Skip to content

พลิกปฐพี 963

ตอนที่ 963

ตอนพิเศษ 4

เมฆบนฟ้า เงาบนดิน

ท่ามกลางความดำมืดของกลุ่มธาตุอากาศ ในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับหยุดชะงัก

ที่นี่เสมือนกับว่าทุกอย่างไร้ชีวิต ความรู้สึกทำลายล้างชนิดหนึ่ง แผ่ขยายอยู่รอบด้าน

ในส่วนลึกที่ดำมืดไม่มีที่สิ้นสุด คล้ายมีแสงทองกะพริบอยู่รางๆ

ขณะที่กำลังตามหาแสงสว่าง ก็คล้ายกับตกลงในที่ที่ดำมืดยิ่งกว่า

‘ข้าคือใคร ข้าอยู่ที่ไหน’

ในที่ลึก ภายใต้การโอบล้อมของแสงทองกลุ่มนั้น มีเค้าโครงมนุษย์ผู้หนึ่งรางๆ ผ่านแสงสีทองไป จึงพบว่า ข้างในมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งนอนอยู่อย่างสงบนิ่ง

เสื้อผ้าบนร่างเขา ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้ว สีก็ซีดลงแล้ว เนื้อผ้าที่ทอเป็นรูปเมฆก็ทรุดโทรมอย่างยิ่ง

กระทั่ง แม้แต่ผิวก็มีแนวโน้มว่ากำลังจะแห้งเหี่ยว

ที่แปลกก็คือ ลมหายใจของเขายังคงสงบนิ่งราวกับนอนหลับอยู่

บนใบหน้าเขา รวมถึงผิวที่เผยให้เห็น มีอักขระสีทองต่างๆ เปล่งประกายระยิบระยับ อักขระเหล่านี้ปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของเขา แท้จริงแล้วพวกมันกำลังปกป้องเขา หรือกักขังเขาอยู่กันแน่

ที่มาของอักขระสีทองเหล่านี้คล้ายไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง พลังแข็งแกร่งที่กระจายออกมา ขัดขวางรอยแยกในช่องว่างที่จู่โจมทำร้ายรอบด้าน

ที่นี่คือขอบเขตที่เป็นเอกราชและพิเศษปิดล้อมบุรุษไว้ข้างใน และปกป้องไว้ในนั้น

สติที่เลอะเลือนค่อยๆ ฟื้นตัวอยู่ที่ส่วนลึกในสมองของชายหนุ่ม

คล้ายกับว่าเขาหลับไปนานอย่างยิ่ง…หนึ่งเดือน หนึ่งปี? สิบปี? ไม่ ดูเหมือนจะนานกว่านั้น ร้อยปี? หรืรึอว่าหลายร้อยปี หลายพันปี?

หลับไปครั้งนี้ ยาวจนเขาลืมแล้วว่าตัวเองเป็นใคร เหตุใดถึงปรากฎตัวอยู่ที่นี่ได้

ตอนที่จิตสำนึกที่หลับลึกค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ชายหนุ่มก็ถามตัวเองในใจไม่หยุด

ความทรงจำที่กลบเต็มไปด้วยฝุ่นเหล่านั้น ภายใต้การร้องเรียกไม่หยุดของเขา ในที่สุดก็เริ่มคลายออก ทำให้เขา ‘มองเห็น’ อดีตของตนเอง

นั้นเป็นโลกที่งามยิ่งนัก!

“ข้าเป็นใครกันแน่…”

ท้องฟ้าฟ้าอย่างยิ่ง เงียบสงบอย่างยิ่ง ใสกระจ่ายอย่างยิ่ง และยังสงบสุขอย่างยิ่ง

ฟ้าดิน กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่โดดเด่นต่างๆ นานา นั้นคือโลกที่หลากหลายใบหนึ่ง ไม่คิดว่าเขาในตอนนี้จะรู้สึกได้แค่เพียงความโดดเดี่ยวที่ไร้ที่สิ้นสุด

