Skip to content

พลิกปฐพี 965

ตอนที่ 965

ตอนพิเศษ 6

โลก ข้ากลับมาแล้ว!

ท่ามกลางท้องนภาที่เต็มไปด้วยดวงดาว เรือต้าเซียนเคลื่อนที่ช้าๆ

ในเรือ มู่ชิงเกอจ้องมองแผนที่ของจักรวาลขนาดใหญ่นิ่งเงียบไม่พูดจา ซือมั่วเดินมาข้างๆ นาง มือทั้งคู่วางลงบนไหล่ทั้งสองของนางเบาๆ กล่าวถาม “ยังหาทางกำหนดพิกัดไม่ได้หรือ”

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วพยักหน้า “ปราณของจูเสีย เดี๋ยวก็รวมตัวเดี๋ยวก็กระจัดกระจาย ไม่มีทางจับตำแหน่งแน่นอนได้เลย”

ตอนแรกที่ซือมั่วกำหนดตำแหน่งของเผ่าฝูผ่านธงวิญญาณมารทำให้นางเกิดความคิดแปลกๆ ว่าจะสามารถใช้จูเสียมากำหนดพิกัด ทำให้นางหาเจียงหลีท่ามกลางจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้เจอได้หรือไม่

แต่ว่า ทฤษฎีกับความเป็นจริงแตกต่างกันยิ่งนัก

กว่าพวกเขาจะหลุดออกจากโลกใบหลัก เริ่มต้นตามหาได้ นางกลับพบว่า ต่อให้นางจะสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของจูเสียได้ แต่ก็ยังคงเคว้งคว้างไม่แน่นอน

หลายครั้ง นางคิดว่าหาเจอแล้ว เร่งตามไปด้วยความตื่นเต้น แต่กลับกลายเป็นโผเข้าหาความว่างเปล่า

ซือมั่วนั่งลงข้างๆ นาง ปลอบเสียงต่ำ “อย่าถอดใจ ขอเพียงพวกเราหาไปเรื่อยๆ จะต้องหาเจอแน่นอน”

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก พยักหน้าอย่างแรง

แสดงท่าทีหากหาเจียงหลีไม่เจอก็จะไม่หยุดพักออกมา “สิบปียังหาไม่เจอ ข้าก็จะหาต่อไปจนร้อยปี ร้อยปียังหาไม่เจอ ก็จะหาต่อไปจนพันปี พันปี ยังหาไม่เจอ ก็จะหาต่อไปจนหมื่นปี ข้าไม่เชื่อว่า ข้าพลิกทั้งจักรวาลแล้ว จะยังหานางไม่พบ”

ความเด็ดเดี่ยวในแววตาของนางทำให้ดวงตาซือมั่วปรากฎรอยยิ้ม

ตอนนั้น เขาก็ถูกแววตาที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ของนางดึงดูดความสนใจ การดึงดูดครั้งนี้ทำให้ติดกับไปตลอดทั้งชีวิต

“แต่ว่า…” มู่ชิงเกอไม่ได้สังเกตเห็นความรักละมุนในดวงตาของซือมั่ว จมดิ่งอยู่ในความคิดของตน พึมพำกับตัวเอง “เหตุใดสถานที่มากมายเพียงนั้น ถึงได้มีปราณของจูเสียหมดเลย”

นางเหลือบดวงตาที่สงสัยคู่หนึ่งขึ้นมองซือมั่ว

ดวงตาที่ใสกระจ่างคู่นั้น สะท้อนดวงหน้าหล่อเหลาของซือมั่ว

มู่ชิงเกอกะพริบตา จู่ๆ มือทั้งสองก็ประคองใบหน้าของเขาเอาไว้แล้ว ออกแรงจูบลงบนริมฝีปากสีแดงของเขาหนึ่งครา แรงนั้นทำให้สีปากของซือมั่วเข้มขึ้นหลายส่วน

