ตอนที่ 108-1
ยื่นหน้าเข้ามาขนาดนี้แล้ว จะไม่ตบได้อย่างไร
ภายในช่องว่าง มู่ชิงเกอนั่งอยู่ในห้องหลอมโอสถ ในมือถือหลอดทดลองที่มียาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอส่วนที่เหลือบรรจุอยู่
ในหลอดทดลองเหลือยาเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอส่วนสุดท้าย เมื่อคิดทบทวนแล้ว มู่ชิงเกอใช้เพียงเศษ 1 ส่วน 10 และเทมันลงบนจานที่อยู่วางข้างๆ
นางใช้ให้เหมิงเหมิงตระเตรียมสมุนไพรหลายประเภทมาให้
นางไม่รู้ว่าในตอนนี้สวนสมุนไพรจะอุดมสมบูรณ์มากเพียงใด อย่างน้อยจนถึงตอนนี้สมุนไพรที่นางต้องการก็ยังไม่มีอันไหนที่เหมิงเหมิงหาไม่เจอ
คำตอบนี้คงต้องรอให้นางทะลวงสู่สายม่วงก่อน แล้วถึงจะไปค้นหาด้วยตนเองได้
ภายนอกมิติแห่งช่องว่าง ทั่วทั้งจวนตระกูลเว่ยมีแต่บรรยากาศแห่งความตึงเครียด
แม้จะไม่มีใครกระจายข่าวออกไปว่า มู่ชิงเกอจะช่วยท่านแม่ของพวกเขา แต่อารมณ์และความรู้สึกของเว่ยหลินหลางรวมทั้งพี่น้องตระกูลเว่ยก็ยังส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง
พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนเองกำลังมีเรื่องกังวล
“ไอ้เว่ยฉี เจ้าคิดว่ามู่เกอสามารถปรุงยาที่จะใช้ช่วยท่านแม่ได้หรือไม่” ใบหน้าของเว่ยกว่านกว่านดูหนักใจ ทั้งเป็นห่วงมู่ชิงเกอและเฝ้ารอให้ท่านแม่หายดี
เว่ยฉีส่ายหน้า หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความกังวล “เราต้องเชื่อใจในตัวมู่เกอ อีกประการหนึ่ง ท่านพ่อเคยบอกว่าโรคของท่านแม่ไม่ใช่โรคที่จะรักษาให้หายได้ง่ายๆ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เราก็จะโกรธมู่เกอไม่ได้”
เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว เว่ยกว่านกว่านลืมตาโต แสดงท่าทางเป็นเสือน้อยออกมาในทันที
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองจึงมาเฝ้าอยู่ที่นี่” ในระยะที่ไกลออกไป อยู่ๆ ก็มีเสียงของเว่ยหลินหลางดังขึ้น
เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านสะดุ้งทีหนึ่งรีบหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อ!”
เว่ยหลินหลางอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เดินเข้ามา พลางมองไปยังประตูเรือนที่อยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของทั้งสอง
พอเดินเข้ามาใกล้ เขาก็ขมวดคิ้วและตำหนิว่า “พวกเจ้าทั้งสองมาเฝ้าอยู่แบบนี้ช่างเป็นการเสียมารยาทนัก”
เว่ยกว่านกว่านเดินอ้อมไปคล้องแขนของท่าน พ่อและพูดอย่างออดอ้อนว่า “เราเพียงแค่เป็นห่วงมู่เกอ ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ท่านพ่ออย่าได้เข้าใจผิด”
“อย่างไรก็ไม่ควรเฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนคนอื่นเช่นนี้” เว่ยหลินหลางถลึงตาโต พลันพูดด้วยความขุ่นเคือง
เว่ยฉีหดคอและพึมพำว่า “ท่านพ่อเองก็มาไม่ใช่หรือ ห้องหนังสือของท่านและเรือนของท่านอยู่คนละฝั่งกับที่นี่เชียวนะ”
“ไอ้เด็กบ้า อยากโดนดีรึ” ใบหน้าเว่ยหลินหลางแดงก่ำ ยื่นมือออกไปจะตีเว่ยฉี
เว่ยฉีหลบอย่างว่องไว และมาหยุดอยู่ข้างหลังเว่ยกว่านกว่าน ยื่นคอออกไปตะโกนว่า “ท่านพ่อเถียงไม่ชนะก็คิดจะลงไม้ลงมือ ไม่น่า ขายหน้าหรือไง”
“ท่านพ่อตีมันเลย วอนหาเรื่องดีนัก” เว่ยกว่านกว่านหลบออกจากตำแหน่งที่พี่ชายยืนอยู่ แล้วตะโกนอย่างกลัวว่าทุกอย่างจะจบลงโดยง่าย
การแสดงของทั้งสองทำให้เว่ยหลินหลางโกรธจนหัวเราะออกมา และชี้ทั้งสองแล้วพูดว่า “พวกเจ้านี่ ใช้ไม่ได้เลยสักคน!”
