Skip to content

พลิกปฐพี 962

ตอนที่ 962

ตอนพิเศษ 3

ซือนาจา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!

“ซือนาจา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”

บนท้องฟ้าโลกเทพมารพดันมีเสียงคำรามน่าตกใจเสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นมา สั่นสะเทือนจนฝูงนกที่บินอยู่ทั่วฟ้าแตกรัง เสียงค่อยๆ ดังก้องออกไป ทำให้คนนับไม่ถ้วนตกใจ

“ซือนาจา เจ้าจะหนีไปไหน!”

เสียงตะคอกดังขึ้นอีกหนึ่งครา คนทั้งหมดเงยหน้าทอดมอง มองเห็นแสงขาวหนึ่งสายวาดผ่านบนท้องฟ้า และข้างหน้าแสงขาว ก็มีก้อนสีแดงสดราวกับเพลิงหนึ่งก้อนกำลังวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะรัวดังมาจากขอบฟ้า

เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาสนุกสนานไร้กังวล คนที่ไม่เข้าใจได้ยินแล้วรู้สึกเพียงหัวใจเบิกบาน

ทว่า คนที่เข้าใจเสียงหัวเราะนี้ กลับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยิน

“นั่นนายน้อย!”

“คุณชายน้อยมาแล้ว! หลบเร็ว!”

ในเสียงที่ตกใจและหวาดกลัว คนหนึ่งกลุ่มบนพื้นดินต่างก็แตกตื่นวิ่งพล่าน คนจำนวนหนึ่งที่เหลืออยู่แสดงสีหน้างุนงง แต่กลับถูกคนอื่นดึงออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าเด็กปีศาจ หยุดเดี๋ยวนี้!” เงาขาวบนท้องฟ้า กลายเป็นเงาร่างที่ชดช้อยหนึ่งสาย นางเท้าเอวมือเดียว อีกมือชี้เด็กน้อยที่หันหน้ามาทำหน้าทะเล้นใส่นางข้างหน้า

บนเครื่องหน้าทั้งห้าที่งดงามของไป๋สี่ ทั้งจนใจ ทั้งโมโห

อสรพิษกลืนสวรรค์เก้าบรรจบโลดแล่นไปทั่วจักรวาลหลายปีเพียงนี้เช่นนาง คาดไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในน้ำมือของปีศาจน้อยตัวนี้

อารมณ์ชั่ววูบที่อยากกินเขาชนิดหนึ่งวนเวียนอยู่ในสมองไป๋สี่มาโดยตลอด

‘ไม่โกรธ! ไม่โกรธ! อย่าทำอะไรชั่ววูบ! ทำอะไรชั่ววูบเป็นปีศาจ! หากกินเด็กคนนี้จริงๆ ข้าก็จะต้องตายอย่างอนาถ!’ ไป๋สี่สูดหายใจสองสามครา พยายามข่มความโกรธภายในใจ

แต่ว่า…

เมื่อคิดถึงควาขมขื่นของตนก่อนหน้านี้แล้ว ไฟโกรธในใจของไป๋สี่ ก็พวยพุ่งออกมาดัง ‘พึ่บๆๆ’

“มู่ชิงเกอ เจ้าคลอดตัวอะไรออกมากันแน่!” ไป๋สี่กัดฟันกรอด กล่าว

วันนี้ เป็นวันรับประทานอาหารของนาง

เด็กคนนี้ คาดไม่ถึงว่าแอบวางยาระบายไว้ในอาหารของนางล่วงหน้า

ไป๋สี่สูดหายใจเข้าลึก สีหน้ายังคงเหยเก

ยาพิษทำอะไรนางไม่ได้ แต่ว่ายาระบาย…โดยเฉพาะ เป็นยาระบายที่เด็กคนนี้หลอกเอามาจากแม่ของเขา

โครก!

