Skip to content

สู่วิถีอสุรา 547

ตอนที่ 547 ครอบครัวเดียวกัน?

แทบทันทีที่ออกจากวงแหวนอาคม ซูหมิงขยายจิตสัมผัสมองทุกอย่างในฝ่ายนภา เขารู้สึกว่ามีระลอกคลื่นแก่กล้าหลายจุดจากบนนั้น

เขาไม่อาจปกปิดกลิ่นอายความตายจากตัว มันลอยม้วนขึ้นกลายเป็นควันดำ ประดุจเงาชั่วร้ายกลืนกินโดยรอบ ใบหน้าที่ไม่นับว่าชราของซูหมิงค่อยๆ เกิดรอยย่นน้อยๆ เหมือนเริ่มเปลี่ยนเป็นชายวัยกลางคน

เก้าคนที่นั่งอยู่บนเสาหินเก้าต้นรอบๆ วงแหวนอาคมลืมตาขึ้นพร้อมกัน แล้วมองซูหมิงตรงกลางวงแหวนอาคมด้านล่างด้วยสีหน้าดูตื่นกลัว

ทันทีที่เห็นซูหมิง เก้าคนนี้ยืนขึ้นทั้งหมด

“ผู้มาเยือน การบุกรุกฝ่ายนภามีโทษถึงตาย!”

ซูหมิงเงยหน้า ช่วงที่มองเก้าคนนี้ ในเก้าคนมีสามคนเดินหนึ่งก้าวพุ่งตรงมายังเขา ยังมาไม่ถึงก็มีอภินิหารสีสันแพรวพราวตรงเข้ามาใกล้ซูหมิงในชั่วพริบตา

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าจิตสังหารในแววตากลับเข้มข้น เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว เมื่อมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคนผู้หนึ่งในพริบตาเดียวแล้ว ตอนที่เดินผ่านก็ใช้นิ้วกดตรงระหว่างคิ้วอีกฝ่าย

เขารวดเร็วยิ่งนัก คนโดยรอบยังไม่ทันมอง ชายที่ถูกซูหมิงกดตรงระหว่างคิ้วตัวสั่น ศีรษะพลันระเบิดกระจุย ซูหมิงใช้การเคลื่อนย้ายมายืนอยู่กลางอากาศ ด้านหลังเขาเป็นหมอกดำไหลเชี่ยว ส่วนด้านบนเป็นหมอกดำแผ่กระจายสู่รอบๆ

การปรากฏตัวของเขาประหนึ่งสร้างพายุคลั่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกอันสงบสุข!

“ซูหมิงจากยอดเขาลำดับเก้า ขอถามฝ่ายนภาหนึ่งอย่าง พวกเจ้า…รู้กฎการสังหารของยอดเขาลำดับเก้าหรือไม่!” ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง แต่คำพูดกลับปานสายฟ้าผ่าดังกึกก้องอยู่ในฝ่ายนภา

ภายใต้เสียงดังสนั่น แก้วหูสั่นสะเทือน ทั้งยังกลายเป็นคลื่นเสียงนับไม่ถ้วนกระจายสู่รอบๆ

“ฉกชิงของของอาจารย์ข้า รังแกศิษย์พี่ของข้า ขู่บังคับยอดเขาลำดับเก้า วันนี้ข้าซูหมิงศิษย์ยอดเขาลำดับเก้าจะขอเป็นตัวแทนอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รอง ให้ฝ่ายนภาต้องชดใช้!”

ช่วงที่คำว่าชดใช้เป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แปดคนที่เหลือบนพื้นกัดฟันพุ่งตรงมา ทว่าวินาทีนั้น ซูหมิงยกมือขวาขึ้นคว้าลงไปข้างล่าง แผ่นดินสั่นสะเทือน แปดคนที่กำลังตรงเข้ามาล้วนเป็นนักรบเซ่นไหว้กระดูก ยามนี้ร่างกายปานถูกผนึก กระดูกหมานในร่างระเบิดพร้อมกันดุจดั่งไม่อาจรับไหว ขณะเดียวกันก็มีไอขาวหลายเส้นลอยขึ้นมาอยู่ในมือซูหมิง

