บทที่ 393 ใครใช้ให้พูด? (ปลาย)
……
เมื่อสิ้นวาจา เสียงคนตอบกลับอย่างใจเย็นดังขึ้นว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกอาจารย์จะปรากฏตัวต่อเมื่อยามคับขันจริงๆ? สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ตึงเครียดสักเท่าไร ถ้าขืนข้าปรากฏตัวในเวลานี้ก็จะดูไม่ดี รอให้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ ข้าจึงจะออกไป!” ……
……
เยี่ยฉวนได้ฟังเช่นนั้น ในใจกระตุกวูบ!……
..
เขานิ่งด้วยความงงงันไปอึดใจใหญ่
สถานการณ์ยังไม่เลวร้าย อย่างนั้นหรือ?
นางจะปรากฏตัวเมื่อใดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ งั้นหรือ?
นางพูดจริงใช่ไหม?
พลันเสียงพูดของคนอุปทูตฝ่ายซ้ายดังขึ้นไม่ไกลออกไป “เยี่ยฉวนหมดเวลาแล้ว ในเมื่ออาจารย์ของเจ้าไม่ยอมออกมา ข้าจะจัดการเจ้าก่อนก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ ขณะกำลังตั้งท่าจะเริ่มปฏิบัติการทันใดนั้นเยี่ยฉวนยกมือห้ามพลางว่า “เดี๋ยวก่อน!”
ชายวัยกลางคนชะงักนิ่งขณะจับตามองเยี่ยฉวนรอดูว่าเขาจะมาไม้ไหน
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ และก้าวออกมาหยุดเผชิญหน้ากับอุปทูตฝ่ายซ้ายในที่ไม่ห่างมากนัก “ข้ารู้ว่าเวลานี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมาร้องขอชีวิตแต่ก่อนที่ข้าจะตาย อยากขอให้เจ้าช่วยข้าสักอย่าง เผอิญข้าได้ยินความเป็นปรมาจารย์ไร้เทียมทานของอุปทูตฝ่ายซ้ายแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว วันนี้จึงอยากจะขอท้าประลองกับเจ้าสักครั้ง!”
ท้าประลอง!
พลันบรรดาคนที่ได้ยินถึงกับตาเหลือกด้วยความตกตะลึง
ท้าประลองกับอุปทูตฝ่ายซ้าย?
เขาเสียสติไปแล้วหรือ?
เยี่ยฉวนเพิ่งบรรลุขั้นทะยานสวรรค์และต่อให้เขาบรรลุขั้นผนึกยุทธ์ ก็ยังยากที่จะเอาชนะคนเช่นอุปทูตฝ่ายซ้าย!
ด้วยขั้นพลังของอุปทูตฝ่ายซ้ายนั้นเหนือกว่าควบยุทธ์สะท้านภพเสียด้วยซ้ำไป! เป็นที่ทราบกันดีว่าในคราวที่สถานศึกษาฉางมู่ส่งยอดยุทธ์ขั้นควบยุทธ์สะท้านภพ แต่ก็ถูกสังหารด้วยหนึ่งกระบี่ของสตรีลึกลับ ฉะนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะใช้ยอดยุทธ์ขั้นควบยุทธ์สะท้านภพอีกครั้ง!
ทว่าในตอนนี้ชายหนุ่มเยี่ยฉวน ขอท้าประลองกับอุปทูตฝ่ายซ้าย!
เขาเสียสติไปแล้วหรือ?
สายตาเหี้ยมเกรียมของผู้ถูกท้าจ้องมองเขม็งคนตรงหน้า “ท้าประลองงั้นหรือ? แน่ใจนะ?”
เยี่ยฉวนผงกศีรษะรับ “ถูกต้อง”
อีกฝ่ายพยักหน้าเนิบ “ท่ามกลางคนหนุ่มยุคนี้ เยี่ยฉวนเจ้านับว่าเป็นคนหนึ่งที่เก่งกล้าสามารถ ตกลง ข้ารับคำท้า!”