ในท้อง มีเสียงแปลกๆ ดังออกมา ทำให้ไป๋สี่หน้าเปลี่ยนสี ประสบการณ์บอกนางว่า อีกไม่นาน ความรู้สึกปั่นป่วนราวกับ แม่นํ้าไหลทะลักชนิดนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว

“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!” ไป๋สี่สูดหายใจเข้าลึก กัดฟันไล่ตามต่อ

ก่อนที่จะเกิด “น้ำป่าไหลหลาก’ ครั้งต่อไป นางจะต้องจับปีศาจน้อยตัวนี้กลับมา ตีก้นเขาอย่างแรงให้ได้

เห็นไป๋สี่วิ่งตามต่อ ลูกชิ้นน้อยข้างหน้าก็วิ่งไปข้างหน้าทันที ซํ้ายังมีเสียงหัวเราะที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษไม่มีภัยดังตามมาอีกด้วย

‘นี่มันตัวอะไรกันแน่! เพิ่งสามขวบก็เจ้าเล่ห์ถึงขั้นนี้แล้ว!’ ไป๋สี่กัดฟันในใจ โกรธแค้นไม่หยุด

ลองถามในโลกเทพมารดูว่า ยังมีใครไม่เคยถูกปีศาจน้อยตัวนี้ กลั่นแกล้งอย่างคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจบ้าง

โดยเฉพาะกลที่เขากลั่นแกล้งยังไม่ซํ้ากันง่ายๆ ก็คือไม่มีทางป้องกันได้ที่น่ากลัวคือ ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของเขายังฝืนชะตาอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าตอนที่มู่ชิงเกออุ้มท้องเขา กินยาบำรุงอะไรเข้าไป

เมื่อเด็กคนนี้เกิดมาก็สามารถเคลื่อนย้ายชีพจรด้วยตัวเองได้ บำเพ็ญเพียรหนึ่งวัน เท่ากับคนอื่นบำเพ็ญเพียรหนึ่งปี

ท้อง เริ่มกลั้นไม่ไหวขึ้นเรื่อยๆ

สีหน้าของไป๋สี่บิดเบี้ยวยิ่งขึ้น

ทว่า ความเร็วของลูกชิ้นน้อยเร็วอย่างยิ่งฝีเท้าใต้เท้า ปราดเปรียวจนเรียกได้ว่าเก่งกาจยิ่งกว่าแม่เขา

ไม่ว่าไป๋สี่จะไล่ตามอย่างไรก็ห่างจากเขาอยู่ระยะหนึ่งเสมอ

ไป๋สี่ร้อนใจ ท่อนล่างกลายร่างเป็นหางงู ออกแรงสะบัดไปข้างหน้า หางงูยาวๆ ฟาดไปยังลูกชิ้นน้อยที่สวมชุดสีแดงเพลิง

เสียงฝ่าลมข้างหลังทำให้ใบหน้าเล็กๆ ตุ้ยนุ้ยหันกลับมามอง

ตอนที่ดวงตาดำสนิทคู่นั้นของเขาสะท้อนหางงูที่บินเข้ามา ปากเล็กๆ ที่อ่อนนุ่ม อวบอิ่มของเขาก็เป็นเปลี่ยนตัววงกลมในทันที

“ท่านน้าไป๋ ท่านขี้โกง! ไม่เคารพหลักคุณธรรมทั่วเจ็ดย่านน้ำเลย ท่านรังแกเด็กที่ไม่มีหางงู!” เสียงเจื้อยแจ้วกล่าวด้วยความกระหืดกระหอบ

ไป๋สี่ยิ้มเยาะ กล่าวอย่างหยอกล้อ “พูดเรื่องคุณธรรมกับใครไม่ว่า แต่อย่าได้พูดเรื่องคุณธรรมกับเด็กปีศาจเช่นเจ้า ถึงข้าจะทำโทษเจ้าไม่ได้ ก็จะจับเจ้ากลับไปให้แม่เจ้าทำโทษ”

“บุญคุณความแค้นทั่วเจ็ดย่านน้ำ ไม่อาจดึงแม่ข้าเข้ามาเกี่ยว! ท่านทำเช่นนี้น่าขายหน้าเกินไปจริงๆ!” เห็นหางงูกำลังจะฟาดมาถึงตนและพันตัวเขาไว้ เงาร่างลูกชิ้นน้อยก็กะพริบวาบ หลบได้อย่างหวุดหวิด ซํ้ายังหนีออกไปไกลกว่าเดิม

