ตอนที่ 107-5
คุณชายตระกูลมู่ผู้มีชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดิน!
มู่ชิงเกอกลับไปยังเรือนรับรองของตระกูลเว่ย เพิ่งจะเข้าไปโย่วเหอ และฮวาเยวี่ยก็เดินเข้ามาต้อนรับ
เมื่อตอบคำถามเพื่อรับมือกับสาวใช้ทั้งสองไปอย่างง่ายๆ แล้วมู่ชิงเกอจึงขังตนเองอยู่ภายในห้อง
นั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นอนนุ่ม มู่ชิงเกอหลับตาทั้ง
สองข้างลงอย่างสนิท ราวกับกำลังฝึกพลังเวท
ในความเป็นจริงแล้ว นางกำลังประเมินความสำเร็จในการรักษาฮูหยินเว่ย
ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ถึงสาเหตุของโรคเช่นนี้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ฮูหยินเว่ย สามารถรักษาโรคนั้นได้โดยไม่ต้องสนใจสาเหตุของโรค ก็คือการเปลี่ยนแปลงชีพจรใหม่!
การเปลี่ยนแปลงชีพจรใหม่ ถือว่ามีความยากเป็นอย่างสูง
ชีพจรเดิมจะถูกทำลายลงและถูกสร้างขึ้นใหม่ ในขั้นตอนต่างๆ นั้น แม้จะเป็นปกติ ยังยากที่จะทนได้ แล้วนับประสาอะไรกับฮูหยินเว่ยที่หลับใหลอยู่เช่นนี้
หากไม่สามารถต้านทานได้ มีเพียงผลลัพธ์เดียวเท่านั้น นั้นก็คือชีพจรถูกทำลายและตาย!
ในกระบวนการรักษานั้น มีความอันตรายสูงมากและมีความเป็นไปได้ที่จะล้มเหลว
หากจะทำการรักษา ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงชีพจรใหม่นั้น มู่ชิงเกอจะต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้สภาพร่างกายของฮูหยินแข็งแรงขึ้น
อีกประการหนึ่ง โอสถที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีพจรได้นั้น มู่ชิงเกอไม่มี แต่ทว่า นางมีตำรายาที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์แห่งการปรุงยา เพียงแค่ว่าโอสถทั้งหมดที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีพจรได้นั้น ล้วนอยู่ในระดับที่มากกว่าระดับสูง แม้จะเป็นระดับที่ตํ่าที่สุดก็ยังอยู่ในระดับยาวิเศษ
มู่ชิงเกอในตอนนี้ ยังไม่สามารถปรุงยาที่อยู่ในระดับวิเศษได้
บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้อาจารย์ปรุงยา จำนวนนับไม่ถ้วนที่มาดูอาการของฮูหยินเว่ยต้องยอมแพ้
เพียงแต่ว่า เรื่องนี้ไม่อาจจะทำลายความโชคดีของมู่ชิงเกอได้ ยาเปลี่ยนดีเอ็นเอที่ติดตัวนางมาจากการทะลุมิติยังเหลืออีกเล็กน้อย มู่ชิงเกอที่ได้สัมผัสกับยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอด้วยตนเอง ล้วนรู้ผลลัพธ์ของมันเป็นอย่างดี
หากมองจากอีกมุมแล้ว มันเป็นยาเปลี่ยนแปลงชีพจรระดับเทพ!
มียาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ บวกกับสูตรของยาจากตำรายา มู่ชิงเกอมั่นใจว่า จะสามารถปรุงโอสถเปลี่ยนแปลงชีพจรได้จึงกล้าพูดเช่นนั้นกับพี่น้องตระกูลเว่ย
ในตอนนี้นางจะต้องใช้เวลาที่รอตระกูลเว่ย ตอบกลับ ในการคิดหาวิธีที่จะผสมยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเข้าไปในโอสถ
ในฝั่งนี้ มู่ชิงเกอกำลังทุ่มเททั้งพลังกายและใจในการคิดค้นหาวิธีการปรุงโอสถที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีพจรได้ อีกฝั่งหนึ่งพี่น้องตระกูลเว่ยก็ได้พบกับบิดาเว่ยหลินหลาง และเล่าทุกอย่างที่มู่ชิงเกอพูดกับเขา โดยไม่ขาดตกบกพร่อง
เมื่อได้ยินว่ามีวิธีการรักษาภรรยา เว่ยหลินหลางก็แทบจะพุ่งเข้าไปหามู่ชิงเกอจนแทบจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพื่อขอร้องให้นางยอมช่วย
แต่ทว่า ทันทีที่ได้ยินความอันตรายจากปากของลูกสาว เขาจึงได้แต่นิ่งและสงบลง
ท่ามกลางความเป็นและความตายของภรรยา เขากำลังพยายามที่จะตัดสินใจ
มู่ชิงเกอรอจนพระอาทิตย์ตกดิน แล้วจึงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ในส่วนลึกของดวงตาอันสว่างไสว เต็มไปด้วยความสงบ ลุกออกจากห้อง ในขณะที่เตรียมจะไปขออาหารเพื่อช่วยประทังความหิวโหยจากโย่วเหอ ก็ได้เห็นเว่ยหลินหลางนำบุตรทั้งสองของตนเองเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
มู่ชิงเกอยืนอยู่บริเวณประตู ล้มเลิกความคิดที่จะเรียกตัวโย่วเหอ และรอคอยทั้งสามคน
“คุณชายมู่” ทันทีที่พบกับมู่ชิงเกอ เว่ยหลินหลางก็เรียกในทันที
มู่ชิงเกอยิ้มจางๆ และพูดอย่างแนบนิ่งว่า “เชิญท่านเจ้าเมืองเว่ย” นางหันตัวออกเพื่อหลีกทาง ท่าทางอันผ่อนคลายนั่น ราวกับนางต่างหากที่เป็นเจ้าของที่นี่ เว่ยหลินหลางและอีกสองคนเป็นเพียงแค่แขกที่มาเยี่ยมเยือน
โย่วเหอและฮวาเยี่ยที่มาตามคำสั่ง ในตอนนี้ เตรียมนํ้าชาและขนมมาวางไว้อย่างเร่งรีบ หลังจากที่เสร็จแล้ว จึงได้ถอยออกไป
หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้ว เว่ยหลินหลางจึงพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “คุณชาย ผู้แซ่เว่ยได้ยินมาจากฉีเอ๋อร์และกว่านกว่านแล้ว ท่านมีวิธีช่วยฮูหยินของข้า จริงๆ หรือ”
เว่ยหลินหลางใช้คำสุภาพและนอบน้อมอย่างไม่รู้ตัว
หากมู่ชิงเกอสามารถช่วยภรรยาของเขาได้จริงๆ แม้จะต้องให้เขายกตำแหน่งอันสูงสุดของจวนให้แก่มู่ชิงเกอ เขาก็จะยอมแต่โดยดี
มู่ชิงเกอพยักหน้าเบาๆ “วิธีน่ะมี แต่ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก”
เว่ยหลินหลางพูดด้วยความเคร่งขรึมว่า “จะสามารถบอกได้ละเอียดกับผู้แซ่เว่ยได้หรือไม่”
“แน่นอน” มู่ชิงเกออธิบายว่า “ระบบชีพจรในร่างกายของฮูหยินนั้นเสื่อมสภาพลง จึงทำให้เจ็บป่วย โดยปกติแล้วจะทำได้เพียงแค่รักษาอาการเอาไว้และทำให้ระบบชีพจรกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็จะสามารถทำให้ หายขาดได้แต่ว่า สิ่งที่ยากคือ เราไม่รู้ว่าเหตุใดฮูหยินจึงได้เป็นโรคนี้ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่า ควรใช้ยาอะไรในการรักษาถึงจะถูกต้อง”
เว่ยหลินหลางฟังอย่างตั้งใจ ในขณะที่มู่ชิงเกอหยุดพูด เขาก็ได้พยักหน้าและพูดขึ้นมาว่า “ตอนแรก ข้าได้ใช้ความสัมพันธ์อันดีในการเชิญปรมาจารย์แห่งการปรุงยามาจากโรงโอสถเมืองอวี๋ เพื่อรักษาภรรยาของข้า สิ่งที่เขาพูดนั้นเหมือนกับคุณชายไม่มีผิด แต่สุดท้ายแล้ว เขาเองก็ไม่มีวิธีรักษา”
มู่ชิงเกอพยักหน้า
ได้ยินมาว่าปรมาจารย์แห่งการปรุงยาของโรงโอสถเมืองอวี๋ ในระดับสูงที่สุดสามารถปรุงได้เพียงแค่ยาระดับสูง แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถปรุงยาเปลี่ยนแปลงชีพจรหรือยาที่จะเปลี่ยนแปลงธาตุภายในร่างกายได้
“ถ้าเช่นนั้น วิธีของคุณชายมู่คืออะไร” เว่ยหลินหลางถามอย่างคาดคั้น
มู่ชิงเกอเองก็ไม่ได้ถือสา เพียงแค่ปัดชายเสื้อของตนเอง แล้วพูดว่า “หากไม่สามารถรู้ถึงสาเหตุของโรคได้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาหา เพียงแค่เปลี่ยนระบบชีพจร และเปลี่ยนแปลงธาตุในร่างกาย รักษาตามความเป็นไปได้ทั้งหมดก็พอแล้ว”
เว่ยหลินหลางลุกขึ้นในทันที
ความตื่นตระหนกภายในใจนั้น ไม่อาจจะอธิบายเป็นคำพูดได้ทั้งแอบคิดว่า “ช่างเป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาจากต้นเหตุที่ดีวิธีหนึ่ง!
