Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 323


บทที่ 323 สิบสองมนุษย์ทองคำ! (ปลาย)

……

เบื้องหน้าหอโถงฉางหลาน……

……

เยี่ยฉวนเดินมาหยุดยืน คนที่อยู่เบื้องหน้าคือจี้อันซื่อ……

..

หญิงสาวรีบตรงเข้ามาหาเยี่ยฉวน ขณะเอ่ยทักทายน้ำเสียงยินดี “เจ้ากลับมาแล้ว!”

ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ “ทุกอย่างเรียบร้อยไหม?”

จี้อันซื่อตอบ “เรียบร้อย!”

จากนั้น เขาจึงบอกว่า “เรียกศิษย์มารวมตัวกันหน่อย”

อีกฝ่ายเหลือบมองหน้าคนพูด ก่อนจะหันกลับออกไป

จากนั้นไม่เกินหนึ่งก้านธูปต่อมา ศิษย์ทุกคนต่างมารวมกันที่ด้านหน้าอาคารหอโถงฉางหลาน

ทุกคนมองมายังจุดที่เยี่ยฉวน ซึ่งขณะนั้น เขายืนอยู่บนพื้นยก สายตาทุกคู่ฉายแววชื่นชมยินดี

สถานะของสถานศึกษาฉางหลานเวลานี้อยู่ในอันดับต้นของแคว้นเจียง ภายในจิตใจของผู้คนแคว้นเจียงให้ความเคารพต่อสถานศึกษาแห่งนี้เป็นอันมาก ยิ่งเวลานี้ศิษย์ทุกคนมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฉางหลาน!

ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบให้เยี่ยฉวน!

ขณะนั้น เยี่ยฉวนยืนกลางขนาบข้างซ้ายขวามีจี้อันซื่อและไป่เจ๋อ

ชายหนุ่มก้าวเท้าออกไปข้างหน้าขณะเดียวกันเขาหันหน้ามองไปรอบบริเวณ เวลานี้กลางลานมีศิษย์ทั้งหมด 42 คน ในบรรดาคนเหล่านี้ 21 คน มีขั้นพลังทะยานสวรรค์ และน่าประหลาดใจทีเดียวที่มีถึง 9 คน ขั้นสันโดษ ส่วนคนอื่นที่เหลือมีขั้นพลังหลอมรวมลมปราณ

เยี่ยฉวนนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะหนึ่งจึงกล่าวว่า “พวกเจ้าคงได้ข่าวที่แคว้นชูและอาณาจักรต้าอวิ๋นมาทำศึกกับแคว้นเรา ที่นอกเมืองไค่หยางเวลานี้มีกองทหารม้าเกราะเหล็กของแคว้นชูราวแสนนายมาตั้งค่ายตรึงกำลังร่วมกับอาณาจักรต้าอวิ๋น ถ้าไค่หยางถูกตีแตก ทหารม้าแคว้นชูจะสามารถทะลุเข้ามาทางใต้โดยไร้ปราการกั้นขวาง และจะเข่นฆ่าพลเมืองแคว้นเจียงโดยไม่เลือกหน้า”

น้ำเสียงคนพูดเน้นถ้อยคำฟังชัดทุกคำ “ที่ข้ากลับมาเพื่อจะมาถามพวกเจ้า ว่ามีใครต้องการไปไค่หยางและปวารณาตนปกป้องแคว้นเจียงร่วมกันกับข้าบ้าง?”

ร่วมกองทัพอย่างนั้นหรือ?

ภายในบริเวณลานโล่งพลันเงียบเสียงลงฉับพลัน

ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดไม่ถึงว่าเยี่ยฉวนจะมาเพื่อหาอาสาสมัครร่วมกองทัพ

ชายหนุ่มอาจารย์ใหญ่กล่าวต่อไปอีกว่า “ถ้าปราศจากเมือง แคว้นเจียงจะล่มสลายสิ้นสูญ ตอนนั้นมีหรือที่สถานศึกษาฉางหลานจะเหลือรอด? เอาละถ้าไม่มีใครอาสา ข้าจะไม่บังคับ”

ขณะนั้นเอง สาวน้อยเยี่ยซินซึ่งยืนอยู่ทางด้านหนึ่งได้ก้าวออกมายืนเบื้องหน้า “ข้าจะไปไค่หยางด้วยเจ้าค่ะ”

จากนั้นไม่นาน หลายคนทยอยก้าวออกมาข้างหน้า……

เมื่อเห็นว่าทุกคนแสดงความประสงค์ที่จะไปเมืองไค่หยางเช่นนี้ เยี่ยฉวนกวาดมองพลางพยักหน้าด้วยความปีติยินดี เสียงกล่าวแผ่วเบา “พวกเจ้าส่วนใหญ่คงเข้าใจใช่ไหม ว่าการไปครั้งนี้อาจจะไม่ได้กลับ?!”