“ยังคิดจะหนีอีก!” ในดวงตาไป๋สี่ปรากฎความเยือกเย็น แค่นเสียงกล่าว

คนทั้งสองหนึ่งไล่หนึ่งหนี เปิดศึกวิ่งไล่จับบนท้องฟ้า

ปฏิกิริยาในท้องของไป๋สี่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ฝืนทนชนิดนั้น ทำให้หน้าผากนางเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ หนึ่งชั้น

แต่ว่า ปิศาจน้อยตัวนั้น ขณะที่กำลังวิ่งหนี ก็ยังหันหน้ามาทำหน้าทะเล้นใส่นางไปพลาง

ในท้องไป๋สี่บีบแน่นนางสูดหายใจเข้าลึก ตะโกนกล่าว “มู่ชิงเกอ เจ้ายังไม่มาจัดการลูกเจ้าอีก!”

เสียงนั้น ดังก้องออกไปราวกับคลื่นน้ำ

มู่ชิงเกอกับซือมั่วที่กำลังอภิปรายงานกับคนอื่นๆ ในตำหนัก เงยหน้ามองท้องฟ้าพร้อมกัน

คนทั้งหมดในตำหนัก ต่างก็พากันเงยหน้าขึ้น ส่วนลึกในแววตามีความปีติยินดีวาดผ่าน

ซือมั่วยกมือโบก เบื้องหน้าคนทั้งหมดก็ปรากฎของที่ด้านหนึ่งดูเหมือนกระจก สิ่งที่สะท้อนอยู่ข้างในกลับเป็นภาพที่ไป๋สี่วิ่งไล่ลูกชิ้นน้อยบนท้องฟ้า

ไป๋สี่โมโหจนสีหน้าบิดเบี้ยว ทำให้มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก กล่าวถามเสียงเรียบ “ลูกเจ้าทำเรื่องยั่วโมโหอะไรอีกแล้วเล่า”

ซือมั่วปัดแขนเสื้อ เก็บภาพกลับมา บนเครื่องหน้าทั้งห้าที่งดงามกว่าใครกลับมีความภาคภูมิใจ กล่าว “ลูกของเรา เดิมก็ไม่ควรเหมือนใครอยู่แล้ว”

มู่ชิงเกอกลอกตามองเขาปราดหนึ่ง มองหยินเฉิน

หยินเฉินพยักหน้าอย่างเข้าใจ ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้ามั่นใจหรือว่าหยินเฉินจะจับเขาอยู่” ซือมั่วคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มมองมู่ชิงเกอแล้วกล่าว

มู่ชิงเกอยกมุมปาก กล่าวตามตรง “แม้ว่าเขาจะเจ้าเล่ห์แต่เทียบกับหยินเฉินแล้ว ยังด้อยกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้น หยินเฉินร่วมมือกับไป๋สี่สองคน หากจะจับก็จับกลับมาได้”

ซือมั่วอมยิ้มไม่พูด เขาไม่อยากพูด ลูกของพวกเขา ตบะบำเพ็ญกับสติปัญญาล้วนพัฒนาอย่างรวดเร็ว

“อะแฮ่มราชาพิภพราชินีพิภพ…ช่วงนี้ในโลกไม่มีเรื่องอะไร ข้าอยากออกไปท่องหล้าสักเที่ยว” ล่างตำหนัก มีคนยืนขึ้นมา ขออนุญาตจากคนทั้งสองบนบัลลังก์

เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ มั่วหยางก็ก้าวออกมา ประสานมือคำนับมู่ชิงเกอ “คุณชาย องครักษ์เขี้ยวมังกรเองก็ไม่ได้ออกไปท่องหล้า ฝึกฝนนานมากแล้วเหมือนกัน”

“ราชาพิภพ…”

“นายท่าน…”