มีความกล้ามากถึงเพียงนี้และวิธีการลงมืออันแหกกฎเช่นนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของคุณชายแห่งแคว้นฉินเสียจริง
เพียงแค่คิดไม่ถึงว่า คุณชายท่านนี้ที่ไม่เพียงแค่ลงมือปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา ในวิธีการรักษาคนไข้นั้นก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
เว่ยหลินหลางกระตุกยิ้มบนมุมปากอย่างโศกเศร้า แล้วค่อยๆ นั่งลง หลังจากที่เงียบไปสักพักเขาจึงพูดว่า “นี่ก็คือสิ่งที่คุณชายมู่บอกว่าเป็นอันตรายใช่หรือไม่”
มู่ชิงเกอพยักหน้า นางเชื่อว่าเว่ยหลินหลางที่เป็นคนหนึ่งที่ฝึกพลังเวท แน่นอนว่าจะต้องรู้ว่า การเปลี่ยนระบบชีพจรนั้นอันตรายมากเพียงใด
“คุณชายมู่มียาที่จะสามารถเปลี่ยนระบบชีพจรได้อย่างนั้นหรือ” เว่ยหลินหลางมองเขาด้วยสายตาสว่างไสว นี่ต่างหากที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
มู่ชิงเกอกลับส่ายหน้าเบาๆ
แต่ทว่า ในขณะที่เว่ยหลินหลางขมวดคิ้ว นางก็ได้พูดขึ้นอย่างแนบนิ่งว่า “ตอนนี้ยังไม่มี แต่หากท่านยอมเสี่ยงข้าจะไปปรุงเดี๋ยวนี้”
“ว่าอย่างไรนะ” เว่ยหลินหลางตกใจจนลุกขึ้นอีก
ไม่เพียงแค่เขา รวมทั้งเว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านเองก็มองมู่ชิงเกอ จนอ้าปากค้างเพราะความตะลึง
พวกเขาตามมู่ชิงเกอมาเป็นเวลานานเพียงนี้ แม้จะเห็นว่ามู่ชิงเกอมีโอสถเก้าชีวิตหวนคืน แต่กลับไม่เคยได้ยินว่าจะสามารถปรุงยาได้
ตอนนี้ เขาพูดออกมาอย่างผ่อนคลายเช่นนี้ช่างสร้างความตื่นตกใจยิ่งนัก!
“โอสถที่จะสามารถเปลี่ยนระบบชีพจรได้คงจะ เป็นโอสถที่อยู่ในระดับสูง คุณชายมั่นใจหรือไม่’’ ในสายตาเฉียบคมของเว่ยหลินหลางแฝงความกดดันอยู่
มู่ชิงเกอพูดด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย “ข้าไม่เคยทำอะไรที่ไม่มีความมั่นใจในผลลัพธ์”
เว่ยหลินหลางพูดอะไรไม่ออก ในใจนั้นเผยถึงความยอมจำนน
คุณชายมู่ผู้นี้ในด้านการฝึกพลังเวทถือว่าเก่งกาจแล้ว เพราะล่าสุดได้มีการคาดเดาว่า เขากำลังจะทะลวงสู่สายนํ้าเงินแล้ว ทั้งในทางความคิด โชคชะตา และความเจ้าแผนการก็ถือว่ายอดเยี่ยมจนน่าตกใจ ไม่คิดว่า ในด้านการปรุงยา เขาก็ยังคงเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ ใครยังจะพูดอะไรได้อีก
หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ที่เว่ยหลินหลางได้เคยกล่าวว่ามู่ชิงเกอจะเป็นแถวหน้าของแคว้นระดับสามในยุคต่อไป เป็นเพียงการเชยชมเพื่อสร้างสัมพันธ์แล้วล่ะก็ ตอนนี้ความคิดของเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
หากมู่ชิงเกอสามารถปรุงยาที่จะช่วยภรรยาของเขาได้ เขาก็คงจะไม่มีความสงสัยอันใดต่อคำพูดที่ตนเองพูดออกไปอีก
ในตอนนี้สิ่งที่มู่ชิงเกอควรพูดก็ได้พูดไปหมด แล้วและกำลังรอการตัดสินใจจากตนเอง!