“ศิษย์เอ๋ย สิ่งที่อาจารย์พูด เจ้าได้ยินหรืรีอไม่” ไม้เรียวที่ทำจากหยก ตกลงกลางศีรษะของเขาอย่างหนักหน่วง

ไม้เรียวนี้ ดึงเขากลับมาจากความคิดที่ลอยไปไกล มองเห็นภาพเบื้องหน้า

เขานั่งคุกเข่าอยู่บนยอดเขา ข้างหน้าเขาไม่ไกล มีต้นโพธิ์ที่ใหญ่อย่างยิ่งหนึ่งต้น ใต้ต้นไม้ มีชายชราชุดขาวหนึ่งคน ผมขาวแต่ผิวยังมีเลือดฝาด ในมือถือไม้เรียว แม้ว่าท่าทางจะเคร่งขรึม แต่เขากลับมองเห็นความเป็นห่วงและรอยยิ้มในแววตาของชายชรา

“อาจารย์!” คำเรียกที่จำได้ขึ้นใจดังออกมาจากปากอย่างไม่ทันได้คิด

‘อาจารย์…ที่แท้แล้ว ข้าก็มีอาจารย์หนึ่งคน’ ท่ามกลางความว่างเปล่าของกลุ่มธาตุอากาศ ชายผู้ที่ถูกอักขระสีทองห่อหุ้ม หัวใจที่ขาดหายหากลับมาได้หนึ่งชิ้นแล้ว

การฟื้นตัวของความทรงจำ ทำให้หัวใจที่แตกสลายของเขาได้รับการฟื้นคืน โลหิตที่อุ่นร้อน เริ่มส่งจากหัวใจไปยังกระดูกแขนขาทั้งสี่

“เจ้าเด็กคนนี้ ชอบนิ่งเงียบอยู่เสมอไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้ากำลังตั้งใจฟัง หรือว่ากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่” ชายชราส่ายหน้าอย่างจนใจ วางไม้เรียวในมือลง

ในดวงตาที่รักใคร่เอ็นดูคู่นั้น สะท้อนภาพเด็กหนุ่มผู้หนึ่งออกมา

เด็กหนุ่มสวมชุดสีม่วง หน้าตางามราวกับหยก ในตาหงส์ที่หางตาเฉียงขึ้นคู่นั้น มีความปราดเปรียว รวมถึงความเฉื่อยชาที่คนอื่นมองไม่เห็นหลายส่วน

อายุยังน้อย เอกลักษณ์ไม่ธรรมดา ราวกับลิขิตไว้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนทั่วไป ในภายหน้าจะต้องกางปีกเป็นมังกร

“อาจารย์ศิษย์ผิดเอง” เด็กหนุ่มน้อมคำนับด้วยความเคารพยอมรับผิด

ท่าทางถ่อมตัวเช่นนี้กลับเห็นได้น้อยยิ่งนัก

ชายชรายิ้มน้อยๆ กล่าวอย่างไม่ถือสา “เจ้ามีสติปัญญาเป็นเลิศ ผู้ชราไม่อยากบังคับเจ้าเหมือนศิษย์คนอื่นๆ เพียงแต่ มีเรื่องเรื่องหนึ่ง ที่อาจารย์กังวลใจมาโดยตลอด คิดไปคิดมา วันนี้จึงมาพูดกับเจ้าเสีย”

“อาจารย์โปรดพูด” เด็กหนุ่มยังคงเคารพ

ชายชราถอนหายใจพยักหน้า “พื้นดวงกำเนิดเจ้าไม่เหมือนใคร อาจารย์คิดคำนวณซํ้าไปซํ้ามาสามรอบ ก็ยังรู้สึกสับสนงุนงง มองเห็นได้แค่เพียงเคราะห์กรรมตอนที่เจ้าอายุ 58,000 ปีรางๆ หากผ่านไปได้ด้วยดี เจ้าก็จะมีฝีมือเพิ่มขึ้น แต่หากทำไม่ได้…เฮ้อ…”