คนทั้งหมดในตำหนัก พากันแสดงท่าที ช่วงนี้ตบะบำเพ็ญตนหยุดนิ่งไม่ก้าวหน้า หวังจะออกจากโลกไปสั่งสมประสบการณ์และจะได้หาโอกาสในการบรรลุ

เห็นคนทั้งหมดล่างตำหนัก ซือมั่วกับมู่ชิงเกอก็มองหน้ากันยิ้มเจื่อน

คำพูดที่คนเหล่านี้พูด เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง

ในความจริงแล้ว กลัวว่าจะถูกลูกของพวกเขาร้องหาจึงหาข้ออ้างหนีออกไป

แม้ว่าจะเข้าใจ แต่พวกเขาสองคนก็จนปัญญา ใครให้ลูกพวกเขาก่อเรื่อง ทำให้พวกเขาจนปัญญาจะจัดการเล่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”

“ขอบคุณราชาพิภพ ตอนนี้มิควรล่าช้า พวกข้าขอลาไปก่อน”

ไม่รอให้ซือมั่วพูดจบ คนหนึ่งกลุ่มก็วิ่งออกไปอย่างไม่รีรอราวกับได้รับอภัยโทษ

ชั่วพริบตา ในตำหนักใหญ่ที่ยังมีคนอยู่มากมายก็เหลือเพียงมู่ชิงเกอ กับซือมั่วสองคน

สีหน้ามู่ชิงเกองงงัน ละสายตามองซือมั่ว “ต้องรีบร้อนเพียงนั้นเลยหรือ”

ซือมั่วยิ้มล่มเมือง ยื่นมือออกไป จับมือของมู่ชิงเกอไว้ ลูบอยู่ในฝ่ามือตน กล่าวเสียงตํ่า “ลูกคนนี้ของเรา ควรจะมีคนดูแลให้ดีๆ บ้างแล้ว ข้าฟังว่าหลังจากที่เด็กเป็นพี่ชายแล้วก็จะรู้ประสา ไม่สู้พวกเราถือโอกาส มีน้องสาวให้เขาดีหรือไม่”

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว มองเขาอย่างหยอกล้อ “คืนนี้ที่เก่า เวลาเดิม ไม่พบไม่เลิกรา”

ซือมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ลังเลครู่หนึ่ง กล่าวอย่างหยั่งเชิง “อันที่จริง บางทีเพิ่มยานอนหลับลงไปในน้ำแกงของเด็กน้อยสักนิดหน่อย ก็ไม่เลวเหมือนกัน”

เห็นมู่ชิงเกอไม่ค่อยตอบสนอง เขาจึงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย ตอนกลางวันเขาคึกคักมีพลังอย่างยิ่ง ตกกลางคืนนอนเร็วขึ้นหน่อย ได้หลับลึกขึ้นคงจะดีกว่า”

มู่ชิงเกออมยิ้มมุมปาก มองซือมั่วด้วยแววตาแฝงนัย ท่าทางปิดปากเงียบเช่นนั้น ทำให้ในใจเขามีความกังวลเล็กน้อย

อืม…ยั่วโมโหใต้เท้าภรรยา คืนนี้จะยังเผด็จศึกได้อย่างไร

บนท้องฟ้า ลูกชิ้นน้อยชุดแดง วิ่งไปข้างหน้า

ข้างหลัง เงาร่างสีขาว ยิ่งไล่ก็ยิ่งใกล้

ทุกๆ แห่งที่หางงูกวาดผ่าน บนท้องฟ้าก็กลายเป็นเงาแต่แต่ละสายๆ

ทันใดนั้น ซือนาจาก็เห็นว่าข้างหน้ามีแสงเงินเล็กๆ ปรากฎขึ้นมา เขาละสายตา รอยยิ้มที่แปลกประหลาดคืบคลานขึ้นมาที่มุมปาก

“ท่านอาหยิน ข้าวิ่งไม่ไหวแล้ว ข้าจะกลับไปกับท่าน” เด็กน้อยตะโกนเสียงดัง ความเร็วฝีเท้าลดลง สองมือก็กางออกไปข้างนอก ทำท่าทางคล้ายจะวิ่งเข้าสู่อ้อมอก