ซือมั่วตะลึงงัน ส่วนลึกในดวงตาสีอำพัน มีสีกลีบกุหลาบแผ่คลุมอย่างหนาทึบ

ทว่า ในตอนที่เขาคิดจะใกล้ชิดมู่ชิงเกอขึ้นอีก หญิงสาวที่เอาแต่จุดไฟไม่ยอมดับไฟผู้นี้กลับใช้นิ้วมือจิ้มหน้าอกเขาอย่างแรง

จิ้มจนความปรารถนาส่วนนั้นในใจเขามอดดับไปสิ้น

“เจ้าผ่านโลกมามากมาย ประสบการณ์โชกโชนเช่นนี้รู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด” มู่ชิงเกอถามต่ออย่างไม่อับอาย

ทว่าดวงตาทั้งคู่ของซือมั่วกลับหรี่ลงอย่างอันตราย “เสี่ยวเกอเอ๋อร์กำลัง เมินสามีหรือ”

เอ่อ

“เปล่าซะหน่อย!” มู่ชิงเกอโบกมือติดๆ กัน

พูดไปพลาง ดวงตาทั้งคู่ที่ใสกระจ่างก็ยังกะพริบปริบๆ แสดงความไร้เดียงสาของตน

ซือมั่วสายหน้ายิ้มอย่างจนใจ ความจนปัญญาที่เขามีต่อมู่ชิงเกอทำให้เขาขึ้นชื่อว่ากลัวภรรยาในโลกใบหลักแล้ว และคาดไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับเรื่องนี้ไปโดยปริยาย

ท่ามกลางการรอคอยของมู่ชิงเกอ ซือมั่วทำได้เพียงกล่าว “มีสถานการณ์อย่างหนึ่ง อาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ได้”

“อะไร!” มู่ชิงเกอตื่นตัวขึ้นมาทันที

ซือมั่วแตะปลายจมูกนางอย่างขบขำ ท่าทีรักใคร่เช่นนี้ทำให้แก้มทั้งสองของมู่ชิงเกอแดงซ่านขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็จางหายไป

รู้ว่าในใจมู่ชิงเกอห่วงหาความเป็นไปของเจียงหลี ซือมั่วก็ไม่อ้อมค้อมอีก กล่าวกับนาง “บางที ระหว่างที่เจียงหลีตกลงไป จะต้องผ่านสถานที่ที่พวกเราไปก่อนหน้านี้เป็นแน่ จึงหลงเหลือปราณของจูเสีย จูเสียคือยุทธภัณฑ์ชั้นเทวะ ทั้งเจ้ายังหลอมขึ้นมากับมือ เจียงหลีใช้เลือดของตัวเองหล่อหลอม คนอื่นสัมผัสไม่ได้ แต่เจ้ากลับทำได้”

มู่ชิงเกอฟังอย่างตั้งใจ พยักหน้าไม่หยุด

ความเป็นไปได้ที่ซือมั่วพูดมีมากอย่างยิ่ง นางหาสถานที่ที่สัมผัสได้ถึงปราณของจูเสียก่อนหน้านี้ออกมาทันที วาดพวกมันออกมาจากแผนที่

แต่ว่า เมื่อนางวาดเสร็จแล้ว คิ้วที่ขมวดกลับขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม

“สถานที่เหล่านี้ มองดูแล้วยุ่งเหยิงไร้ระเบียบ ไม่มีลำดับน่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย” นางจ้องมองแผนที่แล้วกล่าว

ซือมั่วเหลือบมองแผนที่ปราดหนึ่ง กล่าวปลอบใจ “บางที ระหว่างที่เจียงหลีตกลงไป อาจจะผ่านสถานที่เหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจ หรือว่าบริเวณที่เชื่อมต่อกันในนั้น พวกเรายังหาไม่เจอ”

