Skip to content

พลิกปฐพี 964

ตอนที่ 964

ตอนพิเศษ 5

ชีวิตคนดั่งคะนึงแรก

“เจ้าก็ชอบดื่มสุราเหมือนกันหรือ”

“ทิวทัศน์งาม คนงาม ย่อมต้องมีสุราดี”

ในแดนอู๋หวา ใต้ทิวทัศน์งามที่หาได้ยากแห่งนี้ แสงอาทิตย์อัสดงตกลงบนร่างชูเนี่ยน นางเผยรอยยิ้มที่งดงามออกมา ไหสุราในมือชนกับมู่ชิงเกอเบาๆ

“ชน!” อยู่เบื้องหน้าสุรา ความตรงไปตรงมาของนางต่างจากความสุขุมในวันปกติ

“ชน” สตรีเช่นนี้ มู่ชิงเกอเองก็ชื่นชมอย่างถึงที่สุด

ทั้งสองอาบแสงอาทิตย์ยามเย็นร่วมกัน ดื่มสุราด้วยกัน พูดคุยสัพเพเหระ มีความสุขยิ่งนัก

แต่ว่า…

บนดาดฟ้าเรือต้าเซียน ท่ามกลางมหาสมุทรดวงดาวทั่วท้องฟ้า มู่ชิงเกอเก็บความทรงจำกลับมา ถอนหายใจเงียบๆ

เจียงหลี ชูเนี่ยน

เพราะว่าพวกนาง แบกรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เดิมนางควรจะแบกรับ

“คิดอะไรอยู่” ซือมั่วเดินมาข้างหลังมู่ชิงเกอ แขนยาวโอบผ่านเอวของนาง มือใหญ่กอดนางเข้ามาในอ้อมอก

“ชูเนี่ยน” มู่ชิงเกอไม่ปิดบัง

สายตาซือมั่วกะพริบวาบ ไม่เอ่ยปาก

ชูเนี่ยน เฟิ่งหวงที่ร่วมเป็นร่วมตายกับมู่ชิงเกอ ยินยอมชดใช้ผลข้างเคียงที่มากับการใช้คาถาหวนคืนเพื่อนาง หญิงสาวที่ถูกลบร่องรอยทุกอย่างออกไปผู้นั้น

“ชูเนี่ยนเคยบอกว่า ไม่ช้าไม่เร็วนางก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้า จะต้องหาปราณที่ทิ้งไว้บนร่างข้า หาข้าให้เจอ นางบอกว่า นางเป็นนกอมตะ ไม่อาจตายไปจริงๆ ได้ จะต้องกลับชาติมาเกิด นางจะกลับมาจริงหรือไม่” มู่ชิงเกอละสายตามองดวงตาทั้งคู่ของซือมั่วแล้วกล่าวถาม

ซือมั่วจ้องมองนาง ยิ้มบางๆ กล่าวอย่างตั้งใจจริง “เป็นเรื่องจริง”

คำถามนี้ร้อยปีมานี้ไม่รู้ว่าเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาถามมากี่รอบแล้ว แต่ทุกครั้ง เขาก็จะตอบอย่างตั้งใจและคำตอบล้วนเหมือนเดิม

เขารู้ดีว่ามู่ชิงเกอกำลังกลัว

กลัวว่าชูเนี่ยนจะปลอบใจนาง เพื่อให้นางวางใจจึงโกหก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว…

ซือมั่วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย อันที่จริงตามการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วของตบะบำเพ็ญพวกเขาในช่วงหลายปีมานี้ทำให้เข้าใจมากขึ้น คำตอบเรื่องชูเนี่ยนก็ชัดเจนยิ่งขึ้นเช่นกัน