ลูกชิ้นน้อยลดความเร็วลงฉับพลัน ทำให้ดวงตาไป๋สี่เกิดความดีใจ เพิ่มความเร็วขึ้น ไล่ตามเข้าไป กลัวว่าเด็กคนนี้จะหนีไปอีกครั้ง

เงาร่างของหยินเฉินกลายร่างอยู่เบื้องหน้าลูกชิ้นน้อย

เห็นเด็กน้อยกางแขนทั้งคู่โผเข้ามาหาตน รวมถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาบนใบหน้านั้น เขาก็กางแขนออก เตรียมรอรับ

สายตาของเขา ถูกชุดแดงบนร่างของลูกชิ้นน้อยบังไว้จึงมองไม่เห็นเงาสีขาวที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วข้างหลัง

“ท่านอาหยิน”

บนใบหน้าเล็กๆ ที่ตุ้ยนุ้ย เครื่องหน้าทั้งห้าที่งามดั่งหยกเจียระไน ปรากฎรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาขึ้นมา ความน่าเชื่อถือส่งออกมาจากแววตาทำให้หยินเฉินพยักหน้า

ทว่า ตอนที่ลูกชิ้นน้อยโผเข้ามาในอ้อมอกของหยินเฉิน มุมปากที่ยกขึ้นนั้นก็พลันมีความชั่วร้ายเพิ่มเข้ามา

ทันใดนั้น เงาร่างเขาก็กะพริบวาบ หายไปจากตรงหน้าหยินเฉิน

ดวงตาทั้งคู่ของหยินเฉินหดลง ชักมือกลับตามจิตใต้สำนึก คิดอยากจะจับเขาไว้ แต่กลับมีเงาขาวหนึ่งสายโผเข้ามาอย่างรวดเร็ว

โครม!

ทั้งสองชนกันอย่างแรง

หยินเฉินโอบร่างอ่อนนุ่มในอ้อมอก กลิ่นหอมจางๆ หนึ่งกลุ่มลอยตามสายลมเข้ามาที่ปลายจมูก

มือใหญ่หนึ่งคู่ที่โอบเอวของตนแน่น ทำให้ไป๋สี่แข็งทื่อในชั่วพริบตา

นางตะลึงงัน หยินเฉินเองก็ตะลึงงัน

ตอนนี้ ปลายจมูกทั้งสองแทบจะแตะกัน ลมหายใจที่อุ่นร้อนต่างก็พ่นอยู่บนใบหน้าของแต่ละฝ่าย

ชั่วพริบตา สีหน้าของไป๋สี่ก็แดงซ่านขึ้นมาหนึ่งชั้น

ใกล้กันเช่นนี้หยินเฉินคล้ายสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจเต้นของไป๋สี่ รวมถึง… เสียงหัวใจเต้นของตน

ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็สบายใจชนิดหนึ่งได้รับการพัฒนาในชั่วพริบตา มีบางอย่างคล้ายปะทุออกมา แต่กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขาเองเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆๆ!”

ทว่า ที่ไกลๆ มีเสียงหัวเราะดังเข้ามา ทำลายความเคลิบเคลิ้มชนิดนี้

ใบหน้าที่แดงซ่านของไป๋สี่หายไปอย่างรวดเร็ว ถอยออกจากอ้อมอกของหยินเฉินอย่างว่องไว นางกล่าวอย่างแสร้งทำเป็นสุขุม “เจ้ามาพอดีเลย เจ้าช่วยจับเด็กคนนี้กลับไปหน่อย ข้าขอตัวก่อน”

พูดจบ นางก็กลับหลังหันจากไปโดยเร็ว

ความเร็วนั้น ตกอยู่ในดวงตาสีเลือดคู่นั้นของหยินเฉิน ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ให้ความรู้สึกรีบร้อนเล็กน้อย

