ตอนที่ 167 ละโมบมาก
คนที่ทราบถึงปรากฏการณ์นี้มีไม่มาก ทว่าไม่ใช่ไม่มีเลย ภายในเมืองเขาหาน คำพูดของพวกเขาทำให้คนทั้งเมืองตกตะลึง เกิดเป็นเสียงดังเกรียวกราว
ณ บนชั้นสองเมืองเขาหาน ภายในลานนอกเรือกพักงดงามมีระดับแห่งนี้
หนานเทียนนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน ข้างกายเขาเป็นชายวัยกลางคน ชายคนนี้มีสีหน้าอ่อนโยนราวกับไม่ค่อยแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้า เขากำลังถือแก้วสุราและสนทนากับหนานเทียน
ทันใดนั้นเกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เสียงฮือฮาดังเกรียวกราว หนานเทียนเงยหน้ามอง เพียงมองแวบแรกพลันตัวสั่นเทา ชายวัยกลางคนข้างกายเขาก็มองเช่นกัน ทว่าแววตาเขาสงบนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย เพียงแต่แก้วสุราในมือสั่นไหว มีสุรากระฉอกออกมาเล็กน้อย
“ขั้นรวมโลหิตมหาสมบูรณ์กำลังชำระล้าง!”
“ไม่เหมือนรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ ข้าเคยเห็นโอรสแห่งสวรรค์คนหนึ่งใช้เส้นเลือดเก้าร้อยแปดสิบสองเส้นทะลวงขั้นชำระล้าง เทียบกับตอนนี้แล้วมันมากกว่านี้เล็กน้อย…” ชายวัยกลางคนคือเคอจิ่วซือ อดีตแขกพิเศษสูงสุดเผ่าเหยียนฉือ
“เช่นนั้นก็เป็นผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์ คนแบบนี้หากถึงชำระล้าง ต่อให้เพิ่งทะลวงสู่ขั้นชำระล้างตอนต้น ก็อยู่เหนือกว่าชำระล้างตอนต้นธรรมดามากกว่าครึ่ง กลายเป็นสุดยอด!
เมืองเขาหานมีคนแบบนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร!” หนานเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาดูเหมือนปกติ ทว่าความจริงแล้วกลับเกิดความสับสนและสงสัยในใจ
“เขาปล่อยกลิ่นอายพลังมาจากแดนลับใต้เมืองเขาหาน…..จะไปดูกันหรือไม่?” แววตาเคอจิ่วซือเป็นประกาย
“ไม่จำเป็น อานุภาพพลังของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อม หากพวกเราไปแล้วทำให้อีกฝ่ายเกิดความเข้าใจผิดคงได้ไม่คุ้มเสีย รอจนเขาสำเร็จแล้วค่อยไปหาไม่ดีกว่ารึ ชำระล้างระดับนี้ไม่มีทางพลาด…” หนานเทียนกล่าวเรียบๆ
“เจ้าว่า เขาจะใช่โม่ซูผู้ลึกลับท่านนั้นหรือไม่?” เคอจิ่วซือพลันกล่าว
“อืม?” หนานเทียนหรี่ตาลง มองปรากฏการณ์บนท้องฟ้า ลังเลครู่หนึ่งก่อนส่ายศีรษะกล่าว “ข้าเคยพบโม่ซู เขาไม่เหมือนขั้นชำระล้าง แต่เหมือนเดิมทีเป็นชำระล้างอยู่แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บขั้นพลังเลยร่วงหล่น…น่าจะไม่ใช่เขา”
เคอจิ่วซือนิ่งเงียบ หนานเทียนมองปรากฏการณ์บนท้องฟ้าด้วยความสงสัย ทว่าก็คาดการณ์อะไรมากมิได้ ขณะทั้งสองคนเงียบขรึม ยามนี้ในมุมแห่งหนึ่งบนชั้นสามของเมืองเขาหาน เสวียนหลุนกำลังยืนอยู่ ใบหน้ามืดทะมึน มองปรากฏการณ์บนท้องฟ้าสีหน้าเปลี่ยนไม่มั่นคง
“เขาเป็นใคร เลือกชำระล้างในยามนี้ จะต้องเตรียมตัวสำหรับเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์แน่นอน…รวมโลหิตสมบูรณ์…รวมโลหิตสมบูรณ์…หึ หากเจ้าไม่ล่วงเกินข้าก็แล้วไป แต่หากเจ้ามาขวางทางข้า ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่า ผู้แข็งแกร่งขั้นชำระล้างจากรวมโลหิตสมบูรณ์จะแข็งแกร่งสมคำร่ำลือรึไม่!”