ชายชราส่ายหน้าถอนหายใจ

แต่เด็กหนุ่มกลับยิ้มอย่างไม่สนใจ “ไม่ได้ ก็ย่อมต้องกลับคืนสู่สังสารวัฏเท่านั้นเอง”

บุคลิกสบายๆ ส่วนนี้ของเขาทำให้ชายชรานอกจากจะชื่นชมแล้วก็ยังปวดใจอย่างถึงที่สุด

ศิษย์ผู้นี้ทำให้เขาสบายใจที่สุด แต่ก็ทำให้เขาเป็นกังวลที่สุดเช่นกัน

เพราะว่า ความคิดของเขาซ่อนอยู่ลึกเกินไป เก็บทุกอย่างไว้ในใจ

สิ่งที่แสดงออกมา มักจะเป็นท่าทีที่ไม่สนใจใยดีเสมอ

ได้รับบาดเจ็บ คนอื่นมองเห็นท่าทีของเขาก็คิดเพียงแค่เขาบาดเจ็บไม่หนัก แต่กลับไม่รู้ว่า เขาบาดเจ็บหนักเจียนตาย

“อาจารย์เคราะห์กรรมอะไรหรือ” เด็กหนุ่มกล่าวถามอย่างตั้งใจ

อย่างไรเสีย 58,000 ปี ก็ยังห่างไกลจากเขาอย่างยิ่ง

เคราะห์กรรมหรือ

ชายชราตกตะลึง เนิ่นนานกลับไม่พูด

เคราะห์กรรมนี้ของศิษย์ เขามองไม่เห็น คล้ายเกี่ยวข้องกับความรักชายหญิง ซํ้ายังคล้ายเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ทั้งยังดูเหมือนเป็นพรมลิขิตหลายส่วน

ถูกตาหงส์ที่เปล่งประกายคู่นั้นของศิษย์จ้องมอง ในที่สุดชายชราก็กล่าว “เคราะห์กรรมที่ว่า ตามมาด้วยชะตากรรมความเป็นความตาย ทั้งหมด ด้านบวกด้านลบสองด้าน ศิษย์เจ้าจำไว้ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์สิ้นหวังมากน้อยเพียงใด ก็ไม่อาจละทิ้งได้ง่ายๆ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ

“ชะตาของเจ้า คล้ายเมฆมิใช่หมอก ราวกับเงาที่ติดตาม อาจารย์มองไม่เห็น แล้วก็เดาไม่ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำได้เพียงอาศัยตัวเจ้าเอง นับตั้งแต่วันนี้ไป อาจารย์จะตั้งชื่อให้เจ้า อวิ๋นอิ่ง (เงาเมฆ) เจ้าจำไว้ เมฆก็ดี เงาก็ดี ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดา แต่กลับเป็นสิ่งที่คงอยู่ตลอดกาล ไม่เคยสลายไป”

“อวิ๋นอิ่งหรือ เมฆบนฟ้า เงาบนดิน…อวิ๋นอิ่ง” เด็กหนุ่มกล่าว พึมพำเสียงต่ำ

‘อวิ๋นอิ่ง ข้าชื่ออวิ๋นอิ่ง! ที่แท้แล้ว ชื่อของข้าก็คืออวิ๋นอิ่ง’ ในความว่างเปล่า ชายผู้ถูกอักขระสีทองห่อหุ้ม สติที่เลอะเลือน ฟื้นคืนมาหลายส่วนแล้ว

หัวใจที่ถูกผนึก มีสีสันสดใสขึ้นมาอีกครั้งแล้ว โลหิตไหลเวียน ในโลหิตของเขา มีแสงสีทองแปลกประหลาดชนิดหนึ่งปรากฎขึ้น ตามการไหลเวียนของโลหิต ผิวที่แห้งกรังสีเทา ก็ค่อยๆ กลับมาชุ่มชื้นและมีสีสันอีกครั้ง

กระทั่ง บนอักขระสีทองบนผิวของเขาที่แนบสนิทเหล่านั้นก็มีรอยแตกเล็กๆ ปรากฎขึ้น

“ฮ่วนเยวี่ย! เจ้าทำอะไร!”