มู่ชิงเกอเม้มปากไม่พูด เพียงแค่จ้องมองแผนที่ไม่เอ่ยปาก

ซือมั่วมองออก นางเป็นห่วงเจียงหลี จึงเอ่ยปากปลอบขวัญ “หาคน เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหาคนคนหนึ่งในจักรวาลขนาดใหญ่ ท่ามกลางมหาสมทุรดวงดาวแห่งนี้ เจ้าเองก็อย่าเป็นกังวลเกินไป เจียงหลีเป็นฮ่องเต้หญิงแคว้นกู่วู่ ครอบครองดวงชะตา ไม่อาจเป็นอะไรไปได้บางที นางอาจจะเจอโชคชะตาที่เป็นของตนแล้วก็เป็นได้”

‘‘หวังว่าจะเป็นเช่นนี้” มู่ชิงเกอถอนหายใจ

นางรู้ดี ที่ซือมั่วพูดคือความจริง เรื่องหาคนรีบร้อนไม่ได้

แต่ว่า แม้จะรู้แต่ในใจนางก็ยังคงร้อนรน ราวกับว่าไม่เห็นเจียงหลีมายืนอยู่ตรงหน้านางในสภาพปลอดภัยดี หัวใจนางก็จะไม่มีทางสงบนิ่งลงได้

ก่อนหน้านี้ไม่มีความสามารถในการค้นหา ตอนนี้มีความสามารถแล้ว แต่กลับทำให้นางเฝ้าปรารถนาต่อการค้นหาเจียงหลีมากยิ่งขึ้น

บนดาดฟ้าเรือต้าเซียนปีศาจน้อยรู้ว่าแม่ของตนอารมณ์ไม่ค่อยดีจึงไม่เข้าไปวุ่นวาย

เขาเกาะอยู่บนกาบเรืออย่างเบื่อหน่าย ดวงตาทั้งคู่ที่ปราดเปรียว กลอกตามองมหาสมุทรดวงดาวไปมา

ทันนั้น เบื้องหน้าเขาก็สว่างวาบร้อง ‘โห’ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ยืดตัวตรงขึ้นมาจากท่าหมอบที่เกียจคร้าน เขาจ้องมองดาวสีฟ้าดวงหนึ่งไกลๆ กล่าวด้วยความประหลาดใจ ‘‘สวยจังเลย!”

ดาวสีฟ้าดวงนั้นเหมือนหินหยกสีฟ้าหนึ่งเม็ดที่ถูกฝังอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี แวววับจับตาอย่างถึงที่สุด ดึงดูดให้คนเดินไปข้างหน้าไม่หยุด

แต่ว่า ดาวดวงนี้ดึงดูความสนใจของปีศาจน้อย แต่กลับไม่ได้ทำให้เรือต้าเซียนเปลี่ยนทิศทางเรือ ชั่วพริบตาเรือต้าเซียนก็ค่อยๆ เคลื่อนห่างจากวงโคจรของดาวดวงนั้นไป ปีศาจน้อยร้อนใจขึ้นมา

“ท่านแม่! ท่านแม่!”

ปีศาจน้อยร้องตะโกน

อย่าเห็นว่าเขาเป็นเด็ก เขากลับรู้ว่าคนควบคุมเรือต้าเซียนคือ ท่านแม่ผู้อหังการของเขา

เสียงดังเข้าไปในห้องใต้ท้องเรือ ความรีบร้อนชนิดนั้นทำให้มู่ชิงเกอที่อิงแอบอยู่ในอ้อมอกซือมั่วลุกขึ้นมา ขมวดคิ้วเบาๆ

“นาจาเป็นอะไรไป ข้าจะไปดูหน่อย” มู่ชิงเกอเดินไปข้างหน้า อย่างไม่รีบไม่ร้อน

นางรู้ดีว่า บนเรือต้าเซียน ไม่อาจมีเหตุเหนือความคาดหมาย อะไรเกิดขึ้นได้ไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของเด็กน้อย

ซือมั่วหน้าดำครํ่าเครียด ทุกครั้งที่พวกเขาสองสามีภรรยารักใคร่ชิดเชื้อก็มักจะมีเด็กหนึ่งคนชอบก่อกวนอยู่เสมอ นี่คือลูกแท้ๆ ของเขาจริงๆ หรือ

