ตอนที่ 584
ความตกตะลึงของจวงซาน
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก
เพียงชั่วพริบตาเดียว มู่ชิงเกอก็อยู่ที่ดินแดนฮ่วนเยวี่ยมาได้ครึ่งปีแล้ว
ในครึ่งปีนี้ นางออกไปข้างนอกน้อยมาก เนื่องจากไม่มีอะไรต้องจัดการ ครึ่งปีนี้นางจึงตั้งใจ บำเพ็ญเท่านั้น กระทั่งว่าบางครั้งนางนั่งอยู่บนแท่นนอกถํ้ามองดูทิวทัศน์ดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็รู้สึกว่าช่างเป็นเวลาที่นางใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายสุขสบายที่สุดตั้งแต่มาเกิดใหม่
ไม่มีการใช้แผนทำลายล้างกัน ไม่มีการหลอกล่อกันไปมา และไม่มีภารกิจที่ทำอย่างไม่จบสิ้น
บนแท่นนอกถ้ำของสองคน มีผ้าต่วนปูอยู่ผืนหนึ่ง มู่ชิงเกอนั่งอยู่กับพื้น ด้านข้างมีกาสุรา นางไม่ได้บำเพ็ญและไม่ได้ไปหอเคล็ดวิชา
หลายวันมานี้ นางรู้สึกว่าพลังเทพในตัวถูกนางบีบอัดจนถึงจุดสูงสุดแล้ว
ผู้เฒ่าลึกลับบอกนางว่า ระยะนี้นางไม่ต้องบำเพ็ญ ให้ทำใจให้ปลอดโปร่งรับรู้ถึงหลักธรรมในโลก รอคอยเวลาทะลวงขอบเขต
ดังนั้น นางจึงเลือกที่จะนั่งอยู่ที่นี่ ดูดวงจันทร์ขึ้นดวงอาทิตย์ตก มีเกิดมีดับ
ทะเลเมฆไม่ใช่เมฆ เปลี่ยนแปลงคาดเดาไม่ได้
เขาไกลป่าใกล้ ทุกทิวทัศน์นั้นล้วนแฝงด้วยความหมายของหลักธรรม
มู่ชิงเกอนอนพิงอย่างขี้เกียจบนผ้าต่วนนั้น ใช้มือยันศีรษะไว้ ยื่นมือเกี่ยวหูกาสุรา รินสุรากลาง อากาศ นํ้าสุราออกจากปากกาเป็นเส้นสีเงินยวงเข้าสู่ปากของมู่ชิงเกอ
นํ้าสุราบางส่วนกระเซ็นออกมาตกใส่ปกเสื้อ รวมทั้งลำคออันยาวระหง ดูเพิ่มความเกียจคร้านของนางมากขึ้นอีกหลายส่วน
เวลานี้ นางราวกับกลับคืนสู่ลั่วตูแคว้นฉินที่หลินชวน ในสวนดอกท้อที่ไม่มีวันโรยรา เป็นคุณชายน้อยที่สูงส่ง บ้าระห่ำ เสื้อสีสดราวม้าพยศและเมาหลับในสวนท้อบนตักสาวงามคนนั้น
ต่างกันเพียงแค่ปัจจุบันนางใส่เสื้อขาวของลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ย ข้างกายไม่มีป่าท้อ บริวารไม่มี ไร้สาวงามตระกองกอด แต่ท่าทางยังคงดูมีเสน่ห์ตรึงใจ เย่อหยิ่งบ้าคลั่ง
ถงเถิงบำเพ็ญออกมาเห็นฉากนี้เข้าก็ตกตะลึงไป เขายังไม่เคยเห็นมู่ชิงเกอปลดปล่อยอารมณ์ เช่นนี้มาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมามู่ชิงเกอในสายตาของเขานั้นเป็นคนที่นิ่งสนิทชนิดราบเรียบไร้คลื่นลม
