั้นเจอ เขาเคยเข้าแผ่นดินเทพมารสองครั้งนี้ แต่ละครั้งล้วนแต่มีแผนร้ายคิดสังหาร ครั้งนี้พวกเราทำลายร่างจริงของเขาเสียดีหรือไม่” มู่ชิงเกอ เสนอความคิดเห็น

ซือมั่วตาเป็นประกาย พยักหน้ากล่าว “ดีเหมือนกัน”

พูดจบ ทั้งสองก็เลิกตามขบวน ไปตามหาปราณของธงวิญญาณมารแทน

ด้วยฝีมือของคนทั้งสอง จึงหลบออกจากคนเผ่าฝูเหล่านั้นมาถึงข้างนอกหอสูงแห่งหนึ่งได้อย่างปราดเปรียว

“ธงวิญญาณมารอยู่ข้างใน” ซือมั่วกล่าวอย่างมั่นใจ

“พวกเราเข้าไปกันเถอะ” มู่ชิงเกอมองประเมินหอสูง กระตุกปากยิ้ม กล่าว “ที่นี่ดูแล้วสูงกว่าหอคอยที่อื่นมาก น่าจะเป็นที่พักอาศัยของผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์คนหนึ่ง

“เด็กคนนั้น เคยบอกว่า ผู้ปกครองของพวกเขา เป็นคนที่มีอักขระสีทองตรงหน้าผาก ไม่แน่ว่าที่นี่อาจจะเป็นที่อยู่ของเขา” ซือมั่วกล่าว

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วน้อยๆ “แต่ว่า คนผู้นั้นที่แฝงตัวเข้าไปในแผ่นดินเทพมาร กลางหน้าผากไม่มีอักขระ”

“เป็นเพียงร่างแยกเท่านั้น” ซือมั่วกล่าวเสียงเรียบ

ขณะที่ทั้งสองพูดคุย ก็แฝงตัวเข้าไปเงียบๆ

เมื่อเข้าไปใกล้แล้ว ซือมั่วก็ใช้ประโยชน์จากธงวิญญาณมารเคลื่อนตัวไปถึงห้องที่ธงวิญญาณมารอยู่ทันที ไม่ทำให้ผู้ใดแตกตื่น

ซือมั่วยืนอยู่ในห้อง โบกมือธงวิญญาณในฝ่ามือเขาเอง

ทว่า ตอนนี้กลับมีคนเข้ามา

ทั้งสองสบตากันปราดหนึ่ง ซ่อนลมปราณ ซ่อนตัวทันที

ผู้ที่เข้ามา คือชายอักขระสีทอง เมื่อเขาปรากฎตัว คิ้วของมู่ชิงเกอก็เลิกขึ้น แต่ว่า ฉากต่อมา กลับทำให้คนทั้งสองตกตะลึง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version