ไม่ได้มาแย่งภรรยากับเขาจริงๆ ใช่หรือไม่

“เขาจะเป็นอะไรไปได้” ซือมั่วขัดมู่ชิงเกอ ในนํ้าเสียงมีความน้อยใจ

มู่ชิงเกอยกมุมปากกล่าวปลอบ “เจ้ายังรู้จักนิสัยของลูกไม่ดีพอ หากไม่มีเรื่องก็จะไม่ร้องตะโกนเสียงดัง ข้าไปดูประเดี๋ยวเดียวก็กลับมา”

มีเรื่อง! จะมีเรื่องอะไรได้!

ซือมั่วกล่าวในใจ เด็กคนนี้เห็นว่าพวกเขาสองสามีภรรยาอยู่ในห้องใต้ท้องเรือนานเกินไปแล้วจึงตั้งใจจะทำลายบรรยากาศ

“ข้าไปด้วย” ซือมั่วไม่ได้ห้ามไม่ให้มู่ชิงเกอไป แต่กลับจับมือของนางไว้อย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ จูงนางเดินออกจากท้องใต้ท้องเรือไปยังดาดฟ้าเรือพร้อมกัน

ท่าทางเด็กน้อยของเขา มู่ชิงเกอเพียงแค่ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เหตุใดเวลาที่สองพ่อลูกคู่นี้อยู่ต่อหน้านาง ถึงแสดงท่าทีเอาอกเอาใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว สองคนนี้เทียบกันได้ด้วยหรือ

“ท่านแม่! ท่านแม่ที่รักของข้ารีบมาเร็ว!”

ตอนที่ทั้งสองเดินออกไป เสียงของซือนาจาก็ดังเข้ามาอีกครั้ง

คำพูดของเด็กน้อยทำให้มู่ชิงเกอยิ้ม

นางก้าวยาวออกไปจากห้องใต้ท้องเรือ เหยียบลงบนดาดฟ้าเรือ เมื่อมองเห็นเงาร่างของเด็กน้อยก็กล่าวถาม “เป็นอะไรไป กระต่ายตื่นตูม”

“ท่านแม่ ท่านมาแล้ว!” เมื่อเห็นมู่ชิงเกอ บนใบหน้าที่งดงามดั่งหยกเจียระไนใบนั้นของซือนาจา ก็ยิ้มแย้มราวกับบุปผาผลิบาน กระโดดโลดเต้นวิ่งเข้ามา

“ท่านแม่ พวกเราไปตรงนั้นดีหรือไม่”

เด็กน้อยคนนี้ไม่เห็นตัวตนของซือมั่วอย่างสิ้นเชิง แต่กลับตั้งใจดึงมือทั้งคู่ที่จับกันของคนทั้งสองออก ยึดครองตำแหน่งของเขา ลากมู่ชิงเกอไปที่กาบเรือ

“ไปไหน” มู่ชิงเกอถามอย่างไม่เข้าใจ

แต่กลับไม่รู้ว่า ซือมั่วยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าดำเป็นถ่านแล้ว

‘ไปตายซะ! ต้องหาวิธีให้ได้แล้ว!’ ในดวงตาซือมั่วมีความเย็นเยียบแวบผ่าน นิ้วมือกำแน่นแล้วคลายออก

เขากล้ารับประกันหากเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา เขาจะต้องตีจนจมดินแน่นอน

“ตรงนั้น ดาวสีฟ้าดวงนั้น”ซือนาจาเขย่งเท้า ยกมือตุ้ยนุ้ยขึ้น ชี้ดาวที่ตอนนี้ได้กลายเป็นแสงริบหรี่ยากจะมองเห็นแล้ว