ในใจเขารู้ดี ในใจมู่ชิงเกอก็รู้ดีเช่นกัน

เพียงแต่ว่า นางยังคงกอดเก็บความหวังอันน้อยนิดนั้นไว้อยู่

“ข้าเชื่อนาง นางจะต้องกลับมา” มู่ชิงเกอกล่าวด้วยนํ้าเสียงเรียบนิ่ง

ซือมั่วพยักหน้า มองท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวที่ไร้ขอบเขตจำกัด “บางที ตอนนี้นางอาจจะกลับชาติมาเกิดใหม่ในจักรวาลขนาดใหญ่ที่พวกเราไม่รู้จักสักแห่งหนึ่ง หลังจากที่นางนิพพานฟื้นคืนความทรงจำทั้งหมดแล้ว นางก็จะกลับมาหาเจ้าได้”

“ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน” มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างหนักแน่น

นอกมหาสมุทรดวงดาวที่ห่างจากเรือต้าเซียนไกลแสนไกล มีจักรวาลขนาดใหญ่ นามว่า เฟิ่งลิ่น

นี่คือจักรวาลขนาดใหญ่ที่มีอสูรอยู่เป็นหลัก อสูรนับหมื่นอยู่ทั่วทุกสารทิศ มีรูปร่างลักษณะต่างๆ นานา งดงามน่าอัศจรรย์ในจักรวาลขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การปกครองของเฟิ่งลิ่น ตระกูลเฟิ่งหวงที่ตกอับ ในที่สุดก็ได้ต้อนรับชีวิตใหม่ชีวิตแรกในช่วงเวลาหนึ่งพันปีมานี้ของพวกเขา

“โอ๊ยยย! เจ็บจะตายแล้ว!”

“ฮูหยิน ท่านทนอีกหน่อย ใกล้จะออกแล้ว”

“ฮูหยินท่านต้องอดทนนะ! ความหวังตระกูลของพวกเรา ฝากฝังไว้ที่ท้องท่านแล้ว!”

“ฮูหยินออกแรง! ออกแรงหน่อย!”

ข้างในข้างนอกรัง ตื่นตระหนกไม่หยุด

นอกรัง มีบุรุษของตระกูลนี้ยืนอยู่ พวกเขาต่างก็มีหน้าตาหล่อเหลา นัยน์ตาหงส์แคบยาวต่างก็เป็นสีแดงเหมือนกันทั้งหมด

แต่สีแดงชนิดนั้นกลับไม่บริสุทธิ์ มีสีเทาเจือปนเล็กน้อย ทำลายความงามที่บริสุทธิ์ชนิดนั้น

พวกเขาเป็นเผ่าเฟิ่งเพลิง แต่เพราะว่าสายเลือดไม่บริสุทธิ์จึงตกอับลงอย่างช้าๆ

“ท่านพ่อ หากครั้งนี้พี่สะใภ้สามารถคลอดบุตรที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ออกมาได้ ตระกูลพวกเราก็จะมีความหวังอีกครั้ง” ชายผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ข้างผู้นำตระกูลกล่าวเสียงต่า

ส่วนชายวัยกลางคนผู้นั้นที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาและกำลังรอผลจากในห้องด้วยความร้อนใจ หลังจากได้ยินประโยคนี้แล้วก็ละสายตามองไปข้างหลังปราดหนึ่ง จากนั้นก็เก็บสายตากลับไปด้วยแววตากังวล

ผู้นำตระกูลถอนหายใจหนึ่งครา เหลือบตาขึ้นมองในห้องปราดหนึ่งแล้วกล่าวเสียงต่ำ “หวังว่าสวรรค์จะคุ้มครอง สายเลือดเฟิ่งหวง เดิมก็สืบทอดทายาทไม่ง่ายเหมือนเผ่าอื่นอยู่แล้ว คราวนี้ ตระกูลพวกเราจะได้มีเฟิ่งหวงคนใหม่เสียที หวังว่าสวรรค์จะเมตตาสักหน่อย ให้สายเลือดของเด็ก คนนี้บริสุทธิ์ขึ้นบ้าง”

“ใช่แล้ว! ขอเถอะ!”