เส้นสีขาวในมือคือพลังชีวิตกับพลังจากขั้นพลังทั้งแปดคนรวมกัน พลังนี้ซูหมิงยังหาวิธีสูบกินมันไม่พบ หากฝืนสูบไปจะทำให้ร่างกายเกิดความไม่เสถียร

ฉะนั้นการสังหารก่อนหน้านี้ เขาจึงไม่เคยสูบมันเข้าร่างมาก่อน

ยามนี้เขากำพลังชีวิตเส้นสีขาวเอาไว้ด้วยนัยน์ตาวาววับ ในฝ่ายนภาก็เกิดเสียงโครมครามกึกก้องกับปรากฏการณ์พิลึกบนฟ้าเช่นกัน เมื่อบวกกับคำพูดของซูหมิง ฝ่ายนภาเลยสั่นสะเทือน

มีสายรุ้งหลายเส้นลอยขึ้นมาจากแผ่นดินตรงมายังซูหมิงจากรอบทิศ ในสายรุ้งนั้นเป็นคนฝ่ายนภา อีกทั้งวิหารที่ลอยอยู่เก้าหลังบนฟ้าก็มีร่างคนบินออกมารวมกันอย่างแน่นขนัด และยังมีสายรุ้งบินข้ามผ่านฟ้าในโลกฝ่ายนภาที่ไม่ใหญ่นักพร้อมกันอีก ฟ้าดินจึงสั่นหวั่นไหวไปหมด

“ผู้บุกรุกฝ่ายนภา ต้องสังหารให้สิ้น”

“หาญกล้านัก กล้าสังหารฝ่ายนภาเหมันต์!”

“ยอดเขาลำดับเก้า? ซูหมิง?” เมื่อสายรุ้งยาวเข้ามาก็มีเสียงตะโกนด่าทอดังขึ้น สายรุ้งจำนวนมากนี้อ่อนแอสุดคือชำระล้างตอนปลาย

ในนั้นส่วนใหญ่เป็นนักรบเซ่นไหว้กระดูก กระทั่งมีผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานสามคน ยามนี้บินมาจากวิหารลอยฟ้าด้วยสีหน้ามืดทะมึน

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขามองเส้นพลังชีวิตในมือขวาแวบหนึ่งด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย จิตสัมผัสขยายออกอย่างสุดกำลัง จิตแรกด้านหลังลอยขึ้นมา วินาทีที่ปรากฏ จิตแรกซูหมิงยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือ เมื่อทำเสร็จก็เปลี่ยนสัญลักษณ์ ชั่วพริบตาเดียวนี้เปลี่ยนไปเก้าครั้งติดกัน สร้างเป็นสัญลักษณ์มือที่สมบูรณ์แบบ

“ข้ามอบหมายให้ดวงตาสีแดงในยามค่ำคืน…” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ แล้วสะบัดมือขึ้นฟ้า

ช่วงที่สะบัดมือ จิตแรกซูหมิงมัวหมองไปเล็กน้อย ทว่าดวงตายังคงเย็นชา

ในหมอกดำกลิ่นอายความตายที่กระจายอยู่บนผืนฟ้าปรากฏแสงสีแดงสองจุด แสงสีแดงนี้วูบวาบปานดารา ทันทีที่มันปรากฏ แรงกดดันแก่กล้าแผ่ออกจากหมอกดำแล้วปกคลุมไปผืนดิน ขณะที่กำลังปกคลุมนั้น สายรุ้งที่สัมผัสกับแรงกดดันล้วนหน้าเปลี่ยนสี ร่างถูกผนึกอยู่กลางอากาศ!