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นมู่ชิงเกอดูชั่วร้ายเช่นนี้ นี่ไม่ใช่การกล่าวดูแคลนแต่เป็นการชื่นชม ราวกับว่า ในตัวเขานั้น มีอะไรบางอย่างที่แม้คนอื่นต้องการ แต่ก็ไม่สามารถได้มา
ถงเถิงยืนอยู่กับที่ ครุ่นคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลอธิบายได้ เพียงแค่แน่ใจว่ามู่ชิงเกอต่างกับคนอื่นโดยสิ้นเชิง
“ยืนเฉยอยู่ทำไม เข้ามาดื่มสุราด้วยกัน” มู่ชิงเกอพูด
ถงเถิงรู้สึกตัวแล้วยิ้มออกมา เดินไปทางมู่ชิงเกอ “ลูกพี่มีอารมณ์ดื่ม น้องเล็กย่อมต้องร่วมด้วย ไม่เพียงแค่ร่วมดื่มธรรมดา ต้องร่วมดื่มอย่างดี ร่วมดื่มให้สะใจไปเลย”
เขาเดินมาถึงผ้าต่วนแล้วนั่งลงขัดสมาธิ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้บังทิวทัศน์มู่ชิงเกอก็หยิบสุราออกจากกระเป๋าจัดเก็บของตัวเองเรียงไว้บนผ้าต่วน
มู่ชิงเกอสะบัดแขนเสื้อ ยันกายนั่งบนผ้าต่วน เปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิ หันเข้าหาถงเถิง
นางหยิบไหสุราลองชั่งในมือแล้วยิ้มพูดกับถงเถิงว่า “เจ้าขโมยสุราจากที่เก็บสุราของซูหมิงมา เท่าไรกันแน่ ผ่านมาแล้วหนึ่งปียังมีอยู่อีก”
ถงเถิงยิ้มออกมา “ลูกพี่ไม่รู้หรอก ซูหมิงผู้หญิงตระหนี่ถี่เหนียวนั่นน่ะ จริงๆ มีคลังเก็บสุราที่ ใหญ่มาก สุราในนั้นล้วนเป็นชนิดที่บ่มไว้นานปีจากการหมักของต้นตระกูลนางอยู่ ปกติแล้ว นางจะเสียดายไม่หยิบออกมา มีครั้งหนึ่ง ข้าบังเอิญพบเข้า คราวที่จากมานอกจากข้าจะไปหยิบที่ห้องเก็บสุราเล็กบ้างแล้ว ก็ยังไปที่คลังเก็บสุราของตระกูลหยิบมาชิมดูอีกบางส่วน ด้วย”
พูดแล้วเขาก็แนะนำมู่ชิงเกอ “นี่ไง ไหที่ลูกพี่ถืออยู่ก็มาจากคลังเก็บสุราของตระกูล”
มู่ชิงเกอฟังแล้วจึงมองดูด้วยความสนใจ
ถงเถิงหัวเราะฮิๆ หยิบไหสุราจากมือนางไป ค่อยๆ แกะผ้าผนึกออกอย่างระมัดระวัง เปิดออกมาเพียงนิดเดียว กลิ่นหอมฟุ้งของสุราก็กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ
“หอมจริงๆ เลย” มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลังคนทั้งสอง
มู่ชิงเกอกับถงเถิงมองไปเห็นคนที่มาต่างก้มศีรษะยิ้มให้ “ศิษย์พี่จวงซานมาแล้ว”
จวงซานเดินไพล่มือเข้ามา มองดูท่าทางสบายๆ ของทั้งสองคน ทั้งยังมีไหสุราในมือถงเถิงก็ยิ้มพูดว่า “มาเร็วไม่สู้มาพอดี ดูแล้ววันนี้ข้าคงมาไม่ผิดแน่”