หลังจากที่ลังเลพักหนึ่ง ในที่สุดเว่ยหลินหลางก็กัดฟันและตั้งใจแน่วแน่ “คุณชายมู่ หากท่านมีความมั่นใจจริงๆ ชีวิตของฮูหยินของข้าก็ขอฝากไว้ในมือท่าน หากว่าท่านสามารถรักษาฮูหยินของข้าได้ นับจากนี้เป็นต้นไปไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ข้าแซ่เว่ยสามารถช่วยได้ แซ่เว่ยจะไม่ปฏิเสธเลย แต่หากว่าฮูหยินของข้าอ่อนแอเกินกว่าจะผ่านพ้นมันไปได้ข้าก็จะไม่ถือโทษโกรธท่าน และท่านก็ยังคงเป็นผู้มีพระคุณของจวนตระกูลเว่ย!”
คำพูดนี้พูดได้งดงามยิ่งนัก
ทั้งเป็นการแสดงถึงความสำคัญที่มีให้กับภรรยาของตนเองและเป็นการลดแรงกดดันให้กับมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอพยักหน้า รับคนไข้รายนี้ไว้
เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านพูดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “มู่เกอ พวกเราเชื่อในตัวท่าน ฝากท่านแม่ของเราด้วย”
“ข้าจะทำอย่างสุดความสามารถ” มู่ชิงเกอรับปาก
สองวันหลังจากนั้น มู่ชิงเกอก็ได้นำโอสถที่ได้รับการปรุงตามสูตรและยาสมุนไพรมาให้กับพี่น้องตระกูลเว่ย
พร้อมสั่งพวกเขาว่า ในหลายวันนี้ให้ฮูหยินเว่ยรับประทานโอสถให้ตรงเวลา ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ยาสมุนไพรในการอาบน้ำ เพื่อเพิ่มพลังให้กับธาตุในร่างกาย
นอกจากนี้ ยังต้องพูดข้างหูฮูหยินในสิ่งที่จะช่วยสร้างกำลังใจและความเชื่อให้กับนาง ทำให้นางเตรียมพร้อมสภาพจิตใจในการรับการรักษา ในเรื่องนี้ มู่ชิงเกอได้นำการรักษาจากโลกอีกใบหนึ่งเช้ามาปรับใช้
ในโลกนั้นเชื่อว่า แม้จะเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทรา ก็ยังคงมีความรู้สึกของตนเองและสามารถสัมผัสได้ถึงการดูแลจากคนในครอบครัวและได้ยินคำพูดจากพวกเขา
เพราะฉะนั้น ในขณะที่พบกับคนไข้ที่เป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทรา คุณหมอมักจะใช้วิธีการที่ให้คนในครอบครัวคอยมาเยี่ยมเยียนและพูดคุยเพื่อเป็นกำลังใจ จุดประกายให้คนไข้มีกำลังใจที่จะอยู่ต่อและตื่นจากการหลับใหล
นางไม่ได้จะใช้วิธีนี้ในการทำให้ฮูหยินเว่ยฟื้นขึ้นมา เพียงแต่ใช้วิธีการนี้ในการทำให้ฮูหยินเว่ยเตรียมใจให้พร้อมในการรักษาขั้นต่อไปและเป็นการจุดประกายความเชื่อ
ในกระบวนการเปลี่ยนระบบชีพจรนั้น ความสำเร็จครึ่งหนึ่งมาจากความเข้มแข็งและความเชื่อ
การดูแลรักษาทางร่างกายนั้น มู่ชิงเกอสามารถให้ความช่วยเหลือได้ แต่สภาพจิตใจจะต้องพึ่งตัวของฮูหยินเว่ยเอง
ทันทีที่นางเสนอวิธีการและความเชื่อใหม่นี้ หลังจากที่เว่ยหลินหลางเสร็จจากภารกิจแล้วก็จะมาให้กำลังใจภรรยาด้วยตนเอง มักบอกกับนางอยู่เสมอว่าห้ามยอมแพ้ ต้องสู้ต่อไป เพื่อเขาและเพื่อลูกๆ ของพวกเขา
และมู่ชิงเกอเอง ก็ได้ใช้ข้ออ้างว่าต้องทำสมาธิเพื่อปรุงยา ไม่ต้องการถูกรบกวน เพื่อเข้าไปภายในช่องว่างของตนเอง