มู่ชิงเกอหรี่ตา มองทิศทางที่เขาชี้

ตอนนี้เรือต้าเซียนแล่นมาไกลแล้ว มองไม่เห็นว่าซือนาจาชี้อะไรอย่างสิ้นเชิง

แต่ว่านี่ยังคงเป็นสถานที่ที่เด็กน้อยร้องขอจะไปเป็นครั้งแรก หลังจากที่พวกเขาสามคนครอบครัวออกมาจากโลกใบหลัก นางจึงปฏิเสธไม่ลง

มู่ชิงเกอควบคุมเรือต้าเชียน มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ซือนาจาชี้

ท่าทีใจจดใจจ่อของแม่ลูกสองคน ดึงดูดความสนใจของซือมั่ว เขาก้าวเข้าไปข้างหลังมู่ชิงเกอและซือนาจาช้าๆ มองดาวที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้าพวกเขาไม่หยุดนั้นพร้อมกับพวกเขา

เรือต้าเซียนได้รับคำสั่งของมู่ชิงเกอแล้ว แล่นไปใกล้ดาวสีฟ้าดวงนั้นเรื่อยๆ รูปร่างของดาวค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในสายตาคนทั้งสาม

“โห! สวยยิ่งนัก ตรงนั้นจะต้องสนุกมากเป็นแน่ ท่านแม่ พวกเราไปเที่ยวสักหน่อยดีหรือไม่” ในดวงตาที่มีสีอำพัน เปล่งประกายดุจดาราเหมือนบิดาเขาคู่นั้นของซือนาจาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและปรารถนา

ทว่า ตอนที่มู่ชิงเกอเห็นดาวดวงนั้นชัดแล้ว ดวงตาทั้งคู่กลับตกใจจนหดลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่ร่างกายก็สั่นอย่างแรง

ท่าทางผิดปกติของนางชัดเจนเช่นนี้ซือมั่วก็สังเกตเห็นได้ในทันที มีเพียงซือนาจาที่จมอยู่ในความตื่นเต้นของตนไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของมารดาตนอย่างสิ้นเชิง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป” สายตาเป็นห่วงของซือมั่วตกลงบนร่างมู่ชิงเกอ มือใหญ่ๆ ก็วางลงบนไหล่นางเช่นกัน

แต่ว่า มู่ชิงเกอกลับไม่ตอบสนอง เพียงแค่จ้องมองดาวสีฟ้าที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ดวงนั้น สมองของนางตกอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า

ดาวดวงนั้น…

ไม่ ควรจะพูดว่าโลกใบนั้น นางคุ้นเคยเป็นอย่างดี

กระทั่งเค้าโครงทั้งหมดก็จดจำอยู่ในสมองของนางอย่างชัดเจน ลบไม่ออก

ดาวโลก!

ดาวบ้านเกิดของนาง บ้านเกิดที่ต่อให้นางจะเรียกลมเรียกฝนที่ต่างภพได้แต่ก็ไม่มีทางลืม แผ่นดิน มาตุภูมิที่นางเคยหลั่งเลือด หลั่งเหงื่อ สละทุกสิ่งทุกอย่างให้

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์?”

เสียงร้องตะโกนเสียงหนึ่ง ระเบิดอยู่ข้างหูมู่ชิงเกอ

ซือมั่วเห็นมู่ชิงเกอไม่ตอบสนองอยู่นานจึงจำใจต้องเรียกสตินาง เขาตะโกนครานี้ ไม่เพียงแต่ดึงมู่ชิงเกอกลับมาจากความทรงจำและอาการตกตะลึง แต่ยังทำให้ซือนาจาที่ไม่รู้เรื่องหันหน้ามา สังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของมู่ชิงเกอ

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไป” เด็กน้อยจับกระโปรงของมู่ชิงเกอไว้ ดึงอย่างระมัดระวัง

ตอนนี้ แววตาที่เป็นกังวลของสองพ่อลูกเหมือนกันอย่างยิ่ง

สายตามู่ชิงเกอตกลงบนร่างพ่อลูกทั้งสอง ท่ามกลางการจ้องมองที่ตึงเครียดของพวกเขา นางก็เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่มีอะไร จู่ๆ ก็นึกถึง เรื่องบางเรื่องก็เท่านั้นเอง”