เขาก็ว่าไปตามสถานการณ์ เขาเห็นว่ามู่ชิงเกอกับถงเถิงไม่ได้บำเพ็ญอยู่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“ศิษย์พี่จวงซานเชิญนั่ง พวกเรายังไม่ได้เริ่ม” ถงเถิงรีบบอก
จวงซานก็ไม่เคอะเขิน นั่งอย่างสบายตรงกลางระหว่างทั้งสอง ทั้งสามคนนั่งเป็นสามมุม ล้อมวงบนผ้าต่วน ด้านหน้าก็คือทิวทัศน์แสนงามของแดนฮ่วนเยวี่ย กว้างขวางใหญ่โต ทะเลเมฆพลิกผัน
ถงเถิงหยิบภาชนะรองสุราออกมาอย่างยิ้มย่อง เอียงไหสุราในมือ ของเหลวเหนียวสีเหลืองอำพัน ค่อยๆ หยด ออกมาจากช่อง
นี่ไม่ได้เป็นนํ้าสุรา แต่เป็นสุราเข้มชันแล้ว เหนียวจนกว่าจะหยดลงทีละหยดใส่ภาชนะได้ก็ไม่ง่ายนัก
มู่ชิงเกอกับจวงซานต่างดูอย่างประหลาดใจ หลังจากหยดสุราปรากฎแล้ว กลิ่นสุรารอบบริเวณยิ่งเข้มข้นขึ้น
จวงซานอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก ครวญว่า “ข้าอยู่มาหลายพันปี ยังไม่เคยได้กลิ่นสุราที่หอมเช่นนี้มาก่อน”
หลายพันปี!
มู่ชิงเกอกับถงเถิงลิ้นจุกปาก นึกในใจว่า ‘พวกบำเพ็ญนี่ดูอายุไม่ออกจริงๆ จวงซานดูแล้วอย่างมากก็แค่สามสิบ แต่อยู่มาตั้งหลายพันปีแล้ว’
นึกถึงคนผู้นั้นของตัวเองแล้ว มู่ชิงเกอก็ไม่อยากคิดต่อทันที
ถงเถิงปิดผนึกผ้าบนไหสุราอย่างระมัดระวัง แล้วพูดกับทั้งสองว่า “ลูกพี่ ศิษย์พี่จวงซาน พวกท่านดื่มสุราอื่นไปก่อน หยดสุราเก่านี้มีอายุนับหมื่นปีแล้ว ไม่สามารถดื่มได้โดยตรง ข้าต้องไปนำนํ้าจากนํ้าพุจิตวิญญาณมาผสมก่อน”
พูดจบ เขาก็ไปทันที
มู่ชิงเกอกับจวงซานยิ้มให้กัน ต่างยกสุราคนละไหชนกันแล้วดื่ม
ถงเถิงว่องไวมาก เพียงครู่เดียวก็อุ้มกระบอกน้ำจากนํ้าพุจิตวิญญาณกลับมา เขาเทนํ้าลงในภาชนะอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ละลายหยดสุราเข้มข้นนั้น
เพียงครู่เดียว นํ้าสุราที่หอมหวนก็ปรากฎสู่สายตาของคนทั้งสาม
ถงเถิงรินสุราให้คนทั้งสองกับตัวเอง แล้วจึงพูดว่า “พวกเราสามคน เดิมต่างอยู่ในสถานที่แตกต่างกัน สุดท้ายแล้วเนื่องจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยทำให้สามารถดื่มสุราร่วมกันได้ ถ้วยนี้ พวกเราขอดื่มให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ย”
“พูดได้ดี” จวงซานยิ้ม
สามคนชนถ้วย ดื่มสุราในถ้วย
สุรา เป็นสุราจากการหมักชั้นเลิศที่สืบทอดกันในตระกูลจริงๆ กลิ่นหอมหวนเข้มชัน เข้าปากนุ่มละมุน เกิดความหอมทั้งปากและลมหายใจ คงทนไม่สลายไปง่ายๆ