“หวังว่าสวรรค์จะเมตตา”

“ตระกูลพวกเรา รอมากว่าพันปีแล้ว ครั้งนี้อย่าทำให้ผิดหวังอีกเลย”

ความคาดหวังของคนในตระกูล เสียงร้องโอดครวญที่เจ็บปวดของภรรยาทำให้ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูเกิดความกังวลขึ้นมาในใจ

เขาเป็นถึงลูกชายคนโต แบกรับหน้าที่สร้างความรุ่งเรืองให้วงศ์ตระกูล เขารู้ดีว่า ตระกูลในตอนนี้ ต้องการการปรากฎตัวของเด็กผู้มีสายเลือดบริสุทธิ์หนึ่งคนเพื่อมาแก้ไขสถานการณ์ทั้งหมดมากมายเพียงใด

แต่ว่า เขาเองก็เป็นสามี เป็นพ่อ เขาเห็นความคาดหวังของคนในตระกูล ได้ยินคำวิงวอนของพวกเขา แต่ว่า เขากลับยิ่งเป็นห่วงว่าภรรยาของเขาจะปลอดภัยหรือไม่

เครื่องหน้าทั้งห้าที่หล่อเหลาของเขาขึงตึงเป็นเส้น ในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมหายใจก็เผลอกลั้นไว้อย่างไม่รู้ตัว

“โอ๊ยยย!”

เสียงที่น่าเวทนาเสียงหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่รออยู่นอกประตูด้วยความร้อนรนใจนั้น ชายที่ยืนอยู่นอกประตูผู้นั้นขาอ่อนยวบ แทบจะทรุดลงไป

“พี่ใหญ่!” โชคดี ชายผู้นั้นที่พูดกับผู้นำตระกูลก่อนหน้านี้ตาไว มือไวพยุงศอกของเขาไว้ทันจึงไม่ทำให้เขาขายหน้า

“ไม่ต้องกังวล” ชายผู้นั้นปลอบข้างหูเขาหนึ่งประโยค

เขาพูดยังไม่ทันขาดคำก็เห็นประตูห้องที่ปิดสนิทเปิดออก

สตรีที่อ่อนหวานชดช้อยนางหนึ่งวิ่งออกมาด้วยความดีใจ กล่าวอย่างตื่นเต้น “คลอดแล้ว! คลอดแล้ว! ฮูหยินคลอดแล้ว!”

คลอดแล้ว

ข่าวๆ นี้ ทำให้คนด้านนอกต่างถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย

นี่คือชีวิตใหม่ชีวิตแรกของตระกูลในช่วงเวลาพันปีมานี้

แน่นอน สายเลือดบริสุทธิ์หรือไม่ ยังต้องรอหลังจากฟักไข่ เด็กมีอายุเจ็ดปีแล้วจึงจะสามารถตรวจสอบได้

“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายเถิด” ผู้นำตระกูลแอบถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย หมุนตัวโบกแขนเสื้อกล่าวกับคนในตระกูลที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง

“ยินดีกับผู้นำตระกูล ยินดีกับคุณชายใหญ่!”

“ยินดีกับผู้นำตระกูล ยินดีกับคุณชายใหญ่!”

กลุ่มคนในตระกูลต่างแสดงความยินดีอย่างอาลัย จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย

“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้าง” หลังจากผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว ชายผู้นั้นจึงกล่าวถามสาวใช้ผู้นั้น

สาวใช้กล่าว “ฮูหยินสบายดีอย่างยิ่ง เพียงแค่อ่อนเพลียหลังคลอดเล็กน้อย”

ได้ยินประโยคนี้จิตใจที่เป็นกังวลมาโดยตลอดของชายผู้นั้นในที่สุดก็วางลง

ตอนนี้ ผู้นำตระกูลเดินเข้ามากล่าวกับเขา “เอาล่ะ ในเมื่อลูกสะใภ้ไม่เป็นอะไร พวกเราก็แยกย้ายกันไปเถอะ ตามกฎแล้ว นางต้องฟักไข่เฟิ่งหวงตัวน้อยของตระกูลเราจึงจะสามารถออกมาได้ถึงตอนนั้นแล้วพวกเราก็จะได้ยลโฉมว่าเฟิ่งทวงน้อยที่รอมากว่าพันปีผู้นี้”

“ขอรับ ท่านพ่อ!”

“ขอรับ ท่านพ่อ!”