ช่วงที่เกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้า นอกจากเมืองเขาหานแล้ว สามชนเผ่าโดยรอบก็ให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก
ณ เผ่าเหยียนฉือ บนปลายยอดเขา เหยียนหลวนยืนอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มองท้องฟ้า เส้นผมดำปลิวไสวตามสายลม นางสวมเสื้อคลุมแดง ดูงดงามยิ่งนัก
“ขั้นชำระล้างในเมืองเขาหานของข้า หากเป็นชำระล้างธรรมดาก็ไม่เท่าไร….
ทว่าเจ้ากลับเป็นรวมโลหิตสมบูรณ์ที่หายากยิ่ง คนอย่างเช่นเจ้า ไม่น่าจะมาชำระล้างในบ้านคนอื่นตามใจชอบแบบนี้…เจ้า…เป็นใคร!” เหยียนหลวนลังเลสักครู่
ก้มหน้ามองใต้เมืองเขาหานแวบหนึ่ง นางสัมผัสได้ว่าบุคคลดังกล่าวกำลังชำระล้างอยู่ในนั้น
ทว่านางไม่ได้ผลีผลามเข้าไป แต่มีความคิดเหมือนกับหนานเทียน ผู้แข็งแกร่งรวมโลหิตสมบูรณ์มิใช่คนธรรมดา คนระดับนี้ทำการชำระล้างจะไม่เตรียมพร้อมได้หรือ เว้นแต่จะเป็นศัตรูแค้น มิเช่นนั้นแล้วน้อยคนนักที่จะกล้าทำเรื่องแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเหยียนหลวน นางเป็นจ้าวเผ่าเหยียนฉือ จะทำเรื่องอะไรย่อมไตร่ตรองอย่างดี
ขณะเดียวกันบนยอดเขาเผ่าเหยียนฉือ นอกจากเหยียนหลวนและชาวเผ่าที่กำลังมองปรากฏการณ์ท้องฟ้าแล้ว หานเฟยจื่อก็กำลังมองท้องฟ้าอย่างสงบนิ่ง แววตาสงสัย มิได้ชื่นชมหรือตื่นตะลึง
“หากข้าชำระล้างจะทำได้ขนาดนี้เลยหรือไม่ ทว่าบุคคลนี้เป็นใคร…จะใช่เขาหรือไม่…” หานเฟยจื่อขมวดคิ้วสงบเงียบ
ณ ยอดเขาเผ่าผู่เชียง มีผู้คนจำนวนมากยืนอย่างเงียบๆ เงยหน้ามองท้องฟ้า แต่ไม่มีเสียงสนทนาใดๆ มีเพียงความเงียบสงัด ไม่ทราบว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
เผ่าบูรพาสงบ จ้าวหมานกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา ด้านหลังเป็นจ้าวเผ่าฟางเซินยืนอยู่ และยังมีพวกผู้นำนักรบและผู้นำกองรักษาการณ์ ล้วนเงยหน้ามองท้องฟ้า สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่มั่นคง มีตื่นตะลึง มีชื่นชมและสงสัย
“น่าสนใจ…” จ้าวหมานบูรพาสงบยิ้ม
“รวมโลหิตสมบูรณ์ นอกจากหานเฟยจื่อแห่งเหยียนฉือแล้ว นี่ก็เป็นคนที่สอง น่าเสียดาย…ไม่ใช่ชาวเผ่าบูรพาสงบของเรา”
ซูหมิงในยามนี้ เขาไม่ทราบว่าการทะลวงเส้นเลือดของเขาทำให้เกิดปรากฏการณ์ชำระล้าง ทั้งยังทำให้ทุกคนในแดนลับต้องนั่งสมาธิเพื่อต่อต้านแรงกดดันและพลังโลหิต กระทั่งเหตุการณ์ยังส่งผลถึงโลกภายนอก
เขาในตอนนี้กำลังนั่งสมาธิ เส้นเลือดในร่างกายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากเก้าร้อยห้าสิบสองเป็นเก้าร้อยหกสิบสามเส้น!
และยังเพิ่มขึ้นอีก!