ลงท้องเพียงถ้วยเดียว ทั้งสามคนต่างก็มึนเล็กน้อย
แต่ ความมึนนี้ ไม่ใช่มึนแบบเมาสุราธรรมดา แต่เป็นชนิดที่มึนเมาอย่างแท้จริง เมาในทิวทัศน์ เมาในสุราที่อยู่ในถ้วย เมาในความรู้สึก
ทั้งสามคนต่างดื่มและพูดคุยสนุกสนานกันนอกถํ้า วิจารณ์ฟ้าดิน อิสรเสรี สมกับคำที่ว่า ราวกับเทวดาสุขสันต์ของโลกที่เปื้อนฝุ่น
เมื่อสุราเก่าหลายถ้วยลงท้อง มู่ชิงเกอก็รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าว บริเวณท้องน้อยมีกลุ่มความร้อนเกิดขึ้น เผาไหม้พลังเทพภายในกายนาง พลังเทพเริ่มพลุ่งพล่านคล้ายนํ้าที่ต้มเดือด
“ลูกพี่ ใบหน้าท่านทำไมจึงแดงเช่นนี้” ถงเถิงพบอาการผิดปกติของมู่ชิงเกอก่อนจึงรีบถาม
ได้ยินคำพูดเขา จวงซานก็มองไปทางมู่ชิงเกอ เห็นเขาแดงทั้งหน้าถึงใบหูก็อดถามไม่ได้ว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
มู่ชิงเกอสั่นศีรษะ นางไม่อาจตอบทั้งสองคนได้
เนื่องจากเวลานี้ นางรู้สึกว่าสิ่งกีดขวางจากการบำเพ็ญของตนเริ่มเกิดการขยับตัว
ไม่มีคำอธิบายใดๆ นางรีบนั่งตัวตรง หลับตา เข้าสู่การบำเพ็ญทันที
การกระทำเช่นนี้ของนางทำให้ถงเถิงงุนงงรีบสอบถามว่า “ลูกพี่เป็นอะไรไป”
ขณะที่เขายื่นมือคิดจะไปดึงตัวมู่ชิงเกอนั้นก็กลับถูกจวงซานกระชากกลับมาก่อน ถงเถิงไม่ทันได้ยืนมั่นคงจึงล้มก้นกระแทก บนผ้าต่วน เขามองจวงซานด้วยความวิงเวียน สายตามีแต่คำถาม
“อย่าไปกวนเขา เขากำลังทะลวงขอบเขต” จวงซานพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
อะไรนะ!
ถงเถิงหายเมาทันที มองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึงตาค้าง พึมพำว่า “ลูกพี่เข้ามาดินแดนฮ่วนเยวี่ยได้ครึ่งปีแล้ว น่าจะได้เวลาทะลวงขอบเขตแล้ว”
ตัวเขาเวลานี้ ใกล้จะทะลวงขอบเขตถึงขั้นจิตวิญญาณขั้นห้าแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ลูกพี่ของเขาจะยังไม่ทะลวงขอบเขตสักที
“พวกเราถอยสักนิดเถอะ ช่วยคุ้มกันให้เขา” จวงซานลากถงเถิงถอยออกไป
ถงเถิงผงกศีรษะ ถอยไปอยู่ข้างๆ พร้อมจวงซาน สองคนขับเคลื่อนพลังเทพให้ไหลเวียนในร่างกายรอบหนึ่ง ขับไอสุราออกนอกร่างแล้วรอคอยการทะลวงขอบเขตของมู่ชิงเกอด้วยความสงบ
มู่ชิงเกอขณะนี้กำลังตกลงสู่การทะลวงขอบเขตอย่างเต็มที่
