Skip to content

สู่วิถีอสุรา 727

ตอนที่ 727 ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอยากดูจริงๆ หรือ?

สีของยามค่ำคืนอาบบนแผ่นดิน ส่องบนทะเลมรณะออกเป็นคลื่นแสง เหมือนกับปูด้วยเกล็ดสีเงิน สายลมทะเลพัดเบาๆ พัดผ่านด้านบนไม่หนาวนัก เหมือนหลอมรวมทุกอย่างกับแสงจันทร์ กลายเป็นเงาดวงจันทร์รางๆ

ท่ามกลางแสงจันทร์กับสายลมทะเล ไป๋ซู่เผยรอยยิ้ม สีหน้าสงบนิ่ง ทว่าความงามแบบดื้อรั้นกลับยังคงอยู่ตลอด นางหยิบเหยือกสุรามาเทใส่แก้วสุราให้ซูหมิง แล้วนั่งลงข้างๆ อย่างว่าง่าย

ตรงข้ามซูหมิงเป็นศิษย์พี่รอง เขามีสีหน้าห่อเหี่ยว สายตามองท้องฟ้า มองทะเลพลางลูบหินผาใต้ร่างตน ก่อนกระดกแก้วสุราจนหมดในอึกเดียว

“ความรู้สึกได้กลับบ้าน…..มันดีจริงๆ” ศิษย์พี่รองกล่างเสียงเบา

หู่จื่อก็อยู่ข้างๆ ยามนี้เขามีใบหน้าปูดบวม ได้ยินดังนั้นก็แค่นเสียงหึ ไม่ต้องใช้แก้วสุราใดๆ แต่หยิบเหยือกสุราขึ้นมาวางตรงริมฝีปากแล้วดื่มไปอึกใหญ่

“พูดไม่เป็นคำพูด รู้อย่างนี้ไม่บอกท่านเสียดีกว่า ก็แค่พืชดอก ก็แค่คัมภีร์ชายหญิงทะเลกันเองไม่ใช่รึ ข้าว่าไม่เห็นมันจะ….” หู่จื่อกำลังบ่นพึมพำอยู่ แต่พอเห็นศิษย์พี่รองยิ้มมองมาเขาก็รีบสงบปากลง เขากลัวศิษย์พี่รอง จุดนี้ซูหมิงก็รู้

บนยอดเขาลำดับเก้า หู่จื่อไม่กลัวศิษย์พี่ใหญ่ กระทั่งอาจารย์ยังไม่ค่อยจะกลัว ส่วนซูหมิงยิ่งไม่ต้องพูดถึง เดิมทีเขาอายุน้อยสุด แต่พอซูหมิงมา ความรู้สึกว่าตนเป็นศิษย์พี่พลันขยายใหญ่ขึ้น ในความคิดเขา ต่อให้ตายก็ไม่มีทางยอมให้ใครมารังแกศิษย์น้องเล็ก ทว่ามีเพียงศิษย์พี่รองที่หู่จื่อกลัวจริงๆ

เพราะศิษย์พี่ใหญ่มักจะปิดด่านนั่งฌาน เลยไม่ทุบตีเขา…เพราะซูหมิงเป็นศิษย์น้องเล็กเลยไม่ทุบตีเขา…และเพราะอาจารย์ยุ่งมาก และยังแอบมาหาเขาอยู่เป็นประจำ ให้เขาช่วยทำลายวงแหวนอาคมให้ ฉะนั้นเขาเลยไม่กลัวอาจารย์

ทว่า…ศิษย์พี่รองไม่ใช่เพิ่งเคยทุบตีเขาเป็นครั้งแรก ด้วยประสบการณ์หลายครั้ง ทำให้เขากลัวศิษย์พี่รองมาก แต่เขาก็แปลก ยิ่งกลัวมาก ก็ยิ่งพยายามยั่วยุ…

และเพราะกลัวนี่เอง ตอนเจอกับศิษย์พี่รองเขาถึงร้องไห้โฮ ภายในเสียงร้องไห้กับน้ำตามีความตื่นเต้นที่ได้เจอกันอยู่ และก็มี…..ความตึงเครียดจากความหวาดกลัว

เขาเลยใช้คำพูดดักศิษย์พี่รองเอาไว้ จากนั้นก็เล่าเรื่องทุกอย่างออกมา แต่ไม่คิดเลยว่าจะยังถูกทุบตี

“เป็นศิษย์พี่แท้ๆ ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี พอเจอหน้ากันแล้วก็ต่อยตีข้า…..” หู่จื่อน้อยใจอย่างยิ่ง เขาดื่มสุราไปอีกอึกใหญ่