เส้นเลือดเก้าร้อยหกสิบสามเส้น ตอนนี้ล้ำหน้าเกินหานเฟยจื่อแล้ว บนตัวเขามีแสงโลหิตน่าตะลึง ราวกับย้อมถ้ำหุบเขาให้กลายเป็นสีแดง เหมือนจะเปลี่ยนเป็นทะเลโลหิต
ตามจำนวนเส้นเลือดที่เพิ่มขึ้น
ความรู้สึกของขั้นชำระล้างลอยอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของซูหมิง ความรู้สึกค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ทำให้เขาเกิดความใจร้อน คิดจะวาดลายหมานของตัวเอง!
ขณะเดียวกัน เส้นเลือดในตัวซูหมิงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนเกือบร้อยที่ติดอยู่ในแดนลับนอกถ้ำของเขาล้วนตัวสั่นเทา ใบหน้าขาวซีด สีหน้าพวกเขาดูตื่นกลัวแทบจะทนไม่ไหว หากทนไม่ไหวร่างกายพวกเขาจะระเบิด เส้นเลือดจะถูกดึงออกมา!
“นี่…มัน…รวมโลหิตสมบูรณ์กำลังชำระล้าง!”
ในกลุ่มคนเกือบร้อยมีคนเดาคำตอบ ทว่าหลังจากเดาคำตอบแล้ว กลับเสียความกล้าหาญในการต่อต้าน เกิดความสิ้นหวัง
หากเป็นขั้นชำระล้างธรรมดาจะไม่เกิดปรากฏการณ์ฟ้าดินเช่นนี้ เพียงแค่เลือกสถานที่ทะลวงขั้นชำระล้างที่ปลอดภัยเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ทว่ามีเพียงรวมโลหิตสมบูรณ์เท่านั้น ขณะชำระล้างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน ขณะเดียวกันหากอยู่ใกล้ คนที่จำนวนเส้นเลือดน้อยกว่าทั้งหมดจะเหมือนหยกแตกละเอียด
ยามนี้ทุกคนล้วนสนใจแดนแห่งนี้ สำหรับคนเกือบร้อยที่ติดอยู่ พวกเขาไม่สามารถไปช่วยได้
ซูหมิงหายใจกระชั้นถี่ เขาค่อยๆ ยกมือขวา ความรู้สึกของชำระล้างเด่นชัดมากขึ้น กระทั่งยามนี้เขาแทบมีความมั่นใจว่าเพียงแค่คิดก็จะทะลวงสู่ขั้นชำระล้างได้ทันที! ทว่า…
“ข้ายังไม่มีของที่เหมาะจะเป็นวัตถุประจำตัวเลย หากชำระล้างในตอนนี้ก็ใช้ได้เพียงวัตถุของเหอเฟิง…..อีกอย่างข้ายังรู้สึกว่าหากหยุดทะลวงขั้นชำระล้างในตอนนี้ เส้นเลือด…ยังเพิ่มได้อีก!”
มือขวาสั่นเทา เขาต้องใช้ความแน่วแน่อย่างมากถึงจะหยุดอารมณ์ชั่ววูบในการชำระล้าง ดวงตาเป็นประกายวาววับ ในประกายมีความยึดมั่นและทะเยอทะยาน!
‘เส้นเลือดเก้าร้อยหกสิบสามเส้น เป็นเพียงรวมโลหิตสมบูรณ์…
ข้าไม่อยากทะลวงถึงชำระล้างด้วยระดับสมบูรณ์ หากชำระล้างจริงๆ ข้าต้องลองทะลวงให้ถึงรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ เส้นเลือดเก้าร้อยแปดสิบเส้น! ข้าซูหมิงหากยังไม่ชำระล้างก็ไม่เท่าไร แต่หากชำระล้างก็จะไม่เสียใจภายหลัง!’