ในร่างกายนาง พลังเทพที่ถูกนางบีบอัดไว้ไม่รู้กี่รอบในที่สุดก็ระเบิดออกมาราวกับเปลวไฟสีทอง ไหลล่องอย่างตามใจไปทั่วทั้งร่างกาย ทั่วทุกเส้นลมปราณ ทุกแห่งที่ผ่านไปล้วนนำพาความรู้สึกแผดเผามายังตัวนาง รู้สึกทรมานมาก แต่หลังจากความรู้สึกนี้หมดไปก็จะรู้สึกถึงความสบายทั้งร่าง ราวกับทั่วทั้งร่างกายเบาโล่งไปมาก อ่างที่บรรจุพลังเทพแตกออกในที่สุดจากการระเบิดของพลังเทพ และรวมตัวกันเป็นอ่างที่ใหญ่กว่าเดิม
แต่อ่างที่ใหญ่กว่ายังไม่ทันรวมตัวสำเร็จก็ถูกพลังเทพที่ระเบิดออกทำลายไป จึงต้องรวมตัวใหม่เป็นอ่างที่ใหญ่ขึ้นอีก…
นอกกายของมู่ชิงเกอ ผุดชั้นรัศมีสีทองห่อหุ้มนางไว้ภายใน
พลังเทพรอบๆ ต่างพุ่งทะยานมาที่ตัวนาง ประกอบเป็นหมอกเซียนหนาแน่นลอยอยู่เหนือศีรษะนางและถูกนางสูดเข้าร่างกลายเป็นพลังของตัวเอง
ใบหน้าที่แดงเรื่อนั้นก็ยิ่งแดงมากขึ้นเรื่อยๆ ใต้ผิวหนัง กลายเป็นลื่นใสราวกับหินหยก
ถงเถิงมองมู่ชิงเกออย่างตกตะลึงพลางกระซิบกับจวงซานว่า “ศิษย์พี่จวงซาน ทำไมลูกพี่ข้าเวลาทะลวงขอบเขตจึงเป็นเช่นนี้เล่า ขณะที่ข้าทะลวงขอบเขตไม่ได้เหมือนกุ้งต้มสุกเลยนี่นา”
จวงซานจ้องที่เขาแล้วอธิบายเสียงเครียดว่า “อาจจะเพราะดื่มสุราเมื่อกี้นี้”
เขาพูดอย่างไม่มั่นใจนัก ทำได้เพียงคาดคะเน
พลังเทพที่รวมตัวอยู่นอกกายมู่ชิงเกอมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะดูดพลังเทพของทิวเขาวิญญาณที่อยู่รอบๆ ถํ้าเข้ามาทั้งหมด
ภาพนี้ จวงซานเห็นแล้วยังอดไม่ได้ที่จะครวญว่า “การทะลวงขอบเขตของชิงเกอครั้งนี้เกิดผลกระทบไม่น้อยทีเดียว”
“คงจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายอะไรอีกกระมัง” ถงเถิงเห็นพลังเทพเหล่านั้นถูกมู่ชิงเกอดูดเข้าไปอย่างบ้าคลั่งก็ถามด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าอาจมีคนไม่รู้สาเหตุบุกเข้ามาก่อกวนมู่ชิงเกอได้
จวงซานสั่นศีรษะ “ไม่หรอก พลังเทพขนาดนี้ สำหรับดินแดนฮ่วนเยวี่ย ไม่ได้มากมายเท่าไรนัก”
เวลานี้เอง พลังในกายมู่ชิงเกอเกิดแข็งแกร่งขึ้น ทั้งยังเป็นการขึ้นในรวดเดียวพุ่งขึ้นไปอย่างแรง
จวงซานรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของนาง ตาดำที่ตกตะลึงหดลงเอ่ยเสียงหลงว่า “ขั้นจิตวิญญาณชั้นแปด ชั้นจิตวิญญาณชั้นเก้า ชั้นถํ้าวิญญาณชั้นหนึ่ง ทะลวง
ขอบเขตครั้งเดียวถึงสามชั้นเชียวหรือ!