“ศิษย์พี่หู่จื่อ คัมภีร์ชายหญิงทะเลาะกันที่ท่านว่าคืออะไรกันแน่ ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่” เสียงนี้ไพเราะนัก ทั้งยังมีความบริสุทธิ์ นั่นคืออวี่เซวียน นางมีสีหน้าฉงนและอยากรู้อยากเห็นมาก กำลังนั่งอยู่ข้างซูหมิงและเอ่ยถามหู่จื่อ

ศิษย์พี่รองหน้ากระตุก ถลึงตามองหู่จื่อด้วยความเหี้ยมโหดแวบหนึ่ง ทำเอาอารมณ์ชั่ววูบจะกล่าวตอบด้วยความลำพองใจของหู่จื่อหายไปโดยทันที

“น้องอวี่เซวียน ตำราเล่มนั้นไม่ใช่ของดีอะไร และก็ไม่ใช่วิชาอภินิหารด้วย อย่าดูจะดีกว่า มันเข้าใจยาก” ตอนนี้ข้างกายซูหมิงเป็นอวี่เซวียนกับไป๋ซู่ ไป๋ซู่ปิดปากหัวเราะเบาๆ

อวี่เซวียนอึ้งงัน ก่อนเชิดหน้าขึ้น

“ต่อให้ตำราเข้าใจยากกว่านี้ข้าก็เข้าใจ ตำราในบ้านข้ามีมากมาย ตอนข้าสิบขวบก็อ่านครบแล้ว ไม่มีเล่มใดที่ไม่เข้าใจ ศิษย์พี่หู่จื่อ ท่านเอาตำราออกมา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะไม่เข้าใจ” อวี่เซวียนแค่นเสียงหึ

สุนัขนอนหมอบอยู่ข้างอวี่เซวียน พอได้ยินดังนั้นก็กะพริบตาปริบๆ แล้วแยกเขี้ยวยิ้ม สีหน้าดูประหลาดใจอย่างยิ่ง ทว่าไม่ได้เอ่ยอะไร

เฉียนเฉินกำลังเทเหยือกสุราให้ศิษย์พี่รองด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจ

หลังได้ยินอวี่เซวียนกล่าวก็เทสุราเลยออกไปเล็กน้อย พยายามกลั้นหัวเราะอยู่ในใจ แล้วตะโกนเสียงดังในใจว่าเจ้าปีศาจสาวน้อยก็มีวันนี้กับเขาด้วย เขาเฝ้ารอคอยอยากเห็นสีหน้าของนางหลังได้เห็นตำราชายหญิงทะเลาะกันยิ่งนัก

“ใช่ หู่จื่อ มาๆๆ เอาตำรามาให้…” เด็กหนุ่มร่างแปลงกระเรียนขนร่วงเอาสองมือถูกัน มันนั่งอยู่ข้างหูจื่อและมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ทว่ายังกล่าวไม่จบ หู่จื่อก็ถลึงตามองและใช้มือขวาบีบคอเด็กหนุ่มเอาไว้

“มารดาเจ้าเถอะ อย่าคิดว่าท่านหู่คนนี้จะมองไม่ออกว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าคือกระเรียนขนร่วงสมควรตายตัวนั้น!” ขณะกระเรียนขนร่วงร้องโหยหวน หู่จื่อจับมันหมุนควงหลายรอบแล้วฟาดกับพื้นไม่ยั้ง

“แปลงเป็นหญิงสาวให้ท่านหู่เดี๋ยวนี้! ท่านหู่ถึงจะให้เจ้าเห็นว่าตำรานั้นวาดอะไร!” หู่จื่อยืนขึ้น ควงกระเรียนขนร่วงฟาดลงกับพื้นอีกครั้ง

ศิษย์พี่รองกำลังจิบสุราอยู่ พอได้ยินหู่จื่อกล่าวเขาก็เกือบจะเกิดเพลิงโทสะขึ้นมาทันที ยิ้มเจื่อนพลางมองหู่จื่อกับกระเรียนขนร่วง ทั้งยังมองอวี่เซวียนที่มีสีหน้าไม่เข้าใจ และยังมีไป๋ซู่ที่รู้ทุกอย่างแต่ไม่พูด ทำเพียงยิ้มอย่างเดียว

สุดท้ายก็มองซูหมิง พอเห็นสีหน้าซูหมิงเฉยชา ทว่ายังคงมีท่าทีอยากรู้อยากเห็นตำราหนังสัตว์นั้นอยู่บ้าง เขาจึงอดถอนหายใจยาวมิได้ ก่อนเบนสายตามองรูปปั้นที่วางอยู่ตรงกลางกลุ่มคน รูปปั้นนั้นคือศิษย์พี่ใหญ่ ตรงหน้าเขายังมีเหยือกสุราวางอยู่ด้วย

นี่คือการรวมกันของยอดเขาลำดับเก้า แม้ศิษย์พี่ใหญ่จะกลายเป็นรูปปั้น ทว่าที่นี่เป็นบ้านของเขา การพบปะกันระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้องของยอดเขาลำดับเก้าจะต้องมีเขาอยู่ด้วย

กระเรียนขนร่วงร้องโอดครวญเสียงดัง รูปร่างมันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระเรียนขนร่วงที่ไม่มีขนแบบเดิม ก่อนถูกหู่จื่อบีบคอเหวี่ยงฟาดกับพื้นอย่างต่อเนื่อง

“หู่ซุนจื่อ ท่านกระเรียนคนนี้ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ข้าไม่เปลี่ยน!”