คนที่ยืนด้านหน้าสุดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาเหยียดยิ้มมุมปากขณะตอบว่า “อาจารย์ใหญ่ท่านเองต้องเสี่ยงตายที่ไค่หยางเพื่อช่วยแคว้นเจียง แล้วพวกเราจะกลัวตายได้อย่างไร? พวกเรายินดีออกไปต่อสู้เคียงข้างท่าน จะไม่ทำให้ต้องเสื่อมเสียขอรับ”

“ใช่! พวกเราขอตายเคียงข้างอาจารย์ใหญ่!”

“แต่ข้าไม่เห็นด้วย!”

เสียงเย็นเยียบของใครคนหนึ่งจากอีกด้านของลานดังขัดจังหวะ

เยี่ยฉวนเบนหน้าไปทางต้นเสียง ซึ่งไม่ไกลนั้นเองคนสองคนเดินเร็วรี่ตรงมาทางที่เขากำลังยืน ทั้งสองเป็นคนที่รู้จักดี ด้วยทั้งคู่คือสองบัณฑิตที่เชิญมานั่งเอง

โม่หยวนตรงมาหยุดที่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน สายตามองคนตรงหน้าเขม็ง “เจ้าไม่ควรคิดทำเช่นนี้ ถึงแม้ศิษย์เหล่านี้จะไม่อ่อนด้อยก็จริง แต่ทุกคนขาดประสบการณ์การต่อสู้ ถ้าเจ้าพาพวกเขาออกสนามรบมีแต่จะตายกันทั้งหมด”

เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ “นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขายิ่งสมควรต้องไป”

อีกฝ่ายโต้น้ำเสียงแหบห้าว “เจ้ากำลังจะขยี้ต้นกล้าที่บ่มเพาะเพียงเพราะความคิดผิดเพี้ยนว่าจะช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ดีต่อไป รู้หรือไม่ว่าเจ้าต้องทุ่มเทกับพวกเขาไปมากเท่าไร? พาออกสนามรบก็เหมือนพาไปตาย พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าสู้อุตส่าห์ทุ่มเท เป็นความประสงค์ของอาจารย์ใหญ่จี้ด้วยเช่นกัน และสุดท้ายจะไม่เหลืออะไรเลย เจ้า……”

เยี่ยฉวนส่ายหน้า ขัดจังหวะด้วยการตอบกลับทันควัน “ถ้าแคว้นเจียงล่มสลาย ทุกคนจะอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไร? พวกเราเป็นศิษย์ฉางหลานก็ถูก แต่ก่อนหน้านั้นพวกเราเป็นคนของแคว้นเจียง ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อแผ่นดินเกิดเท่ากัน”

โม่หยวนได้แต่นิ่งงัน สายตามองเยี่ยฉวนแน่แน่ว

เสียงชายหนุ่มพูดดังมาอีกว่า “ข้าไปต้องการให้ศิษย์ของเราเป็นเต่าที่หดหัวอยู่แต่ในกระดอง พวกเขาจึงต้องออกไปต่อสู้ ไปรับรู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม ซึ่งจะเป็นการฝึกฝนพวกเขาไปด้วยในตัว ไม่เช่นนั้นสถานศึกษาเกิดวิกฤตขึ้นมาไม่วันหนึ่งก็วันใด พวกเขาจะไร้ทักษะการต่อสู้เพื่อปกป้องสถานที่ของตนเอง”

หลังจากที่ได้พบเห็นเหล่ายอดฝีมือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อย่างหลิงฮั่นและลู่คว่าง ชายหนุ่มจึงได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง

ถ้าคนที่เอาแต่ฝึกฝนอยู่กับบ้านไม่ได้ออกไปท่องยุทธภพด้วยตนเอง เท่ากับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเสียเปล่าไปกับการฝึกฝน!

พลังกล้าแกร่งของหลิงฮั่นและกองกำลังหยาจื้อเกิดจากการฝึกฝน เพียงเท่านั้นหรือ?

ไม่เลย!

พวกเขาต้องออกไปต่อสู้จึงได้มา! ผ่านประสบการณ์ความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาจึงกล้าแกร่งเช่นนั้น!

