Skip to content
Home » Blog » กำราบสวรรค์ สังหารเทพ 1047

กำราบสวรรค์ สังหารเทพ 1047

ตอนที่ 1047 น้ำแห่งควาทรงจำสีเทา มุ่งสู่แดนประหารเทพ (2)

ในของเหลวสีเทานี้ มีภาพเล็กๆ เกิดขึ้น

เป็นทิวเขาที่ทอดยาวออกไปในความมืดมิด ท้องฟ้าข้างในดูเหมือนมีฟ้าแลบแวบวาบ ทั้งสองข้างของทิวเขามีเหวสีดำซึ่งดูเหมือนซ่อนวิญญาณร้ายไว้

ส่วนรายละเอียดยังไม่ชัดเจนเนื่องจากมีระลอกคลื่นบนผิวน้ำ

แต่ทุกคน รวมถึงซูฉิน ตอนนี้รู้คำตอบถึงที่มาของคำอธิบายของภาพนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ามี… สถานที่ๆ ถูกเรียกว่าแดนประหารเทพถูกซ่อนอยู่ในสายลม

ในเวลาเดียวกัน สมาชิกเผ่าโสวเฟิงทั้งสี่ที่แตกจากคนอื่นๆ ขณะนี้มีเลือดไหลออกจากคิ้ว รวมตัวกันในอากาศ และลอยอยู่ต่อหน้ากัปตัน

เป็นส่วนหนึ่งของกุญแจสำคัญในการปลดล็อคความจำ

และอีกส่วนหนึ่งมาจากกัปตัน

กัปตันกัดนิ้วแล้วบีบเลือดที่แตกต่างจากเมื่อก่อนออกมา สีของเลือดนี้… เป็นสีฟ้า

ในช่วงเวลาที่มันปรากฏ เลือดทั้งห้าหยดรวมกันกลายเป็นเก้าส่วน ตกลงไปในชามกะโหลกทั้งเก้า

หลังจากทำเช่นนี้ ก็เป็นชั่วโมงที่สี่ที่ลมสีดำพัดมา

“เข้าไป… เข้าไป!”

กัปตันหัวเราะยกมือขวาหยิบชามกระโหลกแล้วดื่มของเหลวเข้าไป ร่างของเขาพร่ามัวไปชั่วขณะ หลอมรวมเข้ากับสายลมแล้วหายไป

ซูฉินไม่ลังเลเลย เขาดื่มมัน

คนอื่นๆ กัดฟันหยิบชามกระโลหกขึ้นมาดื่มเพื่อเป้าหมายของตนเอง

ไม่นานร่างของทุกคนก็หายไปในสายลมเหมือนกับกัปตัน

ทุกอย่างกลับเป็นปกติในทะเลทรายหลิวฟา ท่ามกลางลมสีดำที่พัดแรง ทะเลแห่งความทรงจำยังคงขึ้นๆ ลงๆ จมทุกสิ่งที่นี่

สำหรับซูฉินและคนอื่น ๆ ตอนนี้พวกเขาได้ปรากฏตัวในสถานที่ที่พวกเขาเห็นในชามกระโหลกแล้ว

สถานที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นอยู่ในความเป็นจริง และไม่ได้เป็นภาพลวงตา มีอยู่ในช่องว่างระหว่างความเป็นจริง และภาพลวงตา มันอยู่ในความทรงจำ มันลึกลับและน่าพิศวง อัศจรรย์น่าเหลือเชื่อ

ในขณะที่ปรากฏตัวมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ชัดเจน ทุกสิ่งที่นี่แตกต่างเล็กน้อยจากสิ่งที่ซูฉินและคนอื่นๆ เห็น และคิดในชามกระโหลก

ประการแรก โลกที่นี่ไม่ได้มืดไปเสียหมด ระหว่างท้องฟ้ากับพื้นดิน แสงสว่างก็ยังชัดเจน

ต้นกำเนิดแสงมาจากโคมที่ลอยอยู่ในอากาศทีละดวง

พวกมันมีจำนวนมากมายมหาศาล หนาแน่น เปล่งประกายเจิดจ้าสะท้อนโลกทั้งใบ

แต่หนังของโคมแต่ละดวงให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวแก่ผู้คน มีสีหน้าบูดบึ้งบนหน้าพวกเขา บ้างก็ร้องไห้ บ้างหัวเราะ บ้างโกรธ และบ้างก็ตกตะลึง

เหมือนจริงราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นจากผิวหนังมนุษย์

ด้วยความช่วยเหลือจากแสงของโคมเหล่านี้ เทือกเขาที่ตรงและกว้างใหญ่ก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในดวงตาของซูฉิน

มันเหมือนกับใบมีดที่ลาดขึ้นไป แผ่ออกไปยาวมาก และจุดสิ้นสุดของมันดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับท้องฟ้า

ที่ๆ พวกเขาอยู่นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเทือกเขา มีการสร้างแท่นสูงทรงกลมไว้ที่นี่ พื้นแตกร้าว เต็มไปด้วยรอยแตก รู้สึกได้ถึงความผันแปรของกาลเวลาที่ผ่านไป แผ่กระจาย เอ้อระเหยไปทุกทิศทุกทาง เผยให้เห็นความเก่าแก่ และความเสื่อมสลาย

