Skip to content

พลิกปฐพี 961

ตอนที่ 961

ตอนพิเศษ 2

ให้ตายเถอะ! นี่มันเด็กปีศาจ!

“อุแว้!”

เสียงร้องไห้ของทารกที่ก้องกังวานและน่าทึ่ง ทะลุผ่านเมฆหมอก ทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนอกประตู

“คลอด…คลอดแล้วหรือ” กู่หยาอดไม่ได้ยื่นมือคว้าข้อมือของกู่เย่ไว้นิ้วทั้งห้าต่างก็จิกเข้าเนื้อของเขา

ซี๊ด!

กู่เย่เจ็บจนสูดหายใจอย่างแรง ละสายตามองกู่หยา ดวงตาทั้งคู่เบิกโต

คลอดแล้ว!

ลูกของเขากับเสี่ยวเกอเอ๋อร์เกิดแล้ว!

เสียงร้องไห้ของทารก ทำลายความสงบนิ่งที่ซือมั่วรักษาไว้ ความดีใจของการเป็นพ่อคนครั้งแรกพวยพุ่งขึ้นมาจากเบื้องลึกหัวใจ พุ่งทะลุกะโหลกศีรษะ แผดเผาร่างเขาทั้งร่าง

ทันใดนั้น! เงาร่างของซือมั่วก็หายไปจากที่เดิม ตอนที่ปรากฎตัวอีกครั้งเขาก็เข้าไปในห้องแล้ว

นอกประตู บนใบหน้าที่เคยสุขุมขององครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนายก็เต็มไปด้วยความดีใจ ในที่สุดคุณชายน้อยของพวกเขาก็เกิดแล้ว คุณชายของพวกเขาก็ไม่ต้องลำบากแล้ว

มั่วหยางถอนหายใจในใจอย่างผ่อนคลาย ความตึงเครียดที่มีมาโดยตลอดก็คลายลงในที่สุด

“ถอยทัพ!” เขาออกคำสั่งเสียงตํ่า

แต่ว่า แม้องครักษ์เขี้ยวมังกรห้าร้อยนายจะเก็บไอดุร้ายทั่วร่างลงแล้ว แต่ก็ยังคงล้อมอยู่ไม่ไปไหน

มั่วหยางเลิกคิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่องครักษ์เขี้ยวมังกรขัดคำสั่ง

“หัวหน้า ให้พวกข้าได้คุ้มกันอยู่ที่นี่อีกสักพัก ได้เห็นคุณชายน้อยสักหน่อย” มีคนขอร้องมั่วหยาง

คำขอร้องนี้ทำให้มั่วหยางปฏิเสธไม่ลง อารมณ์บนหว่างคิ้วของเขาผ่อนคลาย ยอมรับการ ‘ขัดคำสั่ง’ ของเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรโดยนัย

“คลอดแล้ว! คลอดแล้ว! ข้าจะเข้าไปดู” ไป๋สี่ตื่นเต้นจนอยากจะวิ่งเข้าไป

แต่ว่า นางเพิ่งจะขยับ กลับถูกหยินเฉินจับไว้

“เจ้าทำอะไร” ไป๋สี่หันมองเขาอย่างไม่พอใจ

หยินเฉินกล่าวเบาๆ “ตอนนี้ให้พวกเขาสามคนครอบครัวพูดคุยกันดีๆ เถอะ อีกอย่าง ชิงเกอก็จำเป็นต้องพักผ่อน”

ไป๋สี่แสยะปาก พึมพำกล่าว “ด้วยความสามารถในการฟื้นตัวแปลกประหลาดนั่นของชิงเกอ ยังต้องพักอะไรอีก ไม่แน่ว่าตอนนี้นางอาจจะเริงร่าอยู่ก็เป็นได้”