นางไม่ได้คิดจะพูดเรื่องทั้งหมดออกไปในตอนนี้ เพียงแค่ก้มตัวอุ้มซือนาจาขึ้นมา ชี้โลกแล้วกล่าวถาม “เจ้าอยากไปที่นั่นหรือ”

ซือนาจาพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา

แต่ว่าเขากลับไม่ได้มองโลกอีกแม้แต่ปราดเดียวจ้องมองเพียงใบหน้ามู่ชิงเกอ ไม่นานนักเขาก็กล่าว “หากที่ตรงนั้นทำให้ท่านแม่ไม่สบายใจ นาจาไม่ไปก็ได้”

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ส่ายหน้า

ที่ตรงนั้นจะทำให้นางไม่สบายใจได้อย่างไร

“พวกเราไปดูสักหน่อยเถอะ” มู่ชิงเกอกล่าวกับซือนาจา

นํ้าเสียงของนาง ฟังแล้วเป็นปกติ ไม่มีความผิดปกติแม้แต่นิดเดียว แต่ว่า ซือมั่วกลับฟังความสั่นเครือเล็กๆ ที่ซ่อนไว้สุดแรงในนั้นออก

เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขากำลังกลัวหรือ

นางกลัวอะไร ดาวดวงนั้นหรือ

คิ้วคู่งามของซือมั่วขมวดเล็กน้อย เขากำลังครุ่นคิดว่าควรจะทำลายดาวดวงนั้นทิ้ง เลี่ยงไม่ให้เสี่ยวเกอเอ๋อร์ของเขาทุกข์ใจอีกดีหรือไม่

มู่ชิงเกอวางซือนาจาลง

อย่างไรเสียซือนาจาก็เป็นเด็ก เมื่อได้ยินมารดาอนุญาต บนใบหน้าเล็กๆ ก็เต็มไปด้วยความดีใจ “จริงหรือ”

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ตอนนี้ เส้นทางเดินเรือที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ของเรือต้าเซียน ยืนยันว่าสิ่งที่นางเห็นเป็นเรื่องจริง

ด้วยความเร็วของเรือต้าเซียน เกรงว่าไม่ถึงครึ่งวัน พวกเขาก็สามารถเข้าไปใต้ชั้นบรรยากาศของโลกได้แล้ว

มู่ชิงเกอกลับหลังหันมองซือมั่ว กล่าวกับเขา “อามั่ว เจ้าตามข้ามา ข้ามีอะไรจะพูดกับเจ้า”

ซือมั่วตาลุกวาว พยักหน้าเบาๆ เดินกลับไปที่ห้องใต้ท้องเรือพร้อมกันกับนาง ทิ้งซือนาจาที่ตื่นเต้นไว้บนดาดฟ้าเรือคนเดียว

เรือต้าเซียนค่อยๆ เข้าใกล้โลก ซือนาจาไม่ได้สนใจการจากไปของพ่อแม่

อย่างไรเสีย ชีวิตบนเรือต้าเซียน ส่วนใหญ่เขาก็อยู่กับแต่ตัวเอง ใครให้มู่ชิงเกอกับซือมั่วเลือกเลี้ยงลูกแบบปล่อยเล่า

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์เจ้ามีอะไรไม่สบายใจหรือ” เมื่อเข้าไปในห้องใต้ท้องเรือ ซือมั่วก็ถามขึ้นทันที

เขาคิดแค่ว่าท่าทางผิดปกติก่อนหน้านี้มู่ชิงเกอไม่สบายใจที่จะอธิบายต่อหน้าลูก แต่กลับไม่คิดว่า คำพูดต่อไปของมู่ชิงเกอ กลับทำให้เขาตะลึงงัน