พูดจบเขาก็ถอนหายใจและกวักมือเรียกทั้งสอง “พอเถอะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าลำบากมากเพียงใด พวกเจ้าไม่ต้องการให้ข้าเป็นกังวลมากเกินไป ถึงได้ตั้งใจทำเช่นนี้ แต่ว่าเรื่องเกี่ยวกับท่านแม่ของพวกเจ้า ข้าจะไม่เป็นกังวลได้อย่างไรล่ะ”
ถูกท่านพ่อจับได้ เว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านมองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินเข้าไปอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของท่านพ่อ
“ท่านพ่อ ท่านอย่าได้กังวลไป มู่เกอบอกว่าได้ก็ต้องได้” เว่ยกว่านกว่านพูดปลอบใจ
เว่ยฉีเองก็พยักหน้าตาม “ท่านพ่อมู่เกอเก่งมาก เราต้องเชื่อในตัวเขา” ผู้ที่มีโอสถระดับสูงอย่าง โอสถเก้าชีวิตหวนคืนและสามารถรอดพ้นจากนํ้ามือ ของผู้มีอำนาจที่คอยตามล่า จะไม่เรียกว่าเก่งได้อย่างไร
“ใช่ๆ ที่เว่ยฉีพูดเมื่อครู่นี้ ถูกต้องทุกประการ มู่เกอเก่งที่สุด ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นท่านพ่อวางใจเถิด ท่านแม่จะต้องหายแน่”ดวงตาเว่ยกว่านกว่าน โค้งลงดั่งพระจันทร์เสี้ยว พร้อมยืนยันกับเว่ยหลินหลาง
เว่ยหลินหลางมองนางด้วยความฉงนใจ เมื่อพินิจอย่างรอบคอบแล้วจึงพูดอย่างจับผิดว่า “ยัยหนู เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า เจ้าดูรู้สึกดีกับคุณชายมู่มากเป็น พิเศษ ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้ายกย่องชายคนใดเช่นนี้เลยนะ”
เมื่อท่านพ่ออ่านใจออก แก้มทั้งสองข้างของเว่ยกว่านกว่านก็แดงกํ่าขึ้นมาในทันที แต่ไม่ได้ตอบกลับ ด้วยการแสดงท่าทางเขินอายเหมือนหญิงสาวทั่วไป เพียงแค่แอบมองท่านพ่อด้วยหางตาที่ฉายความเขินอายและพูดเบาๆ ว่า “ท่านพ่อคิดว่าหากได้เขามาเป็นลูกเขยของท่านไม่ดีรึ”
เว่ยหลินหลางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ จ้องลูกสาวอย่างไม่ได้สติและไม่ได้สังเกตใบหน้าดำคลํ้าของเว่ยฉี
“ยัยหนู เจ้าจริงจังหรือไม่” ครู่หนึ่งเว่ยหลินหลางจึงพูดคำคำนี้ออกมา
เว่ยกว่านกว่านเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วพยักหน้าอย่างเขินอาย แก้มทั้งสองแดงกํ่ามากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อได้รับคำตอบเพื่อเป็นการยืนยันจากลูกสาว คิ้วทั้งสองข้างของเว่ยหลินหลางก็ขมวดปมแน่น หว่างคิ้วฉายความลำบากใจและความลังเล
รับรู้ได้ถึงความเงียบที่ผิดปกติของท่านพ่อ เว่ยกว่านกว่านก็เงยหน้าขึ้นพอดีกับที่เห็นว่าท่านพ่อกำลังขมวดคิ้ว จึงรีบถามว่า “ท่านพ่อ มู่เกอปรีชาสามารถมากถึงเพียงนี้ ท่านไม่ชอบหรือ”
“ก็ไม่ใช่เช่นนั้น ”