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้แต่ไป๋สี่ก็ยังคงละทิ้งความคิดจะเข้าไปรบกวน นางละสายตามองหมอตำแยที่งุนงงทั้งใบหน้าผู้นั้น รวมถึงของช่วยผดุงครรภ์หนึ่งกองใหญ่ที่รวบรวมมา มุมปากกระตุก ชี้แล้วกล่าว “ของเหล่านี้จะทำอย่างไร”

ดวงตาสีเลือดของหยินเฉินกวาดผ่านอย่างเย็นชา เอ่ยปากกล่าว “เก็บไว้เถอะ”

ไป๋สี่ตาลุกวาว พยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม “จริงด้วย ครั้งนี้ไม่ได้ใช้ ครั้งหน้าอาจจะได้ใช้”

ในตำหนัก เหล่าสาวใช้ที่เฝ้าอยู่นอกม่าน ยังไม่ได้ทันได้สติขึ้นมาจากความดีใจที่คุณชายน้อยเกิด ก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่เหยียดหยันหนึ่งสาย

พวกนางละสายตาออกไป จึงเห็น ราชาพิภพที่ก่อนหน้านี้ถูกราชินีพิภพขับไล่ปรากฎตัวอีกครั้ง

“ช้าก่อน” ข้างในม่านมีเสียงตะโกนเย็นเยียบที่เฉยชาเสียงหนึ่ง หยุดฝีเท้าของซือมั่วไว้

มุมปากซือมั่วปรากฎรอยยิ้มเจื่อนเล็กๆ ในดวงตาสีอำพันมีทั้งความดีใจ ทั้งความปวดใจ ทั้งความจนใจ “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ให้ข้าเข้าไป”

“รอข้าล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อน” ครั้งนี้ มู่ชิงเกอไม่ได้ใส่เขาออกไปอีก แต่กลับให้เหตุผลที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้แทน

ซือมั่วถอนหายใจในใจ จากนั้นจึงเก็บเท้าที่ก้าวออกไปกลับมาเงียบๆ ยืนรออยู่ที่เดิม

ได้ยินเสียงของมู่ชิงเกอ โย่วเหอก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที

พวกนางถือนํ้าสะอาด รวมถึงเสื้อผ้าสะอาด และเสื้อผ้าของเด็กน้อย เข้าไปในม่าน

“ว๊าย! คุณชายน้อยน่ารักจริงๆ!”

“คูณชาย คุณชายน้อยรูปงามยิ่งนัก! น่ารักกว่าหยวนหยวนในตอนนั้นอีก”

“ตาคู่นี้ใสแจ๋วจริงๆ ดูปราดเปรียวยิ่งนัก!”

ไม่นานนัก ในม่านก็มีเสียงชื่นชมสับเปลี่ยนกันของสาวใช้ทั้งสี่ดังออกมา

คำพูดเหล่านี้ลอยเข้าไปในหูซือมั่ว ทำให้เขาร้อนอกร้อนใจ ดวงตาที่เย้ยหยันใต้หล้าหนึ่งคู่ ปรากฎท่าทีรอคอย กะพริบตาปริบๆ เฝ้ารอ

โชคดี ไม่ปล่อยให้เขารอนานนักก็มีสาวใช้หอบเครื่องนอนที่สกปรก รวมถึงเสื้อผ้าที่มู่ชิงเกอถอดเดินออกมา

เมื่อมองเห็นคราบเลือดเหล่านั้น ดวงตาทั้งคู่ของซือมั่วก็หดลง หัวใจบีบคั้น สีโลหิตเหล่านั้นบาดดวงตาทั้งคู่ของเขาจนเจ็บปวดจริงๆ

“ราชาพิภพ เข้าไปได้แล้วเจ้าค่ะ” โย่วเหอเลิกม่านบางแต่ละชั้นๆ ขึ้น เดินออกมาจากข้างใน ใบหน้ามีความสุข กล่าวกับซือมั่ว

ในที่สุดก็ได้รับการอนุญาต ในใจซือมั่วดีใจยกใหญ่ กลายร่างเป็นเงามายาหนึ่งสาย คนก็เข้าไปในม่านแล้ว