ทว่า เขากลับไม่รู้ว่าที่ไป๋สี่รีบไปไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่เพราะความรู้สึกคลื่นลมปั่นปวนชนิดนั้นกำลังจะระเบิด นางทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

จ้องมองแผ่นหลังของไป๋สี่ ในดวงตาสีเลือดคู่นั้นก็มีความอ่อนโยน รวมถึงรอยยิ้มแวบผ่านอย่างไม่รู้ตัว

ความสนุกจบลง ลูกชิ้นน้อยมองสถานการณ์กำลังจะวิ่งหนี

น่าเสียดาย ตอนที่เขาเพิ่งจะกลับหัลังหัน หางจิ้งจอกที่มีเกล็ดก็พุ่งออกมา รัดเอวของเขาไว้อย่างไม่คาดคิด ดึงเขากลับไป

“อ๊ะๆๆ” ลูกชิ้นน้อยร้องตกใจ

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าร่างตนเองตกลง

เพียงชั่วพริบตา เขาก็เหมือนลูกบอลถูกโยนไปยังตำหนักใหญ่

“อ๊าาา!” เสียงร้องแหลม ดังออกมาจากปากลูกชิ้นน้อย

ระหว่างที่กลิ้งหลุนๆ เขาก็เห็นเงาแดงหนึ่งสายรางๆ รวมถึงเงาสีดำหนึ่งสายปรากฎอยู่ในสายตา

ทิศทางที่เขากลิ้งไปหาคือคนชุดดำ แต่ว่าเขากลับออกแรงเปลี่ยนทิศทาง กลิ้งไปหาคนชุดแดงข้างๆ

“ท่านแม่-!”

ลูกชิ้นน้อยออดอ้อนเสียงเจื้อยแจ้ว หลับตาทั้งคู่โผเข้าไปในอ้อมอกที่ตนชอบอย่างสบายใจ

ตุบ!

“อื้อ-!”

ลูกชิ้นน้อยรู้สึกว่าอ้อมอกที่กอดต่างจากอ้อมกอดที่ตนคุ้นเคย

แข็งเกินไปแล้ว!

ชนจนเขาเจ็บหน้าผาก ในดวงตามีนํ้าตาเอ่อนองอย่างรวดเร็ว

เขาเงยหน้าขึ้น ตรงหน้าไม่ใช่ใบหน้าที่งดงามดั่งบุปผาของมารดาผู้เป็นที่รักของตน แต่กลับเป็นใบหน้าของบิดาที่ทำให้เขาอิจฉาจนคันไม้คันมือ

‘เจ้าว่า ชายคนหนึ่งทำอะไรถึงได้รูปงามยิ่งกว่าเขา มีเขาอยู่ความงามเกินจะเปรียบของตน ตอนที่ยังไม่โตกลับกลายเป็นเพียงความ น่ารัก! ฮึกๆๆ-!’ ก้อนเนื้อเงยหน้าเล็กๆ ที่ตุ้ยนุ้ย มองท่าทางยิ้มแย้มของซือมั่ว

เขารับรองได้ในรอยยิ้มนี้ของบิดาเขา จะต้องซ่อนแผนร้ายที่บอกใครไม่ได้เป็นแน่

ดวงตาโตที่ชุ่มฉํ่ากะพริบปริบๆ เต็มไปด้วยความน้อยใจ เขาคว้าเสื้อของซือมั่วไว้ปากเล็กๆ เบะออก ส่งเสียง ‘ฮือออ’ ร้องไห้ลั่นออกมา

“ท่านแม่ ลูกเจ็บจะตายอยู่แล้ว! อกท่านพ่อทำมาจากหิน ท่านพ่อไม่ชอบนาจา คิดจะวางแผนฆ่าข้า” ลูกชิ้นน้อยร้องไห้โฮไปพลางฟ้องไป

เรื่องของสามคนครอบครัว คนนอกไม่อาจยุ่ง หยินเฉินถอยออกไปแล้ว

คำฟ้องร้องของลูกชิ้นน้อย ไม่ได้ทำให้มู่ชิงเกอเชื่อแต่อย่างใด

นางยิ้มพลางส่ายหน้า กล่าวพึมพำ “โลกต้องมอบรางวัลออสก้า ให้เจ้าจริงๆ”

