Skip to content
Home » Blog » กำราบสวรรค์ สังหารเทพ 1037

กำราบสวรรค์ สังหารเทพ 1037

ตอนที่ 1037 งานใหญ่ของเออร์หนิว (1)

เทือกเขาชีวิตระทม

เนื่องจากการปรากฏของสีเลือดบนท้องฟ้า การกลับมาของดวงจันทร์แดง ความคิดชั่วร้ายในใจของทุกคนจึงสูญเสียการควบคุมและปะทุขึ้น ดังนั้นความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อไป

ต่างจากขอบเทือกเขาที่มีเมืองดินเล็กๆ มันยังคงอบอุ่นเช่นเคย

มีรอยยิ้มระหว่างผู้คน ไม่เป็นศัตรูกัน และเต็มไปด้วยมิตรภาพ

ครึ่งหนึ่งของผู้อยู่อาศัยในเมืองดินนี้อยู่ภายใต้การดูแลของมู่เต้าจื่อที่เป็นศิษย์ของหลี่โหยวกง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของรัชทายาท พวกเขาจึงอยู่ที่นี่ด้วยความเต็มใจ ผู้ฝึกฝนอีกครึ่งหนึ่งมาจากโลกภายนอกในช่วงเวลานี้

ก่อนที่คนนอกเหล่านี้จะเข้ามาในเมืองโลกนี้ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แต่เมื่อเข้ามา พวกเขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่นี่จึงละทิ้งความคิดชั่วร้าย และ โอบกอดความงดงาม

“ความอบอุ่นที่นี่มีบรรยากาศคล้ายๆ กันตอนที่พ่อของข้ายังมีชีวิตอยู่ และ ทุกเผ่าพันธุ์ก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสามัคคี”

รัชทายาทถอนหายใจขณะเดินบนถนนที่มีชีวิตชีวา

หมิงเหม่ยสวมชุดคลุมขาวมองดูฝูงชนรอบตัวเธอแล้วพยักหน้า เธอรู้ว่าพี่ชายของเธอชอบสถานที่แห่งนี้มาก

ความทรงจำยังปรากฏอยู่ในสายตาของเหยาเหม่ย เมื่อเทียบกับการถูกผนึกที่ผ่านมานานนับไม่ถ้วน ตอนนี้เธอได้กลับมายังโลกมนุษย์แล้ว แม้ว่าเธอจะเห็นเพียง มุมหนึ่ง แต่ก็ยังทำให้หัวใจที่เย็นชาของเธอรู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย

แต่ในขณะนี้ ชายหนุ่มร่างกำยำที่ติดตามพวกเขาไปก็อดไม่ได้ที่จะพูด

“พี่ใหญ่ เจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าความอบอุ่นงั้นรึ? ต้นไม้ทุกต้นที่นี่เต็มไปด้วยอำนาจของเจ้า ไม่ว่าลมจะพัดหรือหญ้าจะสั่นไหวก็ตาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้า…”

ใบหน้าของรัชทายาทเข้มขึ้น และมองไปน้องชายของเขาอย่างไม่พอใจ

หมิงเหม่ยหันศีรษะ และดวงตาของเธอก็เย็นชา

เหยาเหม่ยขมวดคิ้ว และมองในลักษณะเดียวกัน

เมื่อถูกจ้องมองโดยพี่น้องทั้งสาม ชายหนุ่มก็ตัวสั่นและหายใจเข้าโดยสัญชาตญาณด้วยสีหน้าประจบประแจง ร่างของเขาแกว่งไปแกว่งมา และเขาก็เปลี่ยนร่างเป็น ชายชรา

“เป็นสถานที่ๆ เยี่ยมยอด อบอุ่นจริงๆ ข้าชอบมันมาก!”

รัชทายาทมองอย่างไม่แสดงอารมณ์ขณะที่เขาเดินหน้าต่อไป

หมิงเหม่ย และเหยาเหม่ยถอนสายตาออกไป

เหล่าปาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

(***จากนี้ในเรื่องนี้บุตรคนที่แปดจะถูกเรียกแทนด้วย ‘เหล่าปา’ เป็นคำเรียกนะครับ ไม่ใช่ชื่อจริงๆ )

ซูฉินคิดอย่างรอบคอบ และมองเห็นสถานะของกลุ่มคนเหล่านี้

“องค์หญิงหมิงเหม่ยมีสถานะสูงสุด และรัชทายาทก็เกือบจะเหมือนกัน แต่พวกเขาทั้งหมดหลีกทางให้องค์หญิงเหยาเหม่ย ส่วนอีกคน…”

ซูฉินนึกถึงภาพที่อีกฝ่ายถูกทุบตีก่อนหน้านี้ผ่านสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา .

“อาจเป็นสถานะเดียวกันกับหนิงหยาง”

ด้วยความรู้นี้ซูฉิน จึงก้าวเดินตามพวกเขาไป และเข้าใกล้ร้านขายยามากขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า ร่างของอู๋เจี้ยนหวู่และบรรพบุรุษโม่กุยก็เข้ามาในระยะการมองเห็นของ ซูฉิน และบทกวีเชิงสร้างสรรค์ของอีกฝ่ายก็มาถึงหูของเขาในเวลานี้

“สิบสวรรค์ เก้าโลก แปดแดน เจ็ดทะเล หกวิถี และห้าธาตุ เจ้ากำลังรออไร ซื้อมันเร็วเข้า หนึ่ง สอง สาม เม็ดยา สี่ ห้า และหกไม่รับการต่อรอง!”

บทกวีของอู๋เจี้ยนหวู่เปลี่ยนจังหวะไปมากในช่วงเวลานี้นอกร้านขายยา เมื่อได้ยินร่างผู้ฝึกฝนมากมายสั่นไหว และดึงดูดผู้อยู่อาศัยจำนวนมากให้ซื้อมัน

ถัดจากเขา โม่กุยดูเหมือนจะยอมจำนนต่อโชคชะตา และเบื่อหน่ายเล็กน้อย แต่ลึกๆ ในใจเขายังคิดอยู่เสมอว่าจะหาหาทางหนีจากที่นี่ได้อย่างไร

เขาระมัดระวังมาก ดังนั้นช่วงนี้เขาจึงไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม และคอยสังเกตดู

แต่ตอนนี้เขาได้เห็นหนทางบางอย่างแล้ว ขณะที่เขาวิเคราะห์แผนในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นใครบางคนมาจากหางตา เขาสั่นสะท้านตามสัญชาตญาณ และพยายามทำให้อีกฝ่ายพอใจ เขากำลังจะเลียนแบบอู๋เจี้ยนหวู่ และ ท่องบทกวีซ้ำ แต่ครู่ต่อมา…

เขาเห็นหญิงชราสองคนสวมชุดขาวดำอยู่ข้างๆ รัชทายาท

เมื่อเขาเห็นหญิงชราในชุดคลุมขาว จิตใจของโม่กุยก็บ้าคลั่ง

“วิญญาณดาราอีกคนเหรอ?”

ร่างกายของเขาสั่นเทาและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปที่หญิงชราคนที่สองในชุดคลุมดำ และจิตใจของเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรงในทันที

“นี่คือวิญญาณดาราด้วย!”

โม่กุยมองอย่างว่างเปล่าไปที่ชายชราร่างสูง และแข็งแรงที่อยู่ด้านหลัง

“และ…”

บรรพบุรุษโม่กุยหยุดหายใจครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าทั้งหมดนี้บ้าเกินไป ราวกับความฝัน เขาคิดด้วยซ้ำว่าเขาคงจะไม่กล้าฝันแบบนี้

ทั้งหมดนี้ทำให้ร่างกายของเขาโซเซทันที และเขาก็คุกเข่าลงเสียงดัง

เขาเชื่อฟัง และยอมจำนนมากขึ้นกว่าเดิม

ในขณะนี้ เขาไม่มีความคิดที่จะหลบหนีอีกต่อไป เขารู้สึกว่าในภูมิภาคจันทร์บวงสรวงแห่งนี้ เว้นแต่เทวสถานจันทราโลหิตจะท่มทุกสิ่ง หรือเทพจันทราโลหิตลงมาก็ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้

อู๋เจี้ยนหวู่รู้สึกประหลาดใจและมองไปตามแนวสายตาของบรรพบุรุษโม่กุย หลังจากสังเกตเห็นซูฉิน และรัชทายาทแล้วเขาก็กำลังจะกล่าวทักทาย แต่ครู่ต่อมา เขาเห็นหญิงชราสองคน และชายชราข้างหลังพวกเขา

ภาพปู่ย่าตายายทั้งสี่เดินมาด้วยกันทำให้อู๋เจี้ยนหวู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาขยี้ตาโดยสัญชาตญาณ หลังจากยืนยันว่าเขาไม่ได้ตาฝาด เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นในใจของเขา

“ไม่มีทาง เป็นไปได้ไหมว่า… มีอีกสามคนเหรอ!”

อู๋เจี้ยนหวู่ตกตะลึง ไม่แน่ใจว่าการเดาของเขาเป็นจริงหรือไม่ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคลื่นลูกใหญ่ในใจของเขา

ในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างว่างเปล่า ซูฉินและคนอื่น ๆ ก็เดินผ่านเขาไป

จนกระทั่งเหล่าปาเดินเข้ามา เหลือบมองเขาแล้วยิ้ม

“เด็กน้อย บทกวีไพเราะดี”

คำพูดนี้บาดหูอู๋เจี้ยนหวู่ และกลายเป็นเสียงฟ้าร้องในใจ ร่างของเขาอ่อนลง และเขาก็คุกเข่าลง จ้องมองร่างที่เดินเข้าไปในร้านขายยาอย่างว่างเปล่า

แม้ตอนนี้เขายังคงไม่อยากจะเชื่อ เขากัดลิ้น และพึมพำด้วยความสิ้นหวังด้วยความเจ็บปวดสาหัส

“ข้าเห็นวิญญาณดาราถึงสี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!”