เมื่อเขาเข้าไป คนที่เหลือก็ถอยออกมาเงียบๆ เหลือเพียงพวกเขา สามคนครอบครัว ซึมซับช่วงเวลาแสนอบอุ่นนี้เพียงลำพัง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์” ซือมั่วยืนอยู่ในม่าน ดวงตาทั้งคู่ตกลงบนเตียงที่ใหญ่อย่างถึงที่สุดหลังนั้นข้างม่านโปร่งทันที บนเตียงหญิงสาวที่อยู่ในชุดสีขาวสะอาดสะอ้านกำลังอุ้มทารกหนึ่งคน หว่างคิ้วที่องอาจผึ่งผาย ถูกความอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ครั้งแรกปกคลุม

เมื่อภาพภาพนี้ปรากฎในสายตาของซือมั่วก็ช่างงดงามอย่างยิ่ง

เขาไม่เคยเห็นมู่ชิงเกอที่อ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน ภาพของภรรยา และลูกเติมเต็มโลกของเขาทั้งใบ

ทันใดนั้น เขาก็มีความรู้สึกทำตัวไม่ถูกชนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าตนควรจะทำอะไรต่อไป

คนที่เข้ามา เนิ่นนานไม่เห็นการเคลื่อนไหว สายตาของมู่ชิงเกอละออกไปจากใบหน้าเล็กๆ ที่ตุ้ยนุ้ย งามราวกับหยกเจียระไนใบนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ เหลือบตาขึ้นเบาๆ

ท่าทางตกใจของบุรุษทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้วเบาๆ กล่าวอย่างขบขำ “เจ้ายืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น”

ถูกเสียงของมู่ชิงเกอเรียกสติ ซือมั่วจึงก้าวยาวมาข้างๆ เตียง นั่งลง “เสี่ยวเกอเอ๋อร์ลำบากเจ้าแล้ว”

มู่ชิงเกอยกมุมปากยิ้ม กล่าวอย่างเรียบเฉย “มีอุปสรรคใดที่ข้ายังไม่เคยพบเจอบ้าง แค่คลอดลูก ไม่ยากเกินความสามารถข้าหรอก”

เบื้องหลังความสดใสของนาง คือความทุกข์ทนทรมานกว่าสามวันจริงๆ

ต่อให้นางจะไม่สนใจ แต่ซือมั่วจะเพิกเฉยได้อย่างไร

“ต่อจากนี้พวกเราไม่ต้องมีลูกแล้ว คนนี้คนเดียวก็พอ ข้าไม่อาจปล่อยให้เจ้าทนทรมานได้อีก” ซือมั่วโอบมู่ชิงเกอไว้ในอ้อมอก ปกป้องนางไว้

ใครจะรู้มู่ชิงเกอกลับยิ้มกล่าว “ข้ากลับคิดว่า ยังคลอดได้อีกสอง สามคน ครั้งแรก ประสบการณ์ยังไม่พอ ภายหลังก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว”

ที่นางพูดคือเรื่องจริง เพียงแต่ขั้นตอนในนั้นถูกปิดบังไว้

ด้วยคุณสมบัติพิเศษของร่างกายนาง การผ่าท้องเมื่อครู่ก็เจ็บเพียงแค่พริบตาเดียว เมื่อนางนำเด็กออกมาแล้ว บาดแผลก็สมานอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแม้แต่นิดเดียว

นึกไม่ถึงว่าคลอดลูกจะง่ายเหมือนการขุดดิน นี่ทำให้มู่ชิงเกอเลิกคัดค้านปัญหาการมีทายาทสืบตระกูลแล้ว

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์…” ซือมั่วมองนางอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ทว่ามู่ชิงเกอกลับใช้ศอกกระทุ้งอกเขา กล่าวถาม “เหตุใดเจ้าถึงไม่มองลูกเจ้าเลยเล่า”