“ย่าเจ้าเถอะ หากไม่ใช่เพราะท่านกระเรียนคนนี้เคยช่วยเจ้า เจ้าคงกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ลงดินไปนานแล้ว ข้าไม่เปลี่ยน อย่างไรข้าก็ไม่เปลี่ยน!”

หู่จื่อถลึงตามอง ยกกระเรียนขนร่วงขึ้นมาอยู่ตรงหน้า

“เจ้ายังกล้าพูดถึงตอนนั้นอีกรึ อย่าคิดว่าท่านหู่จะไม่รู้ เห็นอยู่ว่าเจ้าช่วยข้าได้ง่ายๆ แต่ดันทำให้ข้าเจ็บปวดถึงขนาดนั้น….เจ้าจะไม่เปลี่ยนใช่รึไม่ ดี ท่านหู่จะลากเจ้าเข้าฝัน และจะต่อยตีเจ้าต่อในความฝัน

ข้าจะบอกให้ ท่านหู่คนนี้ร้ายกาจ เมื่อหนึ่งปีก่อนเคยฝันว่าตนทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมาน เจ้าเดาดูว่าผลเป็นอย่างไร พอข้าตื่นขึ้นมาแล้วก็อยู่ขั้นวิญญาณหมานจริงๆ”

ซูหมิงยิ้ม หยิบแก้วสุรามาดื่มหนึ่งอึก เขามองออกนานแล้วว่าหู่จื่อแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ตอนนี้รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นึกขึ้นได้ว่าอาจารย์เคยพูดถึงความมหัศจรรย์ในการเข้าฝันของหู่จื่อ รวมถึงมีความหวังต่อหู่จื่อด้วย เขาเลยไม่รู้สึกว่าแปลกอะไร

ศิษย์พี่รองก็ยิ้มมองหู่จื่อ แม้จะชอบทุบตีเขา ทว่าพอเห็นหู่จื่อขั้นพลังสูงขึ้นกลับดีใจกว่าหู่จื่อเสียอีก

“ต่อให้เข้าฝันข้าก็ไม่เปลี่ยน ท่านกระเรียนมีศักดิ์ศรี ใช้กำลังกับข้าไม่ได้หรอก!” ไม่บ่อยนักที่กระเรียนขนร่วงจะยืนหยัดถึงเพียงนี้ มันกล่าวเสียงแหลมเล็ก ดูจากสีหน้าและน้ำเสียงแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเป็นเครื่องมือกามรมณ์ให้กับหู่จื่อ

ทว่าทันใดนั้นเอง อวี่เซวียนข้างกายซูหมิงกะพริบตา แล้วยิ้มตาหยีเอ่ยขึ้น

“ศิษย์พี่หู่จื่อ ท่านอย่าเพิ่งโกรธ เอาแบบนี้ ข้าจะให้มันเปลี่ยนเป็นแบบที่ท่านต้องการ แต่ท่านต้องแสดงอภินิหารในตำราเล่มนั้นให้ข้าดูก่อนดีหรือไม่?”

ศิษย์พี่รองกระแอมเสียงหลายครั้งทันที แต่ยังไม่ทันกล่าวอะไร ซูหมิงก็มองกระเรียนขนร่วง

“เปลี่ยนสักหน่อยเถอะ ศิษย์พี่หู่จื่อขั้นพลังบรรลุถึงวิญญาณหมานแล้ว ข้าจะได้ดูการโคจรพลังโลหิตขณะเจ้าใช้อภินิหารด้วย ข้ารู้สึกว่าพลังโลหิตในตัวเจ้ายังมีจุดติดขัดอยู่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด”

ศิษย์พี่รองตบหน้าผาก เขาไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอย่างไรดี

หู่จื่อก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แม้เขาจะซื่อๆ ทว่าก็รู้ว่าตำราหนังสัตว์นั้นวาดอะไร ครั้นลังเลครู่หนึ่งแล้ว เขาก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างพบเห็นได้ยาก

