№ 825 เด็กโตถึงพียงนี้แล้ว
“ในห้องข้ามีแค่เตียงเดียว”
“ข้าตัวเล็ก ไม่กินที่หรอก” เขาเอ่ยโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป มือเล็กไพล่ไว้ด้านหลังพลางเดินวนอยู่ภายใน “จากนี้เจ้าไปไหนต้องพาข้าไปด้วย”
เฟิ่งจิ่วจ้องมองเขา ทั้งสงสัยและไม่เข้าใจอยู่บ้าง ขณะกำลังจะถามเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก
“เฟิ่งจิ่ว เฟิ่งจิ่ว เจ้าสำนักให้เจ้าเข้าไปยอดเขาหลัก”
เมื่อเดินออกไปเห็นว่าเป็นคนข้างกายของเจ้าสำนักจากยอดเขาหลัก ถึงพยักหน้ารับ “รู้แล้ว เดี๋ยวข้าจะเข้าไป”
หลังเห็นคนคนนั้นออกไปแล้ว เธอหันกลับไปบอกเด็กชายด้านหลังว่า “ข้าจะออกไปสักพัก เจ้า…”
ยังกล่าวไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะ
“ข้าจะไปกับเจ้า” ระหว่างพูดมือเล็กๆ ยังดึงชายเสื้อเธอไว้เรียบร้อย
เฟิ่งจิ่วมองเด็กชายที่หันใบหน้าเล็กไปด้านข้างเล็กน้อยพลางดึงเสื้อคลุมเธอไว้ ยิ้มๆ อย่างจนปัญญา “ได้ๆๆ ไปด้วยกันเถอะ! ถึงอย่างไรมีคนติดตามเพิ่มมาเช่นนี้ ข้าก็ยังต้องรายงานท่านเจ้าสำนักด้วย”
ดังนั้นเธอจึงพาเขานั่งขนนกบินมายังยอดเขาหลัก เมื่อมาถึงภายในเขตเรือนของเจ้าสำนัก ถึงจะสังเกตเห็นว่านอกจากเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักแล้ว โม่เฉินผู้นั้นก็อยู่ด้วย ตอนที่ทั้งสามคนเห็นเธอเข้ามา สายตาก็หยุดลงบนร่างเด็กน้อยอายุสามสี่ขวบข้างกายเธอพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“เด็กคนนี้มาจากไหนกัน?”
เจ้าสำนักเอ่ยถาม สายตาพินิจมองบนร่างเด็กชายผู้งดงาม ก็มองต้นสายปลายเหตุไม่ออก เพียงรู้ว่าเด็กน้อยคนนี้หน้าตาโดดเด่น อายุยังน้อยบุคลิกก็ไม่ธรรมดาแล้ว แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็มีกลิ่นอายข่มขวัญดุดันราวกับใบมีดคมกริบรอวันออกจากฝัก
คนตัวเล็กมาถึงที่นี่ก็ไม่ตกใจหรือหวาดกลัว และไม่แม้แต่จะตื่นสถานที่ ยืนไพล่สองมือประหนึ่งเด็กที่โตเกินวัย ยืดอกเชิดคางเล็กน้อยพลางมองพวกเขา
อ้อ ไม่สิ สายตาเขาแค่มองผ่านร่างเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนัก แล้วหยุดลงบนร่างโม่เฉินในชุดสีขาวคนนั้น มีทั้งการพินิจมองและสำรวจตรวจสอบ
โม่เฉินก็รู้สึกว่าหลังจากเด็กน้อยเข้ามา แววตาดุดันที่ลึกล้ำจนไม่เหมือนเด็กน้อยก็หยุดมองประเมินบนร่างตนเองอยู่ตลอด เห็นเช่นนี้เขาแอบแปลกใจเล็กน้อย และพินิจมองเด็กชายเช่นกัน แต่กลับพบว่าตนมองเด็กคนนี้ได้ไม่ทะลุปรุโปร่งสักเท่าไร
ทั้งที่เป็นแค่เด็กชายอายุสามสี่ขวบ กลับมีกลิ่นอายสูงส่งและแรงกดดันที่ชวนให้คนใจสั่น ทั้งที่มีรูปร่างเช่นเด็กน้อย ทว่าประกายหนาวเยือกที่แผ่จากดวงตาทั้งคู่กลับทำให้คนไม่กล้าดูแคลน
นอกจากนั้น เจ้าหนูคนนี้งดงามยิ่งนักจริงๆ ต่อให้เป็นภายในราชวงศ์หรือตระกูลสูงศักดิ์ ก็เห็นเด็กชายที่โดดเด่นเช่นนี้น้อยนัก
“ท่านเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก นี่เป็น…ลูกชายของหลิงโม่หาน” เฟิ่งจิ่วเปลี่ยนคำพูด พอถึงปากก็บอกว่าเป็นลูกชายท่านอาทันที
“ลูกของโม่หาน? แม้แต่เขาเจ้าก็ยังรู้จัก?” ยามได้ยินชื่อนี้ที่ไม่ได้เอ่ยถึงมานาน เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักแปลกใจเล็กน้อย
“ขอรับ มีโอกาสเคยเจอกันสองสามครั้ง” เธอยิ้มพลางพยักหน้า “เขาส่งคนมา บอกว่ามีธุระต้องไปทำยังไปไหนไม่ได้ จึงทำได้เพียงส่งลูกชายเขามาให้ข้าดูแลแทน อีกอย่างเขาเคยเป็นอาจารย์ของที่นี่ จึงคิดว่าท่านเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักน่าจะไม่ถือสา”
เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วแววตาวูบไหวเล็กน้อย เงยหน้ามองเธอ แล้วยืนเงียบไม่ปริปาก
ส่วนเจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักได้ยินแล้วกลับรู้สึกตะลึงอย่างยิ่ง ต่อมาถึงมองเด็กน้อยพลางยิ้มเอ่ยว่า “เขาเคยสอนอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง แต่ออกไปตั้งนานแล้วไม่เห็นกลับมา พวกเราคิดว่าเขาไปที่อื่นเสียอีก ไม่นึกว่าแม้แต่ลูกชายยังโตถึงเพียงนี้แล้ว”
…………………………….