ชายที่หน้าตาหล่อเหลาเหมือนกันสองคนกล่าวด้วยความเคารพ

ตอนที่กำลังจะออกมา ชายผู้ที่โตกว่าเล็กน้อยผู้นั้นก็กำชับสาวใช้ให้ดูแลเป็นอย่างดี จากนั้นจึงจากมาอย่างอาลัยอาวรณ์

ในถ้ำรัง สตรีที่ล้างเนื้อล้างตัวสะอาดแล้ว ในอ้อมอกกำลังอุ้มไข่ที่เกลี้ยงเกลาเป็นมันวาวหนึ่งใบเอาไว้

“เด็กน้อย เจ้ายังต้องรออีก 49 วันจึงจะฟักตัวออกมาได้ แม่รอเจอหน้าเจ้าไม่ไหวแล้วจริงๆ” ในดวงตาหญิงผู้นั้นมีความรักของผู้เป็นแม่ จ้องมองไข่ในอ้อมอก

คราบเลือดบนไข่ถูกเช็ดจนสะอาดแล้ว ตอนนี้มีความมันวาวจางๆ เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด

“ฮูหยิน ทานนํ้าแกงบำรุงเลือดลมหน่อยเจ้าค่ะ” สาวใช้เดินเข้ามา ในมือถือนํ้าแกงร้อนๆ หนึ่งถ้วย ส่งมาข้างกายหญิงผู้นั้น

หญิงผู้นั้นยื่นมือรับเข้ามา แต่กลับไม่ทันได้สังเกต ชั่วพริบตานี้ บนไข่เฟิ่งหวงที่ฟักตัวอยู่ในอ้อมอกนาง มีลายเฟิ่งหวงสีทองหนึ่งสายแวบผ่านท้ายที่สุดก็หายไปที่ด้านล่างของเปลือกไข่

เจ็ดปีให้หลัง

“คุณหนู คุณหนู ท่านอยู่ไหน” ในป่า สาวใช้น่ารักผู้หนึ่ง วิ่งมาอย่างรีบร้อน ค้นหาทั่วทุกสารทิศ

หลังจากที่นางวิ่งไปข้างหน้าแล้ว ศีรษะเล็กๆ ศีรษะหนึ่งก็ชะโงกออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่ มองแผ่นหลังของสาวใช้นางแลบลิ้นอย่างทะเล้น ลงมาจากต้นไม้ด้วยความคล่องแคล่วว่องไว สง่างามราวกับเฟิ่งหลากสี

“คุณหนู ท่านอยู่ที่นี่เอง!” ได้ยินการเคลื่อนไหวข้างหลัง สาวใช้ก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว หลังจากมองเห็นหนูน้อยที่คุ้นเคยแล้วจึงถอนหายใจอย่างไม่พอใจ

“ข้าอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว เจ้ามองไม่เห็นเอง” เด็กผู้หญิงเอามือไพล่หลัง เชิดคางแหลมๆ ขึ้นเล็กน้อย ท่าทางทะนงตนอย่างยิ่ง

“คุณหนูของข้ารีบตามข้ากลับไปเถิด ในจวนต่างก็รอท่านอยู่” สาวใช้กล่าวอย่างอ้อนวอน

เด็กผู้หญิงแสยะปากกล่าว “ก็แค่ตรวจสายเลือดมิใช่หรือ มีอะไรให้ตื่นตูมกัน”

สาวใช้ส่ายหน้าอย่างจนใจ “นั่นก็เพราะว่าคุณหนูไม่รู้ว่าพวกใต้เท้าผู้นำตระกูลรอมาเนิ่นนาน กว่าจะพบท่าน ตอนนี้ท่านเป็นความหวังของตระกูลแล้ว”

“ไปเถอะๆ” เด็กผู้หญิงโบกมืออย่างหงุดหงิด พลางเดินไปข้างหน้า พลางกล่าวพึมพำ “น่าเบื่อจริงๆ หลายปีมานี้ วันๆ เอาแต่พูดพรํ่า ข้างหูข้า รอตรวจสายเลือดออกมาก่อน สายเลือดของข้าจะต้องดีที่สุด!”