เมื่อเสียงคนสงบเงียบลง จากนั้นลมหายใจของคนตรงหน้าก็ดิ่งฮวบลงอย่างรวดเร็ว เพียงชั่งพริบตาเดียวอุปทูตฝ่ายซ้ายได้ลดขั้นพลังของตัวเองสำเร็จ ทว่าเขายังมิหยุดยั้ง ยังคงลดขั้นพลังลงต่อเนื่องไปอีก
ดังนั้นในเวลาไม่นานท่ามกลางสายตาของผู้คน อุปทูตฝ่ายซ้ายชายวัยกลางคนลดขั้นพลังตนเองจนอยู่ในขั้นผนึกยุทธ์ กระทั่งไม่สามารถลดลงไปได้ต่ำกว่านี้อีก
เขาเหลือบตามองเยี่ยฉวน “พลังของข้าจำกัดอยู่ที่ผนึกยุทธ์ เอาละถึงตาเจ้าบ้าง!”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ จากนั้นจึงฉวยกระบี่พร้อมทะยานมุ่งเข้าหาอุปทูตฝ่ายซ้าย ในขณะที่ร่างของเยี่ยฉวนพุ่งทะยานพลันกระบี่หลิงซิ่วเกิดความสั่นอย่างรุนแรง พร้อมพลังแรงผลักดันแห่งกระบี่แผ่ซ่านออกโดยรอบ!
การฉกฉวยความได้เปรียบด้วยแรงผลักดัน!
บัดนี้เยี่ยฉวนมิได้มีเพียงแรงผลักดันแห่งกระบี่เพียงประการเดียว ทว่าได้ฉกฉวยความได้เปรียบจากแรงผลักดันเฉพาะกาลอื่นอย่างพลังพสุธา พลังวายุและแรงผลักดันอื่นๆ รอบตัวทั้งหลาย อีกทั้งผนวกเข้าด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้และทักษะกระบี่ ส่งให้พลังปะทะของแรงผลักดันแห่งกระบี่ทะยานขึ้นสู่ผสานเทพในทันที
และเมื่อเยี่ยฉวนออกทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตา พลังปะทะของแรงผลักดันแห่งกระบี่จึงผลักออกด้วยพลังรุนแรงขั้นสุดครั้งใหม่อีกครา!
ทักษะหนึ่งกระบี่ชี้ชะตาครั้งนี้ พูดตามจริงก็คือมิได้เป็นแต่เพียงทักษะกระบี่เช่นที่เคย หากได้รวมพลังแห่งกระบี่เต๋าไว้ด้วย!
ยามที่กระบี่ถูกผลักออก ทุกคนต่างหันมาสบตากันไปมา แม้แต่คนอุปทูตฝ่ายซ้ายแววตายังฉายประกายความประหลาดใจอย่างที่สุด
ด้วยเพียงชั่วขณะนั้น ขั้นพลังของกระบี่เยี่ยฉวนได้ทะยานขึ้นสู่ขั้นผนึกยุทธ์แล้ว!
และด้วยพลังนี้ ทำให้กระบี่ของเยี่ยฉวนกลายเป็นกระบี่ที่มีพลังปะทะแข็งแกร่งที่สุดด้วยเช่นกัน!
สำหรับพลังปะทะหนึ่งกระบี่ เยี่ยฉวนตั้งใจอย่างเต็มที่ที่สุด!
เมื่อเผชิญหน้ากับคนมีฝีมือระดับปรมาจารย์เช่นอุปทูตฝ่ายซ้ายที่อยู่ต่อหน้า ชายหนุ่มตระหนักแน่แก่ใจว่าเขามีโอกาสเข้าปะทะแค่ครั้งเดียว ดังนั้นจำต้องตั้งใจอย่างเต็มที่ที่สุด!
หากกระบี่กลับชะงักหยุดชั่วระยะห่างจากอุปทูตฝ่ายซ้ายเพียง 30 นิ้ว ด้วยฝ่ามือของคนตรงข้ามยกขึ้นสกัดกั้นขวางทางกระบี่
ฝ่ามือของอุปทูตฝ่ายซ้ายออกสกัดกั้นมิให้กระบี่หลิงซิ่วมุ่งหน้าต่อไปได้อีกอย่างเด็ดขาด
ฉับพลันนั้นเยี่ยฉวนกำด้ามกระบี่แน่นเข้าและหมุนควงกระบี่รวดเร็ว
เปรี้ยง!