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงที่เด็ดขาดเสียงหนึ่งก็ทะลุเข้ามาในความทรงจำในสมองเขา

‘ใคร นี่คือใคร เหตุใดเสียงของนาง ข้าถึงคุ้นเคยเช่นนี้ กระทั่งสัมผัสได้ถึงความคิดถึง’ ชายหนุ่มที่อยู่ในการหลับใหล ชีพจรเริ่มเต้นแรงขึ้นมา

หลังจากเสียงของหญิงสาว ในความทรงจำของเขาก็ปรากฎภาพ อีกภาพหนึ่ง

นั่นคือแผ่นดินที่ลุกเป็นไฟ ทุกหนทุกแห่งต่างก็มีร่องรอยของศึกสงคราม

พวกเขามีคนจำนวนมากยืนอยู่ด้วยกัน และในสายตาเขา ก็มองเห็นเพียงเงาบางๆ ที่แสบตาราวกับดวงอาทิตย์แดงฉานดุจโลหิต

นางงดงามยิ่งนัก ในเครื่องหน้าที่ละเอียดอ่อนเหนือใคร มีความองอาจที่สตรีทั่วไปยากจะมี

ใบหน้า ความงามที่ยากจะแยกชายหญิงชนิดนั้นทำให้นางต่างจากสตรีคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

‘นางแตกต่าง นางพิเศษ’ ชายหนุ่มกล่าวในใจ

มองเห็นสตรีผู้นี้ เขาก็คล้ายรู้สึกคุ้มค่าที่จะเชื่อใจอย่างยิ่ง ทำให้คนสบายใจอย่างยิ่ง และทำให้เขาสนใจ…

“โอกาสนี้ปล่อยให้เป็นของข้าเถอะ ไม่แน่ว่า ท่ามกลางความเป็นความตายนี้ข้าเองก็อาจจะตระหนักถึงหัวใจสำคัญของการเข้าสู่ขั้นบรรพเทพได้เหมือนกัน…”

‘นี่คือคำพูดที่ข้าพูดหรือ’ ชายหนุ่มกำลังถามตัวเอง

เขารู้สึกได้ถึงความกังวลและความไม่ยินยอมในแววตาของหญิงสาว และยังมองเห็นชายชุดดำผู้นั้นที่ยืนอยู่ข้างกายนาง

‘ที่แท้แล้ว ข้าก็มาช้าไป’ ตอนที่มองเห็นชายผู้นั้น เขาก็คล้ายเข้าใจอะไรบางอย่างได้ในใจ

“อีกอย่าง ข้าไม่ได้ชื่อฮ่วนเยวี่ย ข้าชื่อ อวิ๋นอิ่ง” นี่คือคำพูดที่เขาพูดกับหญิงผู้นั้น ตอนที่เขาพูดประโยคนี้จบ เขาก็คล้ายถูกแรงดึงดูดที่แข็งแกร่งหนึ่งกลุ่ม ดูดเข้าไปในถํ้าลึกแห่งหนึ่ง

ในถํ้า มีอักขระสีทองตัวใหญ่ยักษ์หนึ่งตัว

อักขระตัวนั้น เต็มไปด้วยความลึกลับ พลังชนิดนั้นทำให้คนหวาดกลัว

ชั่วพริบตา ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ถูกแสงทองปกคลุม

ทว่า เขายังจำภารกิจอันหนักอึ้งของเขาได้โจมตีสุดแรง เขาฉีกรอยแยกช่องว่างออก แขนทั้งคู่โอบอักขระสีทองแน่น พุ่งเข้าไปในรอยแยกนั้น

“พวกชั้นตํ่า เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” อักขระสีทองกล่าวด้วยความโมโห

ความโกรธของมัน กลายเป็นแสงทองนับไม่ถ้วน แสงทองเหล่านั้นก่อตัวจากอักขระที่แตกต่างกัน พวกมันกรูกันเข้าไปในร่างกายของเขาพร้อมกัน กัดกร่อน กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างของเขา