‘โอสถชิงวิญญาณตอนนี้ขาดเพียงกิ่งไม้เสียงสวรรค์ สิ่งนี้มีเผ่าบูรพาสงบช่วยตามหาอยู่ แม้จะเกิดความวุ่นวายในแดนปิดด่านฝึกพลังของบรรพบุรุษเขาหาน ทว่าหากพวกเขาอยากได้จริงๆ ก็ไม่น่าใช่เรื่องยากเกินไป หากข้าถึงชำระล้าง ไม่รู้ว่าจะใช้โอสถชิงวิญญาณเป็นวัตถุประจำตัวได้รึไม่! เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบ…ไม่ต้องรีบ…’ แววตาซูหมิงเป็นประกาย เส้นเลือดบนใบหน้าปูดโปน พยามระงับอารมณ์ชั่ววูบในการชำระล้าง จากนั้นค่อยๆ ลดมือขวาลง
ในช่วงที่เขาลดมือขวาลง ร่างกายสั่นไหวอย่างรุนแรง มีเสียงระเบิดดังสนั่น ขณะยับยั้งเหมือนกับหินภูเขาไฟกำลังระเบิดทว่ากลับถูกอุดเอาไว้ แม้เป็นเช่นนั้น แรงระเบิดที่สั่งสมในร่างกายกลับรุนแรงมากขึ้นตามธรรมชาติ
เสียงโครมครามดังกึกก้อง ร่างกายซูหมิงพลันเกิดความรู้สึกเหมือนฉีกขาด การยับยั้งการชำระล้างคือการฝืนทวนเข็มเพื่อให้ได้จำนวนเส้นเลือดมากขึ้น วิธีแบบนี้เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นที่ยอมรับ
ท่ามกลางเสียงระเบิดในร่างกาย มีโลหิตไหลมาจากทวารทั้งเจ็ดของซูหมิง ทว่าดวงตาของเขากลับเป็นประกายวาว
“ทะลวงขั้นชำระล้างเมื่อไรอยู่ที่จิตใจของข้า มิใช่สิ่งที่ฟ้าดินและโชคชะตาเป็นตัวกำหนด!” ซูหมิงพึมพำ ในช่วงที่กล่าว เส้นเลือดในร่างกายเขาพลันเพิ่มขึ้น จากเก้าร้อยหกสิบสามทะลวงไปอีกสิบเส้นบรรลุถึงเก้าร้อยเจ็ดสิบสามเส้น! และยังคงเพิ่มต่อเนื่อง เก้าร้อยเจ็ดสิบสี่ เก้าร้อยเจ็ดสิบห้า เก้าร้อยเจ็ดสิบหก…
ตามการเพิ่มของเส้นเลือด ความรู้สึกฉีกขาดเด่นชัดมากขึ้น ทว่าซูหมิงอดกลั้นเอาไว้ เส้นเลือดเพิ่มมาหนึ่งเส้น ความแข็งแกร่งหลังจากถึงขั้นชำระล้างจะมาเพิ่มมาหนึ่งส่วน
เส้นเลือดของเขาทะลวงถึงเก้าร้อยเจ็ดสิบเก้าเส้น อีกเพียงเส้นเดียวจะกลายเป็นขั้นรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ อารมณ์ชั่ววูบในการจะไปให้ถึงชำระล้างแล่นเข้ามาประดุจน้ำหลาก จู่โจมจิตใจอันแน่วแน่ของเขา ทำให้เขาต้องยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง
โลกภายนอกยามนี้ปรากฏการณ์บนท้องฟ้ายิ่งใหญ่มากขึ้น แผ่ขยายไปรอบแปดทิศ เมฆสั่นสะเทือน แสงทองสว่างจ้าราวกับก่อเป็นเทวรูป!
ณ แดนลับใต้เหวลึก ผู้คนเกือบร้อยกำลังนั่งสมาธิเพื่อต่อต้าน มีมากกว่าครึ่งแล้วที่มีโลหิตไหลจากมุมปาก สีหน้าสิ้นหวัง
ภายในถ้ำ ซูหมิงมองมือขวาของตัวเอง สีหน้าเย็นชา กล่าวเรียบๆ ว่า “นี่คือขั้นชำระล้างรึ เหมือนกับการเรียกบางอย่าง…ทว่าวันนี้ข้าจะไม่ทะลวงถึงชำระล้าง นี่เป็นความตั้งใจของข้า!” ซูหมิงเงยหน้า สายตาราวกับมองทะลุถ้ำหุบเขา เห็นเทวรูปเลือนรางกำลังรวมตัวกันอย่างช้าๆ บนท้องฟ้า
“ความละเอียดอ่อน!” ซูหมิงหลับตา เส้นเลือดในร่างกายพลันหยุดอยู่ที่เก้าร้อยเจ็ดสิบเก้าเส้น ใช้ความละเอียดอ่อนระงับอารมณ์ชั่ววูบไว้
“โชคชะตาของข้า ข้าเป็นคนกำหนดเอง!”
“ข้าแทบไม่ละโมบ มิใช่ว่าข้าเป็นคนไม่โลภ แต่หากข้าจะละโมบก็ต้องละโมบให้มาก!” ซูหมิงเช็ดโลหิตตรงมุมปาก แสยะยิ้ม