มู่ชิงเกอหมุนตัวกลับมา หันหน้าเข้าหาเขา ในดวงตามีความจริงจังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ท่าทางเช่นนี้ทำให้แววตาของซือมั่วขรึมตามหลายส่วน

“อามั่ว มีเรื่องบางเรื่อง ที่เดิมข้าคิดจะปิดบังตลอดชีวิต ไม่บอกใครทั้งสิ้น แต่ว่า วันนี้ข้าอยากบอก” มู่ชิงเกอกล่าว

ดวงตาทั้งคู่ของซือมั่วหรี่ลงเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยปากทันที รอคำพูดต่อไปของนาง

มู่ชิงเกอสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงจ้องดวงตาทั้งคู่ของเขา กล่าวทีละคำๆ “ข้าไม่ใช่มู่ชิงเกอตัวจริง”

ดวงตาทั้งคู่ของซือมั่วหดลงอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมานานแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามู่ชิงเกอจะพูดประโยคนี้ออกมา

“บางที ข้าควรจะพูดว่า มู่ชิงเกอตัวจริงตายไปตั้งแต่ตอนที่อยู่ในที่ราบลั่วรื่อแล้ว นางกับข้าพบกันครั้งแรก ก็คือตอนที่วิญญาณของข้าเพิ่งจะเข้าไปในหลินชวน หลอมรวมเข้ากับร่างของมู่ชิงเกอ”

ดวงตาทั้งคู่ของซือมั่วเบิกกว้างตามการอธิบายของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกล่าวต่อ “ชื่อจริงของข้า คือมู่เกอ ดาวดวงนั้นที่เจ้าเห็นเมื่อครู่ ก็คือที่ที่ข้าจากมา ที่นั้น คือโลกที่ต่างจากหลินชวนอย่างสิ้นเชิง โลกใบนั้น มีวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าระดับสูง รวมถึงอารยธรรมที่ทันสมัยบนดาวโลกใบนั้น ข้าเป็นทหารระดับประเทศ เขี้ยวมังกรก็คือรหัสประจำตัวของข้าในประเทศนั้น ส่วนข้า พลีชีพในหน้าที่ครั้งหนึ่ง วิญญาณกลับไม่แตกซ่าน เข้าไปในหลินชวน และเข้าไปในร่างมู่ชิงเกอที่เพิ่งตาย”

‘‘ยืมศพคืนวิญญาณ?” ซือมั่วพูดคำสี่คำนี้ออกมาช้าๆ

มู่ชิงเกอยกมุมปากพยักหน้ากล่าว “จะพูดแบบนี้ก็ได้”

นางก้มหน้า สงบนิ่งลง

นี่คือเรื่องที่นางปิดบังซือมั่วเพียงเรื่องเดียว ถ้าหากไม่ใช่ว่าเรือต้าเซียนบังเอิญแล่นผ่านโลกแล้วทำให้ซือนาจาสังเกตเห็น เกรงว่านางคงจะปิดบังเรื่องนี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจไปตลอดชีวิต

ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่าแขนทั้งคู่ของตนกระชับแน่น ไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย นางก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดที่ทำให้นางอบอุ่นสบายใจ

นางรู้สึกได้ว่าคางของซือมั่ววางลงบนศีรษะนางเบาๆ

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ข้าไม่เคยมีความสุขเช่นนั้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นพลังอะไรที่พาเจ้ามาอยู่ข้างกายข้า ข้าก็รู้สึกซาบซึ้งทั้งสิ้น เจ้าคือมู่ชิงเกอหรือไม่ สำหรับข้าแล้วไม่ได้สำคัญเลย ที่ข้าต้องการมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น”

คำพูดของซือมั่ว ปลอบขวัญความกังวลในเบื้องลึกในจิตใจของมู่ชิงเกอ

แม้ว่า นางจะมั่นใจอย่างยิ่งว่า ความเป็นมาของนาง ไม่อาจทำให้ซือมั่วแสลงใจ แต่อย่างไรเสียนางก็ไม่ใช่คนที่บริสุทธิ์ เป็นคนที่ตายมาแล้วจริงๆ หนึ่งครั้ง ยืมร่างคืนวิญญาณ คิดๆ ดูแล้วก็ยังน่าขยะแขยงเล็กน้อย