“ข้าขอมอบหมายให้ริมฝีปากสีม่วงในยามกลางวัน…” ซูหมิงกล่าวไม่ดัง แต่กลับเข้าถึงหูทุกคน ขณะผู้ได้ยินใจสั่นไหว ซูหมิงทำสัญลักษณ์มือเก้าครั้งอีกรอบแล้วผลักลงสู่ผืนดิน

แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เดิมทีที่นี่เป็นมิติชำรุด ขณะแผ่นดินสั่นสะเทือนกลับไม่เกิดรอยร้าว แต่มีระลอกกระเพื่อมหลายชั้นประดุจโยนหินลงไปในน้ำ คลื่นกระเพื่อมนั้นพลันกระจายออกเป็นวงรอบๆ

ในเวลาเดียวกัน แสงสว่างเปล่งมาจากคลื่นกระเพื่อมเหล่านั้น ภายใต้แสงสว่างแผ่นดินพลันโปร่งใส แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียว มัน…หายไปในสายตาของทุกคน!

แล้วแทนที่ด้วยท้องฟ้าในยามกลางวัน!

แผ่นดินกลายเป็นท้องฟ้า!

อภินิหารเหล่านี้ทำให้จิตแรกของซูหมิงอ่อนแสงลงอีกเล็กน้อย นี่คือวิชาผนึกของหงหลัว แม้ซูหมิงจะใช้ได้ก็ยังไม่เท่ากับหงหลัวที่สามารถผนึกเชมันระดับสูงสุด!

แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่ด้วยขั้นพลังซูหมิงในยามนี้ หลังจากใช้วิชาผนึกของกลางคืนและกลางวันแล้วกลับผนึกได้ทุกสิ่ง…..ที่ต่ำกว่าขั้นวิญญาณหมาน!

ทั้งแผ่นดินหายไปกลายเป็นผืนฟ้า สายรุ้งที่กำลังตรงเข้ามาเหล่านั้นล้วนตื่นตระหนก พวกเขายังพบสิ่งที่น่าสะพรึงอีกว่าร่างกายถูกท้องฟ้าผนึกไว้กลางอากาศ ขยับตัวไม่ได้เลย!

ยามนี้ศิษย์ฝ่ายนภาที่อยู่ใกล้ซูหมิงที่สุดห่างไปไม่ถึงร้อยจั้ง ทว่าร้อยจั้งนี้กลับเหมือนหุบเขาเชื่อมฟ้าดิน ทำให้พวกเขาไม่อาจข้ามผ่าน!

เมื่อใช้อภินิหารผนึกฟ้าดินแล้ว ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง จิตแรกกลับคืนตำแหน่งเดิม รอบๆ ตัวเขาตอนนี้มีคนเกือบพันยืนอยู่กลางอากาศ หน้าซีดขาว มองเขาด้วยความกลัว

ศิษย์ฝ่ายนภาที่ถูกผนึกเอาไว้ และยังมีคนจากฝ่ายนภาที่บินขึ้นจากผืนดินที่หายไปแต่ความจริงเหมือนถูกตัดขาดในมิติหนึ่ง เวลานี้สายตาพวกเขาล้วนจับจ้องซูหมิง

คำพูดซูหมิงก่อนหน้านี้ยังดังก้องในความคิดพวกเขา อีกทั้งพอเห็นลักษณะหน้าตาซูหมิงแล้ว ศิษย์ฝ่ายนภาที่เคยเจอหน้าเขาเหล่านั้น ตอนนี้ค่อยๆ นำชื่อซูหมิงมาซ้อนทับกับร่างเงาในตอนนั้น

‘ซูหมิง…..’

‘ซูหมิงแห่งยอดเขาลำดับเก้าที่เคยสู้กับท่านซือหม่าในตอนนั้น!’

‘ข้าบอกแล้วว่าห้ามล่วงเกินยอดเขาลำดับเก้า ที่นั่นมีแต่คนบ้า!’

ความคิดหลากหลายผุดขึ้นในใจของทุกคน ทว่าเพราะถูกผนึกอยู่ แม้แต่ลมหายใจยังเหมือนหยุดนิ่ง ทำให้คำพูดเหล่านั้นเพียงก้องอยู่ในใจ ไม่ได้เอ่ยมา

แม้ผนึกศิษย์ฝ่ายนภาแล้ว ในสายรุ้งเหล่านั้นกลับมีผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานจากฝ่ายนภาสามคน พวกเขาเพียงรู้สึกว่ารอบๆ เหนียวขึ้นทว่ายังขยับตัวได้ เพียงแต่การขยับตัวได้นี้ไม่สร้างความยินดีให้กับสามคนแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม มันกลับสร้างคลื่นใหญ่แห่งความกลัว พวกเขาไม่เดินหน้าอีก แต่ถอยไปอย่างร้อนรน

อภินิหารนี้เหนือความคาดหมายของพวกเขา ยอดเขาลำดับเก้าในความทรงจำเหมือนจะผุดขึ้นมาอีกครั้งในเวลานี้!