“อ๊ากกก!” ความเจ็บปวดที่ไม่เจอมาก่อน ทำให้เขาร้องตะโกนออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงไม่ปล่อยมือ กลับกอดอักขระสีทองไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม

“ไปตายซะ! ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะใช้ร่างกายนี้ของเจ้าเป็นกาฝาก วะฮ่ะๆๆๆ!” ในน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว มีเสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งดังออกมา

แสงทองทั้งหมดกรูเข้าไปในร่างกายของเขา เกาะตัวเป็นอักขระเล็กละเอียดทีละชั้นๆ บนผิวชั้นนอกของเขา

เขาตกลงไปในที่ลึกที่สุดของช่องว่างพร้อมกับอักขระ

‘นี่ก็คือเคราะห์กรรมนั้นที่อาจารย์บอกหรือ ถ้าหากว่า ขอเพียงแค่นางสบายดี ข้าก็จะยอมอดทนต่อความเจ็บปวด’ ก่อนที่สติเขาจะจมดิ่งสู่การหลับใหล ในใจเขาก็ทิ้งความหวังสุดท้ายที่จะตื่นขึ้นมาไว้ในใจ

ความทรงจำที่ปิดสนิท ค่อยๆ คืนกลับมา

ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดล้วนกลับเข้ามาสู่สมองของเขา

เขาจดจำทุกอย่างได้แล้ว ทั้งยังจำคำพูดที่อักขระสีทองนั้นพูดได้เช่นกัน มุมปากเขายกขึ้นช้าๆ เผยรอยยิ้มที่คลุมเครือออกมา

ทันใดนั้น มือทั้งคู่ของเขาก็กำหมัดอย่างรวดเร็ว ตะโกนลั่นหนึ่งครา “ย๊ากกก!”

หลังจากเสียงคำรามดังสนั่น ทำลายความเงียบสงัดในช่องว่าง และยังสั่นสะเทือนอักขระสีทองรอบกายเขาจนแตกละเอียด

อักขระสีทองที่แตกละเอียดเหล่านั้น กลายเป็นแสงดาวสลายหายไป

เขาลุกขึ้นยืนอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า สายลมที่ว่างเปล่า พัดเสื้อที่หลุดรุ่ยของเขา ผมยาวสีดำก็พลิ้วสยาย

‘บรรพชนเผ่าฝู เจ้าต้องการร่างกายของข้า เจ้ากับข้าต่อสู้กับมา หลายปีเพียงนี้สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นข้าที่ชนะ!’ ดวงตาที่ปิดแน่นของเขา เปิดขึ้นฉับพลัน

ส่วนลึกในดวงตาเขา อักขระสีทองกะพริบวาบ

เขาค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น ในมือเกาะกลุ่มเป็นอักขระสีทอง เขามองอักขระ ในตาหงส์ที่เฉียงขึ้น มีความเฉื่อยชาที่งามสง่าที่สุดชนิดหนึ่ง “มู่ชิงเกอ ข้าบอกแล้วว่าพวกเราจะเจอกันอีกครั้งที่โลกใบหลัก ตอนนี้ อวิ๋นอิ่งมาตามสัญญาแล้ว!”

พูดจบ อักขระสีทองในมือเขาก็ยิงออกไปในความว่างเปล่า

ชั่วพริบตาก็แยกความว่างเปล่าออกเป็นเส้นทางที่ลึกมืด ในเส้นทางนั้น มีแสงหลากสี ส่องแสงระยิบระยับไม่ขาดสาย

เขายืนมือไพล่หดัง สง่างามล่มเมือง จ้องมองเส้นทางนั้น เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา ยกขาก้าว เรือนร่างที่สูงใหญ่ผ่าเผย ราวกับถูกดูดเข้าไปในทางเดิน หายตัวไปแล้ว

หลังจากที่เขาหายตัว เส้นทางนั้นก็ปิดอย่างรวดเร็ว ถูกช่องว่างที่กรูเข้ามารอบด้าน ลบร่องรอยทั้งหมดออกไป

เสมือนกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version