เดินเอ้อระเหยมาถึงสถานที่ตรวจเลือดของตระกูล เด็กผู้หญิงก็เพิ่งจะพบว่า ที่แท้แล้วคนทั้งตระกูลต่างก็รอนางอยู่จริงๆ!

ไม่เพียงแต่ท่านปู่ของนางที่อยู่ ท่านพ่อท่านแม่ ท่านอา แม้แต่ท่านป้าในห้องครัวที่จำชื่อได้จำชื่อไม่ได้เหล่านั้นต่างก็ถือมีดหั่นผักมายืนอยู่ตรงมุมของฝูงชน รอคอยอย่างตื่นเต้น

ขาที่ก้าวออกไปของเด็กผู้หญิง เก็บกลับมาอย่างอดไม่ได้กลืนนํ้าลาย ตอนนี้นางสงสัยเล็กน้อย ถ้าหากสายเลือดของตนไม่บริสุทธิ์ทำให้ตระกูลผิดหวัง ท่านป้าผู้นี้จะใช้มีดหั่นผักในมือนาง หั่นนางแล้วตุ๋นแกงบำรุงร่างกายให้ท่านปู่ของนางหรือไม่

“เด็กน้อย มานี่”

ในตอนที่นางคิดจะหนี เสียงของปู่นางกลับขัดนางไว้

นางเดินไปข้างหินตรวจเลือดอย่างไม่เต็มใจ นางกวาดสายตามองคนรอบข้างด้วยความกังวลเล็กน้อย

ถูกคนทั้งหมดจับจ้องอยู่ในใจนางก็เกิดความกลัวขึ้นมาน้อยๆ

“เข้าไป” ผู้นำตระกูลชี้บ่อรูปคนบนก้อนหินสีแดงเพลิงนั้นกล่าวกับเด็กผู้หญิง

ในดวงตาของเด็กผู้หญิงมีความหวาดกลัวแวบผ่าน เดินเข้าไปในบ่ออย่างพะว้าพะวง

ชั่วขณะ ลมหายใจของคนทั้งหมดก็ถี่กระชั้นขึ้นมา ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง ไม่ยอมพลาดการเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว

หินสีแดงที่สงบนิ่งก้อนนั้น ชั่วพริบตาก็ส่องแสงสว่างแยงตา แผ่คลุมตระกูลทั้งตระกูล

“โอ! เก้าสี!”

“ไม่นึกว่าจะเป็นเก้าสี!”

“สวรรค์! นี่คือเฟิ่งทวงเก้าสีหรือ สายเลือดที่สูงศักดิ์เช่นนี้ปรากฎอยู่ในตระกูลพวกเรา นับเป็นวาสนา!”

เสียงที่ตื่นเต้นของคนในตระกูล รวมถึงสีหน้าท่าทางนั้นเด็กหญิง มองไม่เห็นอย่างสิ้นเชิง

ตอนนี้นางคล้ายตกอยู่ในความรู้สึกอีกชนิดหนึ่ง ในสมองมีภาพนับไม่ถ้วนลอยผ่านมา เทตุการณ์ในภาพเหล่านั้นต่างก็แปลกตาสำหรับนาง แต่กลับเหมือนเป็นสิ่งลํ้าค่าที่สุดของนาง

“ผู้นำตระกูล สายเลือดที่สูงศักดิ์เช่นนี้ ผู้นำตระกูลต้องตั้งชื่อดีๆ ให้แล้ว!”

ใช่แล้ว! ถูกต้อง!

ผู้นำตระกูลตื่นเต้นจนยากจะเอ่ยปาก

ทว่า ในตอนนี้เอง ในแสงเก้าสี เด็กผู้หญิงเดินออกมาช้าๆ แสงสว่างปกคลุมอยู่บนร่างนาง ข้างทลังนางคล้ายมีเงาปีกของเฟิ่งหวงปรากฎออกมารางๆ

“ข้าชื่อชูเนี่ยน” นางเอ่ยปาก แต่กลับต่างออกไปจากเมื่อก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version