“ศิษย์น้องเล็ก…..เจ้า…..เจ้าอยากดูจริงๆ หรือ?” หู่จื่อกะพริบตาปริบๆ มองซูหมิง

ซูหมิงตะลึงงันไปชั่วครู่ ก่อนพยักหน้า

“เจ้า…..อยากดูจริงๆ แน่นะ?” หู่จื่อมีสีหน้าอยากจะร้องไห้ มองศิษย์พี่รองเหมือนกำลังถามว่าเอาอย่างไรดี

ศิษย์พี่รองเบือนหน้าหนีไม่สนใจ

“เช่นนั้นก็ได้ ศิษย์น้องเล็ก ในเมื่อเจ้าอยากดู ข้าก็จะให้ดู!” หู่จื่อกัดฟันอย่างแรง ส่วนอวี่เซวียนมีสีหน้าตื่นเต้น นางชี้ไปยังกระเรียนขนร่วงพลางกล่าวเสียงไพเราะ

“เจ้าขนร่วงน้อย รีบเปลี่ยนเร็วเข้า!”

“ไม่เปลี่ยน ตีข้าให้ตายก็ไม่เปลี่ยน ใครจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไม่เปลี่ยน จะใช้กำลังบังคับข้าไม่ได้ ครั้งนี้ข้าไม่ยอมจริงๆ ต่อให้เต้าเฉินมาเป็นสัตว์พาหนะให้ข้า ข้าก็ไม่เปลี่ยน!” กระเรียนขนร่วงตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าแน่วแน่ มันบอกตัวเองเสมอว่าครั้งนี้จะต้องมีหลักที่ยึดถือ จะไม่มีทางยอมเปลี่ยนเป็นสาวน้อยอย่างแน่นอน นี่คือเส้นตายของมันที่ไม่มีวันสั่นคลอน

“เฮ้…..ศิษย์น้องเล็ก มันไม่เปลี่ยน ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้”

หู่จื่อถอนหายใจโล่งอก รีบนั่งลง ขณะกำลังจะยกเหยือกสุราขึ้นมาดื่มนั้น เขาพลันเบิกตากว้างเหม่อมองอวี่เซวียน

เขาเห็นว่าอวี่เซวียนหยิบกระเป๋าปักลายดอกไม้ออกมาจากอกเสื้อใบหนึ่ง จากนั้นก็เทหินวิญญาณสว่างพร่างพราวออกมาหลายก้อน แล้วโยนไกลออกไปหนึ่งก้อน

หินผลึกนั้นกลายเป็นแสงผลึกบินออกไป ทว่ากลับมีร่างเงาดำที่เร็วยิ่งกว่าดีดตัวขึ้นจากพื้น พุ่งไปยังก้อนที่ลอยไกลออกไป

มันใช้กงเล็บคว้าหินผลึกเอาไว้ วางไว้ตรงปากแล้วกัดทีหนึ่ง ดวงตาพลันเปล่งประกาย

อวี่เซวียนยิ้มพร้อมกับโยนหินผลึกไปอีกหลายครั้ง ทำให้กระเรียนขนร่วงบินไปบินมา

สุดท้ายนางก็เทกระเป๋าลงพื้น มีหินผลึกสิบกว่าก้อนกองอยู่บนพื้น แสงสว่างจากมันทำให้กระเรียนขนร่วงตื่นเต้นจนตัวสั่น

“เปลี่ยนสิ เปลี่ยนแล้วข้าจะให้เจ้า” อวี่เซวียนกะพริบตา ยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น

ตอนนี้ในสายตากระเรียนขนร่วง หลักการหรือเส้นตายอะไรนั่นมัวหมองลงทันที มีเพียงกองหินผลึกที่เป็นเส้นตายและหลักการยึดถือที่สูงที่สุดในโลกนี้ ตัวมันพลันขยับไหวอย่างไม่ลังเล…ก่อนกลายเป็นแม่นางน้อยผู้มีสีหน้าเห็นแก่ได้ต่อหน้าทุกคน

“ศิษย์พี่หู่จื่อ รีบแสดงวิชาอภินิหารเถอะ” อวี่เซวียนอยากรู้อยากเห็นจริงๆ และยังมีความไม่ยอมที่ไป๋ซู่ว่าตนไม่เข้าใจอีกด้วย ตอนนี้เห็นกระเรียนขนร่วงแปลงกายแล้วจึงรีบกล่าวเร่งรัด

ซูหมิงเองก็มองเช่นกัน

ศิษย์พี่รองหลับตา ยิ้มเฝื่อนพลางถอนหายใจ

หู่จื่อตะลึงงัน เขามองซูหมิงแล้วก็มองอวี่เซวียน รวมถึงไป๋ซู่ซึ่งหน้าแดงและมีสีหน้าแปลกใจ สุดท้ายก็มองศิษย์พี่รองที่หลับตาอยู่ เขาเกาศีรษะแรงๆ อยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

“ศะ….ศิษย์น้องเล็ก…..จะ….เจ้าอยากดูจริงๆ หรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version