เมื่อเอ่ยถึลูก ซือมั่วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เจ้าตัวเล็กที่ทรมานคนผู้นี้ เขายังไม่รู้เลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร สายตาหลุบลงเบาๆ เขามอง ‘ก้อนเนื้อตัวน้อย’ ที่อุ้มอยู่ในอ้อมอกของมู่ชิงเกอ

“หน้าเหมือนเจ้า แต่ก็เหมือนข้าด้วย” ความสนใจของซือมั่วตกอยู่ที่หน้าตาของซาลาเปาตัวน้อย เอ่ยคำวิจารณ์ตรงจุด

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก กล่าวว่า “พูดได้ไม่เลว”

ซาลาเปาตัวน้อยไม่สนใจบทสนทนาของพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย ปากเล็กๆ ขยุบขยิบ ส่งเสียงจุ๊บจิ๊บ

“อุ้มออกไป ให้พวกเขาได้เห็น” มู่ชิงเกอส่งลูกเข้าไปในอ้อมอกของซือมั่ว กล่าวกับเขา

ซือมั่วพยักหน้า โน้มตัวจูบหน้าผากนาง จากนั้นจึงกล่าวอย่างอาลัย “พักผ่อนให้เต็มที่ รอข้า”

พักผ่อนหรือ

ตอนนี้นางกลับรู้สึกสดชื่นร้อยเท่า

มู่ชิงเกอพูดในใจ แต่ก็ยังคงพยักหน้าบอกเป็นนัย ไม่ได้ปฏิเสธ

ซือมั่วอุ้มซาลาเปาตัวน้อย เดินออกไปนอกตำหนัก

เงาร่างที่สูงใหญ่ของเขา ในอ้อมอกกำลังอุ้มทารกน้อย ดูไม่เข้ากันเล็กน้อยจริงๆ แต่ว่า ในวินาทีนี้สายตาคนทั้งหมด ต่างก็ตกลงบนร่างเด็กทารกในอ้อมอกเขาอย่างตื่นเต้น

“นี่คือนายน้อยของพวกเจ้า!” ซือมั่วอุ้มลูกขึ้นเบาๆ กล่าวเสียงดัง

“คารวะนายน้อย!”

คนทั้งหมดนอกตำหนัก พากันคุกเข่า ตะโกนประโยคที่พวกเขายินยอมพร้อมใจ และรอคอยมาเนิ่นนาน

ในโลกเทพมารจัดงานเฉลิมฉลองครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งโลกมา

หนึ่งเดือนให้หลัง

มู่ชิงเกออยู่ในห้องบรรทมกับซือมั่ว มีเสียงหัวเราะ ‘คิกๆๆ’ ของทารกดังออกมา

ซือมั่วเดินออกไปนอกตำหนัก กลุ้มใจไม่หยุด

ที่นี่คือตำหนักบรรทมของเขากับมู่ชิงเกอ แต่ว่า เขากลับไม่ได้นอนข้างในมาหนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว

เหตุผล..

ก็เพราะลูกผู้นั้นของเขา!

ซือมั่วสูดหายใจเข้าลึก กดความร้อนใจอยากฆ่าคนกลับไป จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มที่รักใคร่เอ็นดูออกมา ยกขาก้าวเข้าไปในตำหนัก

เพิ่งจะเข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงดูดดังเข้ามารางๆ

เสียงๆ นี้ในหนึ่งเดือนมานี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเขา นี่คือเสียงที่มู่ชิงเกอกำลังให้นม เมื่อคิดถึงภาพภาพนั้น ซือมั่วก็รู้สึกตาร้อนผ่าว

ในขณะเดียวกัน ส่วนลึกในดวงตาสีอำพันก็มีความอิจฉาแวบผ่านโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น