“ก้าอะไร” ได้ยินเสียงพึมพำของแม่ตัวเอง เสียงร้องไห้ของลูกชิ้นน้อยก็พลันหยุดลง ชะโงกหน้าออกมาถามจากอ้อมอกของซือมั่วอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไร” มู่ชิงเกอจบบทสนทนาอย่างสุขุม สีหน้านางเคร่งขรึม กล่าวถาม “เจ้าทำอะไรยั่วโมโหน้าไป๋อีกแล้ว”

คำซักถาม ทำให้ศีรษะของลูกชิ้นน้อยก้มลงมา เขากล่าวอย่างน้อยใจ “ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร”

ซือมั่วปล่อยเขายืนบนพื้น กล่าวถาม “เจ้าไม่พูด คิดว่าพวกข้าจะไม่รู้”

ปากเล็กๆ ทำปากจู๋ใบหน้าเล็กๆ ที่งามดั่งหยกเจียระไนก็เงยขึ้นมามองพ่อแม่ของตน กะพริบตาปริบๆ ขนตาที่ราวกับพัดกระพือหลายครา

ท่าทางน่ารักเช่นนี้ สามารถทำให้สรรพสิ่งทั่วโลกหลงใหลได้เลยจริงๆ

แต่ว่า มู่ชิงเกอกับซือมั่วกลับมีภูมิคุ้มกัน

“ไม่ต้องคิดจะเฉไฉ ลูกไม้นี้ของเจ้า ไม่มีผลกับข้าตั้งแต่ตอนที่เจ้าสองขวบแล้ว” มู่ชิงเกอยิ้มเยาะกล่าว

ชีวิตประจำวันที่ประลองปัญญาความกล้าหาญกับลูกชายของตนก็ถือเป็นงานอดิเรกประจำวันอย่างหนึ่งในช่วงเวลาสามปีมานี้ของนาง

คำพูดของมารดา แทงเข้าไปในห้องหัวใจของลูกชิ้นน้อยอย่างไร้ความปรานี เขาเบะมุมปาก โผไปข้างกายมู่ชิงเกอ กอดขาของนางไว้ใช้ใบหน้าเล็กๆ ถูไถ “ท่านแม่ ท่านไม่รักนาจาแล้วหรือ ข้าเป็นเด็กดีของท่านนะ บนโลกนี้ ผู้ชายที่ไม่มีวันหักทลังท่านก็คือข้าเพียงผู้เดียว”

ประโยคนี้ของเขา ยั่วยุจนแววตาซือมั่วที่มองดูเหตุการณ์มีความเย็นเยียบที่ดุดันหนึ่งสายแวบผ่าน

“อย่าเปลี่ยนเรื่อง จะยอมรับสารภาพ หรืรือจะปฏิเสธไม่เปิดปาก กฎระเบียบ เจ้ารู้ดี” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วกล่าว

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่สู้ให้พวกข้าพูดกันสองคนพ่อลูก” ซือมั่วกล่าวอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

ทันใดนั้น ลูกชิ้นน้อยก็รู้สึกว่าตนขนลุก เขากอดขาของมู่ชิงเกอแน่นขึ้น “ไม่เอา! ข้าจะอยู่กับท่านแม่”

“พูดมาเถอะ” มู่ชิงเกอยกยยิ้มกล่าว

เมื่อปิดบังไม่อยู่ ลูกชิ้นน้อยจึงทำได้เพียงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ทำตั้งแต่ต้นจนจบ

พูดเรื่องที่ลูกชิ้นน้อยทำจบ มู่ชิงเกอกับซือมั่วต่างก็กระตุกมุมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

มู่ชิงเกอหน้าดำครํ่าเครียดถาม “เจ้าขโมยยาลูกกลอนในห้องปรุงยาอีกแล้วหรืรอ”

