Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 829

บทที่ 829 ที่แท้เจ้าหวั่นเกรงข้ามากสินะ

แววตาตี้ฝูอีไหวเล็กน้อย เพ่งพิศเขาขึ้นๆ ลงๆ หลายครา นํ้าเสียงเยียบเย็นนิดๆ “เจ้าปลอมตัวเป็นข้าทำไม?!”

คนชุดม่วงก้าวขึ้นมาด้านหน้าก้าวหนึ่ง ยิ้มแปลกๆ “เพราะข้าต้องการแทนที่เจ้า!”

ตี้ฝูอียิ้มหยัน “อาศัยเจ้าน่ะหรือ? รูปพรรณสัณฐานเจ้าก็เหมือนข้าอยู่หรอก ส่วนอื่นเล่ามีตรงไหนเหมือนข้าหรือไม่?”

“อีกไม่นานข้าก็จะเหมือนเจ้าทุกอย่างแล้ว!” คนชุดม่วงยิ้มน้อยๆ

“หือ? ว่าอย่างไรนะ?”

“สังหารเจ้าซะ! ข้าย่อมสามารถเข้าแทนที่ได้! อีกทั้งข้าจะใช้สังขารนี้ของเจ้าด้วย!” คนชุดม่วงมองตี้ฝูอีด้วยดวงตาที่สาดประกายความละโมบ

สายตาตี้ฝูอีเฉียบคมนัก “เจ้าคือหุ่นเชิด?!”

ในที่สุดก็กวาดตามองอวิ๋นชิงหลัวแวบหนึ่ง “เจ้าสร้างหุ่นเชิดขึ้นมาหรือ?”

อวิ๋นชิงหลัวหน้าซีดเผือด ปากน้อยๆ เม้มแน่นไม่เอื้อนเอ่ย คนชุดม่วงผู้นั้นกลับยื่นมือไปคว้าตัวนาง ดึงมาไว้ในอ้อมกอด จูบแก้มนางทีหนึ่ง “เด็กดี ยามนี้ต่อให้เจ้ายอมรับก็ไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่มีทางทำอะไรเจ้าได้”

“อวิ๋นชิงหลัว เจ้าช่างขวัญกล้านัก! กล้าสร้างหุ่นเชิดที่มีลักษณะเหมือนข้า! เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” นํ้าเสียงตี้ฝูอีเย็นเยียบ

“ข้า…” อวิ๋นชิงหลัวกำมือแน่น “ข้าแค่อยากให้ท่านอยู่กับข้า…”

คนชุดม่วงผู้นั้นเงยหน้าหัวเราะ ตอนนี้ชัยชนะอยู่ในกำมือเขาแล้วจึงไม่รีบร้อนให้คนชุดเขียวโจมตีตี้ฝูอี เขาแค่อยากเล่นงานอีกฝ่ายก่อน ไม่ง่ายเลยกว่าแผนการอันสมบูรณ์แบบที่เขาสร้างจะเข้าใกล้ความสำเร็จเช่นนี้ได้ ย่อมอยากโอ้อวดต่อหน้าผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงจุมพิตริมฝีปากจิ้มลิ้มของอวิ๋นชิงหลัวเบาๆ อีกครา “ข้าคือหุ่นเชิดที่นางสร้างขึ้นจริงๆ…ข้าเป็นตัวแทนของเจ้ามาตลอด อยู่เป็นเพื่อนนาง เที่ยวเล่นกับนาง หลับนอนกับนาง…ทำทุกเรื่องที่นางต้องการให้เจ้ากระทำร่วมกับนาง…”

ตี้ฝูอีหรี่ตาลงน้อยๆ “หุ่นเชิดแม้จะคล้ายคลึงมนุษย์ แต่ไม่น่าจะมีความคิดเป็นของตัวเองได้ มันควรจะเชื่อฟังคำสั่งของปรมาจารย์หุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์! เจ้าในยามนี้…ไม่คล้ายว่าอยู่ใต้การควบคุมของนาง! ที่แท้เจ้าคือผู้ใดกันแน่?!”

คนชุดม่วงผู้นั้นแย้มยิ้ม “ตี้ฝูอี เจ้ามากประสบการณ์จริงๆ มิผิด ร่างนี้ของข้าถึงแม้จะเป็นหุ่นเชิดที่เสี่ยวชิงหลัวสร้างขึ้น และอยู่กับนางมาสองปี แต่ข้านั้น…ฮ่าๆ ไม่ว่าเจ้าจะเดาอย่างไรก็เดาไม่ออกหรอกว่าข้าคือผู้ใด!”

ตี้ฝูอีก็ยิ้มเช่นกัน ถอนหายใจนิดๆ “ที่แท้เจ้าหวั่นเกรงข้ามากสินะ? อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังไม่กล้าเปิดเผยฐานะของตน”

คนชุดม่วงถูกตอกหน้าจนนิ่งงัน ยิ้มเยาะแล้วกล่าว “รอจนข้าจับกุมเจ้าได้ ยามที่จะสังหารเจ้า ค่อยทำให้วิญญาณของเจ้าได้ทราบ!”

ตี้ฝูอีแบมือออกทันที กระบี่ลํ้าค่าเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือดั่งสายรุ้ง “ต้องการสังหารข้า เกรงว่าจะไม่ง่ายดายปานนั้น! เข้ามาเลย!”

แววตาเย็นชาของคนชุดม่วงทอประกายเฉียบคม ยกมือขึ้นทันที ลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว วนเวียนอยู่บนผิวสะพานเหล็กสายหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มุ่งตรงมาที่ศาลาน้อยหลังนั้น…

ตี้ฝูอีไม่มีปฏิกิริยาอะไร เพียงดึงกู้ซีจิ่วที่อยู่ข้างกายให้เข้ามาอยู่ใกล้ตนอีกหน่อย สายตาเขากวาดมองคนบนฝั่งเหล่านั้นแวบหนึ่ง “มู่อวิ๋นอยู่ที่ใด?”

คนชุดม่วงพลันหัวเราะฮ่าๆ “เขาตกเป็นเชลยของข้าแล้ว!”

เขาโบกมือให้กลุ่มคนชุดเขียวคราหนึ่ง

คนชุดเขียวแหวกออกเป็นสองฝั่ง เผยตัวคนผู้หนึ่งออกมา เป็นมู่อวิ๋น เห็นได้ว่าเขาบาดเจ็บ ถูกคนชุดเขียวสองคนกดตัวไว้ตรงนั้นไม่อาจลุกขึ้นได้ แววตาเขารู้สึกผิด “นายท่าน! ข้าน้อยไร้ความสามารถ!”

ตี้ฝูอีแววตาโศกศัลย์ มือกุมกระบี่ล้ำค่าแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด

คนชุดม่วงภาคภูมิใจ “ตี้ฝูอี นึกไม่ถึงกระมัง? ว่าผู้คุ้มกันของเจ้าจะถูกจับอย่างง่ายดายเช่นนี้…รู้หรือไม่ว่าผู้ใดจับเขาไว้?”

ตี้ฝูอีเม้มปากแน่น กวาดตามองคนชุดเขียวแวบหนึ่ง “ผีดิบของเจ้าหรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version