พลันร่างของอุปทูตฝ่ายซ้ายถอยหลังไปเพียงสิบกว่าก้าว ทว่าหยุดลงเกือบทันที
เมื่อเยี่ยฉวนกำลังจะออกปะทะซ้ำอีกคำรบ ฝ่ามือของคนตรงข้ามพุ่งออกจากด้านซ้ายฟาดตรงๆ
เปรี้ยง!
เยี่ยฉวนเสียหลักกระเด็นออกจากที่ไปไกลกว่าเก้าสิบจั้ง และกระแทกเข้ากับเชิงผาจนกลายเป็นโพรงลึกพาให้หน้าผาแห่งนั้นเกิดความสั่นสะเทือน ซึ่งภายในโพรงลึกกว่าสี่จั้งมีเยี่ยฉวนถูกอัดติดอยู่ในซอกหล่ม
ฝ่ามือข้างนั้นของอุปทูตฝ่ายซ้ายตกห้อยลงข้างตัว ขณะโลหิตจำนวนมากไหลรินจากบาดแผลฉกรรจ์!
ชั่วขณะที่ต่างชะงักงัน สายตาของอุปทูตฝ่ายซ้ายจ้องแน่แน่วมายังเยี่ยฉวนซึ่งโผล่ออกมาจากซอกหลืบในระยะห่าง ขณะชำเลืองมองด้วยแววตาเป็นประกายวับวาว “วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”
เยี่ยฉวนเดินโซเซพลันทิ้งตัวทรุดฮวบลงไปบนพื้น กระบี่หลิงซิ่วในมือหักสะบั้น โลหิตไหลออกมาทางมุมปากและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ตอนนี้ร่างกายของเขาบอบช้ำแสนสาหัส หนำซ้ำกระบี่ได้ถูกทำลายจนสิ้นแล้วย่อมหมายความว่าตำแหน่งตันเถียนในกายถูกทำลายแล้วอย่างสิ้นเชิงด้วย ยามนี้ต่อให้คู่ต่อสู้ที่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ฝีมือธรรมดาๆ เยี่ยฉวนก็ไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บ จนร่างกายบอบช้ำหนักเช่นนี้!
ห้วงคำนึงของเขาหวนคิดถึงใครหลายคน
น้องสาว เสี่ยวอัน โม่อวิ๋นฉี ไป่เจ๋อ หลิงฮั่น เย่หลี เจียงจิ่ว……
ที่ห่างออกไปชายชราผิวคล้ำเดินเข้ามาด้านข้างอุปทูตฝ่ายซ้ายพลางพูดว่า “จัดการเลย จากนั้นค่อยตามหาอาจารย์ของมัน!”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับคำและขณะที่เขากำลังจะเข้าจู่โจมนั้น สตรีสวมชุดยาวเรียบพลันปรากฏออกเบื้องหน้าเยี่ยฉวน
นางยืนเอามือไพล่หลังทั้งสองข้าง และทอดสายตามองเยี่ยฉวนที่นอนแผ่อยู่บนพื้น “เจ้าโทษว่าเป็นความผิดของข้าไหม?”
คนบนพื้นสั่นหน้า “ไม่ขอรับ”
ยังไม่ทันที่สตรีสวมชุดยาวเรียบจะพูดต่อไป เสียงของอุปทูตดังขึ้นทางด้านหลัง “ข้าคิดว่าเจ้าจะขี้ขลาดเสียจนไม่กล้าออกมา……”
ทันใดนั้น สตรีชุดเรียบยกมือข้างหนึ่งขึ้นถอนเส้นผมพลางหันกลับพร้อมกันนั้นมีเสียงดังคลิก ณ ที่ห่างไปราวเก้าจั้ง ชายวัยกลางคนอุปทูตฝ่ายซ้ายนิ่งงันด้วยเส้นผมปักเข้าที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของคนพอดี!
สตรีหันขวับมองตรงมายังคนอุปทูตฝ่ายซ้าย “ใครใช้ให้พูด?”
ทุกคนหงายเงิบตกตะลึงไปทันที!