สำหรับเหวทั้งสองข้างนั้นมีความมืดมิดไร้สิ้นสุด แสงสว่างที่สาดส่องไปทั่วก็ ไม่สามารถส่องเข้าไปได้ บางครั้งก็มีเสียงคำรามดังมาจากความมืดพร้อมกับเสียง กรงเล็บอันแหลมคมที่ขูดกับหิน

ดูเหมือนว่าในเหวด้านล่างทั้งสองด้านของเทือกเขามีบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว และชั่วร้ายอย่างยิ่งพยายามปีนขึ้นมาบนเทือกเขา

ท้องฟ้าก็มืดเช่นกัน แสงส่องไม่ถึง มีเพียงรอยแตกขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ ไม่ชัดเจนซึ่งเปิดออกบนท้องฟ้าราวกับแผลเป็นซึ่งทำให้ตกตะลึง

เสียงฟ้าร้องดังก้องยังคงดังมาจากรอยแตก และดูเหมือนว่าจะยากที่จะหยุดยั้ง ขณะที่ยังคงสะท้อนอยู่ที่นี่

บางครั้งจะมีฟ้าแลบสีฟ้าส่องประกายตามรอยแตกบนท้องฟ้า

นี่เป็นสถานที่ๆ แปลกอย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่มาถึงดูเคร่งขรึม แม้แต่เทพธิดาอเวจีก็ยังระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโคมหนังมนุษย์ หรือออร่าอันน่าสะพรึงกลัวภายใต้เหวลึก เธอก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่รุนแรง

“โคมหนังมนุษย์เหล่านั้นถูกแปรสภาพจากความชั่วร้าย พวกเขาเกลียดสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เมื่อถูกสัมผัส คนเหล่านั้นจะถูกหลอมรวมเข้ากับตระเกียง”

“สิ่งที่อยู่ภายใต้เหวนั้นคือ ความขุ่นเคืองที่ควบแน่นของเทพจันทราโลหิต ต่อหน้าความตาย ความเกลียดชังของเธอทำให้ทุกคนที่เดินอยู่ในเทือกเขานี้ตกเป็นเป้าหมาย”

กัปตันรู้จักสถานที่นี้เป็นอย่างดี ในขณะนี้เขายืนอยู่ด้านหน้าพูดด้วยเสียงต่ำแล้วหันกลับมาเผชิญหน้าซูฉิน เขามองแล้วยิ้ม

“น้องชาย ยินดีต้อนรับสู่…โรงละครขนาดใหญ่ ที่นี่เจ้าจะได้เห็นเหตุการณ์สะเทือนโลกที่เกิดขึ้นเหมือนในประวัติศาสตร์เมื่อนานมาแล้ว”

“และสิ่งที่เราต้องทำคือไป ไปที่นั่น”

กัปตันยกมือขึ้นชี้ไปที่รอยแตกบนท้องฟ้า

“ไปที่นั่นแล้วเริ่มบันทึกเรื่องราวของเรา”

“ส่วนชื่อบท ข้าคิดไว้แล้วมันจะถูกเรียกว่า…ประหารเทพ!” “

“ส่วนเนื้อหาเมื่อไปถึง ข้าจะแจ้งให้ทราบ เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ต้องห่วง…พวกเจ้าแต่ละคนต่างก็มีหน้าที่”

กัปตันยิ้มแย้มแจ่มใส หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นหยิบเทียนสีฟ้าออกมา หลายเล่ม แจกให้คนละเล่ม

ซูฉินหยิบมันมาถือไว้ในมือ แม้จะรู้สึกมันเยิ้ม แต่เขาก็ได้กลิ่นเลือด เมื่อเขา คาดเดาในใจก็พบว่าหนิงหยางและอู๋เจี้ยนหวู่ต่างก็มีสีหน้าซับซ้อน ดูเหมือนจะคลื่นไส้

“จุดเทียนในมือ แล้วเราจะเดินผ่านบริเวณนี้ได้อย่างปลอดภัย แต่หลักปฏิบัติคือ…ระหว่างทางนั้นเทียนไม่อาจดับได้”

ขณะที่เขาพูด กัปตันก็จุดเทียนในมือแล้ว

ในทันทีที่เทียนถูกเผาไหม้ มีหมอกสีดำออกมาจากภายในถูกปลดปล่อยออกมาปกคลุมไปทั่วร่างของเขา แล้วกัปตันก็เดินหน้าต่อไป

ซูฉินพยักหน้าจุดเทียนในเวลาเดียวกัน หมอกสีดำปรากฏขึ้น กระจายไปรอบๆ และก้าวไปข้างหน้า

ขณะที่คนอื่นๆ จุดเทียนทีละคน ไม่นานทั้งกลุ่มก็เดินไปบนเทือกเขา

“จำไว้ว่าเทียนไม่อาจดับได้…”

เสียงของกัปตันดังออกมาท่ามกลางหมอกอันมืดมิดข้างหน้า

เมื่อมองจากระยะไกลระหว่างท้องฟ้าและฟื้นโลก บนเทือกเขาที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้า มีหมอกสีดำหกกลุ่มปกคลุมร่างทั้งหก ซึ่งอยู่ห่างจากกันหลายฟุต และ เคลื่อนตัวออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

โคมหนังมนุษย์กลางอากาศยังคงแกว่งไปรอบๆ เหวทั้งสองด้านของเทือกเขาคำรามตามปกติ และเสียงใบมีดคมที่ขูดหินก็สะท้อนออกมาอย่างรุนแรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version