“ฉะนั้นพวกเราจะไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดที่แท้จริงของเจ้ากันใช่หรือไม่” ซือมั่วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว

เขาดึงมู่ชิงเกอออกเบาๆ ในดวงตาลึอำพันมีรอยยิ้มปรากฎ

ภายใต้ความสะเทือนใจของเขา มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายออกมา นางพยักหน้า เลิกคิ้วกล่าว “ตอนที่ข้าจากมา โลกใบนั้นอยู่ในปี 2016 ข้าจากหลินชวนเข้าไปยังโลกใบหลัก ตอนนี้ก็เป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่า โลกที่ข้าเคยรู้จักจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร”

ขณะที่พูด ดวงตานางก็มีความปรารถนาปรากฎขึ้น

“ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร ข้าก็จะอยู่ข้างกายเจ้า” ซือมั่วฉวยโอกาสสารภาพรัก ทำให้องศาที่มุมปากมู่ชิงเกอเลิกขึ้นหลายส่วน

ผ่านไปครึ่งวัน เรือต้าเซียนก็เข้าสู่ชั้นบรรยากาศแล้ว

เพราะว่าบนเรือต้าเซียนมีอาคมพรางตัว ดังนั้นมู่ชิงเกอจึงไม่ห่วงว่าจะถูกดาวเทียมแต่ละประเทศที่อยู่เต็มนอกโลกพบเห็น

ข้ามผ่านชั้นบรรยากาศได้โดยที่ไม่ถูกขัดขวางเลยแม้แต่น้อย ภูเขาแม่น้ำที่คุ้นเคย ปรากฎอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกออีกครั้ง

เป็นถึงทหาร ภูมิประเทศที่มองดูจากข้างบนเช่นนี้ มู่ชิงเกอคุ้นเคยอย่างถึงที่สุด ภูเขา สภาพพื้นดินตรงหน้าทับซ้อนกับภาพในความทรงจำของนาง ทำให้นางขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

‘ผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ไม่นึกว่าสภาพพื้นดินจะไม่เปลี่ยนแม้แต่นิดเดียว’ นางสงสัยเล็กน้อย แต่ก็อธิบายกับตัวเองทันที ‘บางที ช่วงเวลาร้อยปี อาจจะไม่เพียงพอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่’

“โห! ท่านแม่ ดาวดวงนี้แปลกยิ่งนัก กล่องเล็กสูงๆ นั้นคืออะไร แล้วกล่องเหล็กที่เหมือนมีมดไต่เหล่านั้นคืออะไร” ซือนาจากล่าวด้วยความตื่นเต้น

ฟิ้ววววว!

เสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินโฉบผ่านพื้นที่ใกล้เคียงเรือต้าเซียน

“นกเหล็กยักษ์!” ซือนาจาชี้เครื่องบินที่บินไปไกลแล้วตะโกนดัง

ในดวงตาซือมั่วเกิดความประหลาดใจ เขามองไปรอบด้านด้วยความสงสัย กล่าวในใจ ที่นี่คือโลกที่ชิงเกอเคยใช้ชีวิตมาก่อนหรือ พิเศษจริง!

“นั่นคือเครื่องบิน” มู่ชิงเกอกล่าวแก้ไข

ทันใดนั้น ก็มีเครื่องบินอีกหนึ่งลำบินผ่านหน้าพวกเขาไป ครั้งนี้ มู่ชิงเกอกดับมองเห็นโฆษณาบนตัวเครื่องบินแล้ว

“ปี 2017 !” ดวงตาทั้งคู่ของนางหดลงอย่างรวดเร็ว กล่าวเสียงหลง “เหตุใดถึงผ่านไปเพียงหนึ่งปี”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version