Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 828

บทที่ 828 สามารถแทงเจ้าให้พรุนได้ด้วยเข็มเล่มเดียว

อันที่จริงในชาติก่อนเพื่อปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จกู้ซีจิ่ว ก็เคยเล่นละครเป็นคู่รักกับเพื่อนร่วมงานเหมือนกัน แต่ตอนนั้นต่อให้กอดแขนคนอื่นไว้เธอก็ไม่รู้สึกอะไร ไหนเลยจะรู้สึกเหมือนแปะกอเอี๊ยะร้อนๆ ดั่งคนผู้นี้ ในยามนี้เกาะติดจนเธอใจสั่นกระสับกระส่าย

หากเป็นยามปกติ เธอสามารถเตะอีกฝ่ายให้กระเด็นได้โดยไม่เกรงใจเลย แต่ตอนนี้เจ้าคนตรงหน้านี้กับเธอกำลังเล่นละครกันอยู่จึงเตะออกไปไม่ได้…

และเธอคาดว่าต่อให้อยากเตะก็คงเตะออกไปไม่พ้น…

ลมหายใจเขาเป่ารดอยู่ข้างหูเธอ ถึงแม้เธอจะพยายามสงบนิ่งอย่างสุดกำลัง แต่ใบหูก็ยังคงแดงก่ำอยู่ดี ‘เอาล่ะ กอดก็กอดไปแล้ว ข้ารู้สึกว่าละครเรื่องนี้ใกล้จะจบลงแล้ว…ท่านปล่อยมือก่อน…’

‘ไม่ได้! ยังมีจ้องตากันด้วย!’ สุ้มเสียงตี้ฝูอีจริงจังเสียจนไม่อาจจริงจังไปกว่านี้ได้แล้ว ท่อนแขนพลันออกแรงทันที เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพร่าเลือน เมื่อรู้ตัวอีกทีตัวคนก็นั่งอยู่ในอ้อมอกของตี้ฝูอีแล้ว…

เสื้อคลุมสีม่วงของเขาหลวมกว้าง ยามกู้ซีจิ่วตกอยู่ในอ้อมอกเขาก็ดูตัวเล็กน่าทนุถนอม นั่งอยู่บนตักเขา

จู่ๆ ทั้งร่างก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้อื่น ใบหน้าของกู้ซีจิ่วแดงกํ่าไปหมดแล้ว!

“ตี้ฝูอี เจ้าไม่ยอมจบใช่ไหม?!”

เจ้าบัดซบผู้นี้ยิ่งเล่นยิ่งเอาเปรียบเธอ!

“ชู่ว…” นิ้วหนึ่งของตี้ฝูอีทาบลงบนริมฝีปากนาง “เด็กน้อยอยากเห็นหรือไม่ว่าข้าจะเล่นบทใดกับเจ้า?”

กู้ซีจิ่วพลันตัดสินใจ กอดเอวเขาไว้ เข็มเงินเล่มหนึ่งตรงซอกนิ้วสะกิดลงบนกระดูกสันหลังของเขาเบาๆ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน “ที่รักปล่อยมือเสีย”

จากนั้นก็ส่งกระแสเสียงหาเขาอีกครั้ง ‘ถ้ายังไม่ปล่อยมืออีกข้าสามารถแทงเจ้าให้พรุนได้ด้วยเข็มเล่มเดียว’

ตี้ฝูอีมองตานาง “เจ้าทำลงหรือ?”

ดวงตากู้ซีจิ่วหยีโค้งดั่งจันทร์เสี้ยว นํ้าเสียงอ่อนหวาน “ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม หนึ่ง…”

“ซีจิ่ว ถ้าแทงข้า ละครก็แสดงต่อไปไม่ได้แล้ว”

“สอง!”

ตี้ฝูอีถอนหายใจ ร่างเหยียดตรง เอ่ยอย่างไม่สนใจความเป็นความตาย “เจ้าแทงสิ!”

กู้ซีจิ่วตะลึง เธอส่งกระแสเสียงไปอีกครั้ง ‘ตี้ฝูอี เจ้าอย่าได้เกินไปนัก! ถ้าเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปอย่าได้หมายว่าข้าจะร่วมเล่นละครกับเจ้าอีก!’

เอาเถอะ เพื่อประโยชน์ในครั้งต่อไป ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาทำได้แค่ปล่อยมือซะ ขณะที่เขากำลังปล่อยเธอลง ภายในสวนก็มีเสียงต่อสู้แว่วมากจากที่ไกลๆ

ในที่สุดก็มาแล้ว!

กู้ซีจิ่วพรูลมหายใจออกมายาวๆ “เอาล่ะ ละครมาถึงจุดนี้แล้ว ใกล้จะจบลงเสียที พวกเขามาแล้ว!”

สบช่องที่ตี้ฝูอีคลายวงแขนออกนิดๆ กู้ซีจิ่วรีบกระโดดออกมาทันที

ตี้ฝูอีดึงนางมาอยู่ข้างกายตนเงียบๆ “รอก่อนเจ้า ไม่จำเป็นออกโรง! ว่าง่ายๆ แล้วติดตามอยู่ข้างกายข้าซะรู้ไหม?”

เขาปกป้องคนข้างกายจนกลายเป็นความเคยชินแล้ว

กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง “ท่านเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบไปแล้ว สินะ”

เรื่องบางอย่างไม่ต้องให้เขาสั่งการ กู้ซีจิ่วก็ทราบว่าตนควรทำอย่างไร

เสียงลมพัดกรรโชก พุ่งมาจากทุกทิศทาง

ในที่สุดก็มีคนชุดเขียวปรากฏตัวขึ้นในสวน ตีโอบเข้ามา พริบตาเดียวก็ล้อมคนทั้งสองที่อยู่ในศาลาได้แล้ว

ศาลาที่คนทั้งสองอยู่เป็นศาลาที่สร้างไว้กลางทะเลสาบ สี่ทิศล้อมด้วยนํ้า มีสะพานแพเพียงเส้นเดียวที่เชื่อมกับฝั่ง

ชั่วขณะที่คนชุดเขียวเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้น ตี้ฝูอีพลันยกมือขึ้น สำแสงสีขาวสายหนึ่งวาบออกมา สะพานแพเส้นนั้นสลายเป็นธุลีทันที ปลิวว่อนอยู่ในนํ้า

คนชุดเขียวเหล่านั้นไม่ได้ลุยนํ้าข้ามมา เพียงยกมือยิงพลุดอกหนึ่ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง คนชุดเขียวนับไม่ถ้วนก็แห่แหนเข้ามาอีก คนชุดม่วงผู้นั้นรวมถึงหลงซือเย่และอวิ๋นชิงหลัวล้วนมาถึงริมฝั่งแล้ว

ตี้ฝูอียืนขึ้นแล้ว เขาจ้องคนชุดม่วงผู้นั้น “เจ้าคือผู้ใด?!”

แล้วมองไปที่หลงซือเย่ “เจ้าสำนักหลง ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

ตั้งแต่ต้นจนจบมิได้เหลือบแลอวิ๋นชิงหลัวเลย

อวิ๋นชิงหลัวกำมือแน่น

หลงซือเย่เม้มปากไม่ตอบ

คนชุดม่วงหัวเราะฮ่าๆ “ตี้ฝูอี เจ้าไม่รู้สึกว่าข้าคุ้นตายิ่งนักบ้างหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version