“ท่านพ่อ ยัยเด็กนี้เพียงคิดไปเองฝ่ายเดียว มู่เกอไม่เคยแสดงปฏิกิริยาอันใด” เว่ยฉีอดไม่ได้ที่จะตัดบทคำพูดของท่านพ่อ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แม้ว่ามู่เกอจะบอกไปแล้วว่าตนเองเป็นชาย เขาก็ยังไม่หวังให้น้องสาวของตนเองได้ครอบครองมู่เกอ
การขัดขวางเช่นนี้มาจากส่วนลึกของหัวใจ
“ไอ้เว่ยฉี เจ้าพูดอะไรของเจ้า” เว่ยกว่านกว่านโกรธจนปล่อยหมัด
เว่ยฉีหลบไปข้างหลัง เว่ยหลินหลางยื่นมือออกไปจับแขนของลูกสาวเอาไว้พลางพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พอเถอะอย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าข้าเช่นนี้”
เว่ยกว่านกว่านโกรธจนสับเท้า ชี้เว่ยฉีแล้วพูดว่า “ท่านพ่อดูมันสิ มีพี่ชายแบบนี้ที่ไหนกัน คอยคิดไม่ซื่อกับคนรักของน้องสาว”
ข่าวนี้ช่างสร้างความตื่นตระหนกอย่างเป็นที่สุด
เว่ยหลินหลางถูกกระตุ้นจนสูดลมหายใจอย่างเย็นเยียบ ลืมตาโตจ้องลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง สายตานั้นแหลมคมราวกับมีดดาบ เกือบอดไม่ไหวที่จะผ่าลูกชายออกเป็นสองส่วน “เว่ยฉี เจ้า!”
“ท่านพ่อ ท่านอย่าไปฟังคำพูดพล่อยๆ ของน้องนะ !” เว่ยฉีรีบเถียงเพื่อปกป้องตนเอง
แต่ทว่า ท่าทางเช่นนี้ของเขา ทำให้เว่ยหลินหลางคิดว่าเป็นการปกปิดความจริง
ทันใดนั้น ในใจของเขาก็นิ่งไป
ลูกชายตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง แม้นหน้าตาจะงดงามเสียจนมากกว่าผู้หญิง ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี
อีกประการหนึ่ง เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเว่ยของพวกเขา ยังคงต้องการผู้สืบทอด!
หากลูกชายของตนเองมีความคิดที่เป็นไปไม่ได้เช่นนี้ต่อคุณชายมู่จริงๆ บางที แม้ลูกสาวจะชอบมากเพียงใด ก็ไม่สามารถเกี่ยวดองกับตระกูลมู่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นสองพี่น้องก็จะกลับกลายเป็นศัตรูกันไปมิใช่หรือ?
“พอเถิด พวกเจ้าทั้งสองโตจนป่านนี้แล้ว ยังจะก่อเรื่องวุ่นวายไม่เลิก เลิกคิดเรื่องนี้กันซะ แล้วตั้งใจยกระดับพลังเวทให้สูงขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำมากที่สุด” เว่ยหลินหลางจ้องเพื่อตักเตือนทั้งสอง
คู่พี่น้องเว่ยฉีและเว่ยกว่านกว่านคิดไม่ถึงว่า เพียงพริบตาท่านพ่อของตนเองจะคิดไปมากถึงเพียงนี้
ปฏิกิริยาที่มีต่อพวกเขาเปลี่ยนไปในทันที ต่างก็ตะลึง
พอได้สติ ก็พบว่าตนเองได้ถูกท่านพ่อพาตัวออกมาจากตรงนั้นแล้ว
‘เพราะเจ้าคนเดียว!’ เว่ยกว่านกว่านจ้องเว่ยฉีด้วยสายตาอันแหลมคมแวบหนึ่ง
เว่ยฉีก็จ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “คางคกอยากกินเนื้อห่านฟ้า!”
เว่ยกว่านกว่านพูดอะไรไม่ออกในทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งโทสะ และกัดฟันแน่น
เว่ยฉียังคงยั่วนาง ราวกับชอบที่เห็นน้องสาวของตนเองจนมุมเช่นนี้!