ถ้าศิษย์ฉางหลานไม่ออกไปต่อสู้กับศัตรูด้วยตัวเองบ้าง ชั่วชีวิตนี้พวกเขาจะไม่สามารถเปรียบกับเหล่ายอดฝีมือในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น

กระบี่จะคมไม่ได้ หากไม่ได้แผ่นเหล็กชั้นดีที่เผาด้วยความร้อนสูงและผ่านการตีนับร้อยนับพันครั้ง!

ผู้ชราโม่หยวนมองคนตรงหน้านิ่งอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะมีทีท่าอ่อนลง “ตามข้ามา”

ชายหนุ่มลังเลเมื่อเริ่มแรก เพราะรู้แก่ใจว่าทั้งโม่หยวนและเฟิ่งหลานมีความเป็นมาที่ลึกลับซับซ้อนสำหรับตนอยู่บ้าง

ทว่าเขาไม่หยุดคิดนานนักก่อนเดินตามหลังไป

คนสามคนมาถึงบริเวณด้านหลังภูเขาลูกหนึ่ง โม่หยวนหยุดเดินและหันมาเผชิญหน้ากับเยี่ยฉวน จากนั้นคนเขายื่นมือออกมาพลันปรากฏหีบใบหนึ่งบนฝ่ามือทั้งสอง

เยี่ยฉวนหน้าตาแสดงความฉงนฉงายยิ่ง “นี่คือ?”

คนชราเปิดฝาหีบ ภายในบรรจุสิบสองหุ่นมนุษย์ทองคำจำลองขนาดจิ๋ว ในมือของแต่ละหุ่นถือทวนยาว!

จากนั้น โม่หยวนเงยมองหน้าเยี่ยฉวนพลางว่า “สิบสองมนุษย์ทองคำ มีเรื่องเล่าว่าฮ่องเต้ผู้เปี่ยมด้วยพระปรีชาสามารถทรงเก็บรวบรวมทองคำบริสุทธิ์จากทุกสารทิศในโลก และแกะสลักหุ่นขึ้นมา ทุกหุ่นจะมีค่ายกลอยู่ภายใน ผนึกด้วยพลังชี่ จิตวิญญาณจึงจะเปิดใช้งานหุ่นมนุษย์ทองคำ ซึ่งทำให้เป็นที่เลื่อมใสและยำเกรง อย่างไรก็ตาม พวกมันเคยได้รับความเสียหายอย่างมาก จึงทำให้ประสิทธิภาพด้อยลง หุ่นทุกตัวมีพลังเทียบเท่ายอดยุทธ์ผสานเทพ ยิ่งกว่านั้ นด้วยเหตุที่ค่ายกลภายในถูกทำลาย จึงจำเป็นต้องใช้สุดยอดศิลาจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลกระตุ้นการเปิดใช้งานแต่ละครั้ง”

เยี่ยฉวนถามเสียงเคร่ง “หุ่นนี้มีพลังขนาดไหน?”

อีกฝ่ายได้ยินแล้ว เขาผลักมือข้างขวาออกไปข้างหน้าช้าๆ หุ่นมนุษย์ทองคำตัวหนึ่งส่องแสงสว่างเป็นประกายเจิดจ้าก่อนจะพลิกตัวหลุดจากหีบ พลันมนุษย์ทองคำจิ๋วก็กลายเป็นมนุษย์ทองคำร่างใหญ่ ซึ่งทั้งสูงและใหญ่กว่าเยี่ยฉวนเสียอีก!

โม่หยวนจึงว่า “ลองดู!”

เยี่ยฉวนประกบนิ้วก่อนสะบัดชี้ออกไปเบื้องหน้า พลันลำแสงกระบี่พุ่งวาบปะทะร่างมนุษย์ทองคำทันที

มนุษย์ทองคำเมื่อต้องรังสีกระบี่กลับยืนนิ่ง ในขณะที่กระบี่กระเด็นหาย ไม่ปรากฏร่องรอย!

สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง กระบี่ของเขาเล่มนั้นเป็นกระบี่แท้จริง

หลังจากนั้น ชั่วขณะเยี่ยฉวนจึงหันไปทางโม่หยวนซึ่งพูดขึ้นว่า “แต่มีข้อแม้”

ก่อนจะพูดต่อไป เขาหันมามองเยี่ยฉวนแน่วนิ่ง “เจ้าต้องเข้าร่วมกับลัทธิขงจื๊อ และเป็นผู้เผยแผ่หลักคิดแนวทางลัทธิขงจื๊อ ถ้าตกลง เราจะให้การสนับสนุนเจ้าทุกเรื่องอย่างเต็มที่!”

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version