ภาพตรงหน้าเขาฝังลึกอยู่ในความทรงจำของอู๋เจี้ยนหวู่ เขารู้สึกว่าเขาจะไม่มีวันลืมภาพนี้ตลอดชีวิต

ในร้าน ขณะที่ซูฉินเดินเข้ามา หลิงเอ๋อกำลังจะวิ่งมาด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นอีกสามคนที่อยู่รอบๆ ซูฉิน เธอก็หยุดฝีเท้าและตกใจ

“เด็กน้อยจากเผ่าจิตวิญญาณโบราณคนนี้ค่อนข้างดีทีเดียว”

หมิงเหม่ยมองดูหลิงเอ๋อด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

เธอชื่นชมรูปแบบการต่อสู้ของเผ่าจิตวิญญาณโบราณ เธอยังมีเพื่อนบางคนจากเผ่านี้ด้วยในช่วงปีแรกๆ และหลิงเอ๋อก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเธอ

ท้ายที่สุดหลิงเอ๋ออยู่กับซูฉิน ตอนที่ซูฉินช่วยเหลือเธอ

“สวัสดีท่านย่า” หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลิงเอ๋อก็ค่อยๆ เดินไปหาซูฉิน ดึงมุมเสื้อผ้าของเขา และพูดกับหมิงเหม่ยที่อยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง

หมิงเหม่ยยิ้มด้วยความมีน้ำใจ และพยักหน้า

เหยาเหม่ยที่อยู่ด้านข้างยังเห็นความสัมพันธ์ระหว่างซูฉินและหลิงเอ๋อ ดังนั้นการแสดงออกของเธอจึงนุ่มนวลขึ้นมาก เหล่าปารู้ว่าซูฉินได้รับความสำคัญมากเพียงใดในใจของพี่น้องของเขาดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างไร้เดียงสา

ในเวลาเดียวกัน นกแก้วไร้ขนก็บินอย่างรวดเร็วจากสวนหลังบ้าน และร่ำไห้ขณะที่มันบินไป

“ท่านปู่ ท่านกลับมาแล้ว ข้าอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว…”

ก่อนที่ร่างของนกแก้วจะเข้ามาใกล้ มันก็ส่งเสียงแหลมและถูกมือยักษ์คว้าไว้กลางอากาศทันที

คนที่จับได้คือ เหล่าปา

ดวงตาของเขาเป็นประกาย เขาจ้องไปที่นกแก้วและพูดด้วยความประหลาดใจ

“พี่ใหญ่ เจ้าไม่คิดว่าสายเลือดนี้ดูคุ้นเคย?”

“นี่เป็นลูกหลานของเขา เจ้าเด็กที่อยู่ข้างนอกนั่น”

รัชทายาทยิ้ม

“ถูกผสมพันธุ์เหรอ?” เหล่าปามองดูด้วยความประหลาดใจ เขามองไปที่อู๋เจี้ยนหวู่ข้างนอก จากนั้นจับนกแก้วไว้ข้างหน้าแล้วมองดูมันอย่างระมัดระวัง

นกแก้วตัวสั่นด้วยความกลัวในดวงตาและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ มันรู้สึกว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้านั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง ร่างกายของเขาเหมือนกับ เตาหลอมขนาดใหญ่ที่กำลังลุกไหม้ และดูเหมือนว่าหากปะทุขึ้นสักนิด มันก็จะกลายเป็นขี้เถ้า

คนที่ตัวสั่นในขณะนี้คือหนิงหยางที่กำลังถูพื้น เช่นเดียวกับอู๋เจี้ยนหวู่ข้างนอก จิตใจของเขายังคงเปล่งเสียงคำราม และเขาจ้องมองไปที่รัชทายาท และคนอื่น ๆ อย่างว่างเปล่า จิตใจของเขาปั่นป่วนอย่างมาก และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“พวกเขาทั้งหมด… ทุกคนคือวิญญาณดาราใช่ไหม พวกเขามาที่ร้านขายยาเหรอ?”

หลี่โหยวกงคุกเข่าลงอย่างสั่นเทายิ่งขึ้นไปอีก

แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว เทพธิดาอเวจีก็สงบกว่ามาก

ช่วงเวลาที่เธอเห็นองค์หญิงเหมิงเหม่ยและคนอื่น ๆ แม้ว่าเธอจะรู้สึกหวาดกลัวในใจ เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุด ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างการรับใช้วิญญาณดาราหนึ่งคนหรือสี่คน

สิ่งที่เธอใส่ใจมากที่สุดก็คือ ความเกลียดชังของเธอที่มีต่อกัปตัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version