แทบเป็นช่วงที่สามคนถอยไป ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เมื่อเหยียบลงเห็นอยู่ว่าเหยียบอากาศ แต่สามคนที่กำลังถอยกลับใจเต้นตึกๆ พร้อมกัน ราวกับว่าหนึ่งก้าวของซูหมิงเหยียบกลางใจพวกเขา!

หนึ่งก้าวนี้เหมือนธรรมดา ทว่าทันทีที่ซูหมิงเหยียบ ทั้งสามคนที่กำลังถอยหยุดชะงักไปชั่วครู่ ชั่วครู่เดียวนี้ก็คือความตาย!

ซูหมิงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหนึ่งในสามคน สะบัดแขนเสื้อ กำหมัดขวาชกไปยังหน้าอกผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมาน คนผู้นี้กระอักเลือด ร่างกระเด็นถอยไป ก่อนร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว

ทว่าเพิ่งร้องตะโกน ชั่วขณะที่ร่างกายขับโลหิตออกมาทั้งตัว ซูหมิงกำหมัดขวาชกไปอีกครั้ง ผู้อาวุโสขั้นวิญญาณหมานที่อยู่สูงส่งในศิษย์ฝ่ายนภาร้องโหยหวน ร่างพลันระเบิดกระจายเป็นหมอกโลหิต!

ก่อนตายเขาได้รับความเจ็บปวดเกินกว่าจิตใจ หมัดแรกของซูหมิงบดขยี้กระดูกทั้งตัวให้กลายเป็นหนามกระดูกนับไม่ถ้วนทำลายเส้นเลือดและหัวใจ ทว่ากลับยังมีชีวิตรอดอยู่ จนกระทั่งหมัดที่สองทำให้เลือดเนื้อทั้งตัวหมุนทวนเข็ม เหมือนกับถุงใบหนึ่งที่บรรจุหนามแหลมเอาไว้เต็ม

หากถูกจู่โจมอย่างรุนแรง หนามแหลมนั้นจะทะลวงออกมาจากถุง ทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานฝ่ายนภาคนนี้ถูกหนามกระดูกที่แตกหักของตนทะลวงผ่านเลือดเนื้อ สภาพการตายอนาถอย่างยิ่ง!

แม้ซูหมิงจะสังหารด้วยความเย็นชา กลับไม่ใช่คนที่สังหารโหด เหตุที่เขาทำเช่นนี้เป็นเพราะว่าเมื่อชกหมัดที่สองไปแล้ว ซูหมิงก็กระชากโซ่กระดูกตรงคออีกฝ่ายมาในชั่วขณะที่ตาย….

นั่นคือสิ่งของที่เหมือนกับสมบัติของเทียนเสียจื่อ!

ซูหมิงถือโซ่กระดูก หันศีรษะไปมองผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานอีกสองคนที่กำลังหนีด้วยความกลัว ก่อนเดินไปหาทีละก้าว

“ท่านประมุขช่วยด้วย!” หนึ่งในสองคนที่กำลังหนียามนี้ใจสั่นไหว เห็นซูหมิงเข้ามาใกล้ตน เขาจึงร้องตะโกนด้วยความสิ้นหวัง

ตอนที่เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังกึกก้อง วิหารใหญ่ลอยฟ้าที่สามในวิหารเก้าหลังที่เงียบสงบมาตลอดก็มีเสียงแฝงด้วยความตระหนกดังแว่วออกมา

“เจ้าเป็นศิษย์ยอดเขาลำดับเก้า เดิมทีก็เป็นครอบครัวเดียวกันกับฝ่ายนภา…..”

“ครอบครัวเดียวกันรึ?” ซูหมิงยิ้มเย็นชา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version