“ครั้งหน้าไม่กล้าแล้ว” ลูกชิ้นน้อยยอมรับผิดอย่างรวดเร็ว ไม่ลังเลเลยแม้แต้น้อย

มู่ชิงเกอไม่พูด แท้จริงแล้วนิสัยปรับตัวตามสถานการณ์ เจ้าเล่ห์กลับกลอกเหล่านี้ได้มาจากใครกันแน่

“เสี่ยวเกอเอ้อร์ครึ่งปีมานี้ในโลกเทพมารมีคนมากกว่าครึ่งออกไปท่องหล้าข้างนอกแล้ว” ซือมั่วกล่าวเสียงเรียบ

มู่ชิงเกอหลุบตามองลูกชิ้นที่กอดขาตัวเองแนบแน่น เด็กน้อยเงยหน้า ในดวงตาโตๆ เต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

เด็กคนนี้ไม่รู้ตัวเลยว่า คนทั้งหมดในโลกพากันออกไปท่องหล้า แม้แต่มั่วหยางยังหาข้ออ้างหนีไป ก็เพื่อต้องการจะหนีให้พ้นจากกรงเล็บปีศาจของปีศาจน้อยตัวนี้

มู่ชิงเกอสะอึกพูดไม่ออก นางกับซือมั่วล้วนไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบสร้างความลำบากให้ผู้อื่น เหตุใดถึงให้กำเนิดปีศาจน้อยเช่นนี้ขึ้นมาได้

“ดูท่าแล้ว เพื่อที่จะเลี่ยงไม่ให้คนทั้งหมดออกไปท่องหล้า พวกเราคงทำได้เพียงจากไปเอง” มู่ชิงเกอนวดหว่างคิ้วกล่าว

“อืม เรือต้าเซียนเองก็ไม่ได้ใช้นานแล้วเหมือนกัน” ซือมั่วพยักหน้ากล่าว

มู่ชิงเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง แววตาจริงจัง “ปีนั้น พวกเราถูกดูดเข้ามาในโลกหลักโดยตรง ฆ่าฟันมาตลอดทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะจากไป ตามหาเบาะแสของเจียงหลี เพียงแต่…ผ่านมานานเพียงนั้น…”

ในดวงตานาง มีความกังวลปรากฎขึ้นมา

ซือมั่วกล่าวปลอบ “อย่ากังวล เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้ายังรู้สึกถึงปราณของจูเสียอยู่มิใช่หรือ นั้นก็ชัดเจนแล้วว่า นางยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่ไม่รู้ว่าอยู่ในโลกใดก็เท่านั้นเอง”

มู่ชิงเกอเก็บความกังวลในแววตา พยักหน้าช้าๆ

“เรื่องของเจียงหลี สำหรับเจ้าแล้ว เป็นปมในใจ ก่อนหน้านี้ไม่มีปัจจัย ไม่มีความสามารถ ตอนนี้ปัจจัยกับความสามารถก็มีแล้ว แน่นอนว่าต้องทำ ช่วงสองสามวันนี้พวกเราจัดการเรื่องในโลกเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางพร้อมกัน” ซือมั่วยกมือ ช่วยนางทัดเศษผมที่ร่วงลงมาไว้ข้าง หลังหู

มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ “อืม ตอนนี้โลกใบหลักก็นับได้ว่ามั่นคง พวกเราก็สามารถถือโอกาสออกไปสักพักหนึ่งได้พอดี”

คำพูดของพ่อแม่ ลูกชิ้นน้อยไม่ค่อยเข้าใจนัก

แต่ว่า เขากลับฟังออกพวกเขากำลังจะออกจากโลกเทพมาร อีกทั้งยังไปในที่ที่ไกลแสนไกล

เมื่อได้ข้อสรุปนี้ ดวงตาของปีศาจน้อยก็เป็นประกายทันที อยากจะเก็บของออกเดินทางทันทีจริงๆ ในใจคิดคำนวณ ต้องเอาหมอนใบเล็กของเขา ชามข้าวใบเล็กของเขาไปด้วย แล้วก็แล้วก็…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version