‘ไปตายซะ! สิ่งที่เดิมควรจะเป็นของข้า ก็ถูกเจ้าเด็กนั้นแย่งไป!’ เส้นเลือดดำตรงขมับซือมั่วปูดขึ้นอย่างรวดเร็ว ‘ไม่โกรธๆ! นั้นคือลูกของเรา ฆ่าไม่ได้’

หลังจากปลอบตัวเองแล้ว ซือมั่วก็ก้าวเท้าต่อไป

ตอนที่เขาเดินมาข้างหน้ามู่ชิงเกออย่างหงุดหงิด ก็มองเห็นนาง จัดระเบียบเสื้อผ้า

มู่ชิงเกอแต่งตัวเสร็จแล้ว เด็กน้อยก็สะอึกอย่างพอใจทั้งใบหน้า ทำให้แววตาซือมั่วปรากฎความผิดหวัง ‘มาช้าไป’

“อามั่ว” มู่ชิงเกอละสายตามองเขา มองท่าทีอัดอั้นของเขา ตะโกนเรียกอย่างขบขำ

“เสี่ยวเกอเอ้อร์” ซือมั่วตาลุกวาว เร่งฝีเท้าเข้ามาข้างมู่ชิงเกอ นั่งลง โอบนางกับลูกเข้ามาในอ้อมอก “คืนนี้พวกเรา…” เขากระซิบกระซาบ ข้างหูนาง

น้ำเสียงที่คลุมเครือ บอกเป็นนัยไว้ชัดเจนอย่างถึงที่สุดแล้ว

มู่ชิงเกอหูแดง แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธ

ตอนที่ซือมั่วดีใจบ้าคลั่งในใจ จู่ๆ เสียงร้องไห้เสียงหนึ่งก็ดึงเขาจากความฝันกลับมาสู่ความเป็นจริง

“อุแว้!” ซาลาเปาน้อยที่เดิมก็กินอิ่มแล้ว จู่ๆ ก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา หางตามีนํ้าตาเม็ดใหญ่ๆ ไหลลงอย่างรวดเร็ว

“เด็กดี ไม่ร้องๆ” มู่ชิงเกอรีบกล่อมลูก บรรยากาศหวานชื่นระหว่างซือมั่วก่อนหน้านี้หายไปจนหมดเกลี้ยง

ซือมั่วหน้าดำครํ่าเครียด

เขารู้อยู่แล้ว!

หนึ่งเดือนมานี้ขอเพียงเขาอยากชิดใกล้มู่ชิงเกอ หรือว่าแสดงท่าทีสนิทสนมเล็กน้อย ปีศาจน้อยตัวนี้ก็จะร้องไห้ลั่น จะร้องจนกว่าเขาจะออกไปจึงจะยอมหยุดร้อง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์!” ซือมั่วลุกขึ้นยืนกล่าวอย่างอัดอั้น

มู่ชิงเกอหันหน้ามองเขา กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าออกไปก่อน”

ซือมั่วเจ็บปวดใจอย่างไม่มีเหตุผล ความรู้สึกถูกทอดทิ้งชนิดหนึ่งจู่โจมหัวใจ

เขายืนนิ่งไม่ขยับ มองเด็กเกเรที่ร้องไห้ไม่หยุดคนนั้นอย่างแน่นิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

‘คืนนี้ เจ้ารอข้าที่ตำหนักหน้า’ ตอนที่เขากำลังเดินออกไปอย่างโมโห ครุ่นคิดว่าจะโยนเด็กน้อยออกไปดีหรือไม่ เสียงที่ถ่ายทอดมาของมู่ชิงเกอก็ทำให้เขาดีใจแทบบ้า

เขาเหลือบตาขึ้นมองนาง พยักหน้าอย่างรวดเร็ว หันหลังกลับ หายไปจากตำหนัก

เมื่อเขาไป เด็กน้อยก็หยุดร้องไห้ทันที เพียงแต่หางตายังคงมีน้ำตาอยู่ จ้องมองมารดาของตนด้วยท่าทางน่าสงสาร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version