Skip to content

พลิกปฐพี 111-2

ตอนที่ 111-2

เพิ่มยอดขายประจำเดือน ร้องเรียกท่านมั่ว!

หานฉายไฉ่เองก็ขมวดคิ้วพร้อมอธิบายว่า “ร่างเชิดไฟนั้นก็คือร่างที่พญาเพลิงสร้างขึ้น การมีตัวตนของมัน ก็เพื่อที่จะปกปองพญาเพลิง ดูเหมือนว่า ก่อนที่ พญาเพลิงจะฟื้นจากการหลับใหล มันก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว มันเตรียมร่างเชิดไฟปริมาณมากไว้เพื่อซุ่มโจมตี มิให้ผู้ใดเข้ามาใกล้ได้”

แม้แต่ไฟก็ยังมีสติปัญญาเหรอเนี่ย!

มู่ชิงเกอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พึมพำในใจ

“มีวิธีการแก้ไขหรือไม่” ในส่วนลึกของสายตาอันสว่างไสวของมู่ชิงเกอเองก็แฝงด้วยความหนักใจเช่นกัน

หานฉายไฉ่เลียริมฝีปากอันแดงกํ่าของตนเอง พร้อมเผยรอยยิ้มดูคลุมเครือ “ร่างเชิดของพญาเพลิงเมฆสุริยาก็เท่ากับตัวของมันเอง แต่ทว่าอาจจะไม่ได้รสเลิศดั่งร่างที่แท้จริงของมัน”

“เจ้าคิดจะกลืนกินร่างเชิดเหล่านี้รึ” มู่ชิงเกอมองเขาด้วยความตกใจ

ดวงตาหงส์ฉายแสงประกายที่ดูแปลกประหลาด จ้องเพลิงมัจฉาที่อยู่เต็มทะเลเพลิง “เหตุใดจะไม่ได้ ก่อนที่จะกลืนกินพญาเพลิงเมฆสุริยา ร่างเชิดของพญาเพลิง เหล่านี้ก็ถือเสียว่าเป็นของหวานไปก่อน”

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก นางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำท่าเชื้อเชิญ “ขอให้เจ้าทานให้อร่อย”

หานฉายไฉ่กลับแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน ร่างกายราวกับถูกปีศาจครอบงำ พลันรีบพุ่งเข้าไปอยู่เหนือทะเลเพลิง

มู่ชิงเกอมองเขาอย่างแน่วแน่ ไม่ยอมพลาดเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

ทันทีที่หานฉายไฉ่ปรากฏตัว ร่างเชิดของพญาเพลิงที่ซ่อนอยู่ในทะเลเพลิง ก็ได้บินพุ่งออกมาทางเขา ดั่งศรธนูในทันที

แต่เขากลับไม่หลบและไม่หลีก มือทั้งคู่วางตรงหน้าอกพลันทำสัญลักษณ์ซับซ้อนบางอย่าง ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็เห็นว่ามีสัญลักษณ์แปลกประหลาดของเปลวไฟ ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา

พร้อมกับสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้น ผมเงาดำของหานฉายไฉ่ก็ได้กลายเป็นสีแดงโลหิต สีนั้นดุจดังเปลวเพลิงที่อยู่บนทะเลเพลิงไม่มีผิดเพี้ยน นัยน์ตาหงส์เองก็แปรเปลี่ยนเป็นสีโลหิต

มู่ชิงเกอลืมตาโตและจ้องฉากเบื้องหน้านี้

ทันใดนั้น หานฉายไฉ่ก็ร้องตะโกนเสียงดังคำหนึ่ง สัญลักษณ์ที่อยู่บนหน้าผากสาดส่องแสงประกาย หมู่เพลิงมัจฉาที่บินเข้ามา ก็พุ่งเข้าปากของเขาและเข้าสู่ร่างกายของเขาทั้งหมด

เพียงครู่เดียว ร่างกายของหานฉายไฉ่ก็ได้ถูกเปลวเพลิงล้อมรอบเอาไว้จนไม่อาจจะเห็นได้อย่างชัดเจน

‘เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม’ มู่ชิงเกอถามเหมิงเหมิงด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย

เหมิงเหมิงส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่เป็นไรๆ พวกคนที่มีสายโลหิตที่เป็นธาตุไฟเหล่านี้ กลืนกินเพียงร่างเชิดของพญาเพลิงเพียงเท่านี้ไม่ถือว่าเท่าไหร่หรอก”

หลังจากนั้น นางก็กล่าวเตือนอีกว่า ‘เจ้านาย ท่านควรจะถือโอกาสนี้ในการไปหาพญาเพลิงเมฆสุริยานะ!’

มู่ชิงเกอตาเป็นประกาย เม้มปากพร้อมพยักหน้า

หากว่าหานฉายไฉ่ไม่เป็นอันตรายอันใด ถ้าเช่นนั้นนางก็ควรจะรีบลงมือ!

ร่างเชิดที่อยู่ในทะเลเพลิง ถูกหานฉายไฉ่หลอกล่อให้บินขึ้นมากลางอากาศจำนวนมาก มู่ชิงเกอจึงใช้โอกาสนี้ในการถีบตัวขึ้นและพุ่งเข้าหาตำแหน่งที่เขาชี้

หลังจากที่ผ่านทะเลเพลิง และสังหารร่างเชิดไฟไปหลายตัว มู่ชิงเกอก็เห็นว่าบนก้อนหินก้อนสุดท้ายที่

อยู่ในทะเลเพลิง มีรังนกวางนิ่งอยู่รังหนึ่ง

รังนกนั้น ราวกับสร้างขึ้นจากแก้วสีเลือด งดงามราวกับเป็นผลงานทางศิลปะขึ้นหนึ่ง มีขนาดประมาณฝ่ามือ

ทันทีที่เห็นมันในส่วนลึกของสายตาของมู่ชิงเกอก็เป็นประกาย และเร่งรีบมากขึ้น

ธาตุแท้ของพญาพสิงเมฆสุริยาต้องอยู่ในรังนกนั่นเป็นแน่

ลอยตัวลงสู่ก้อนหินอย่างรวดเร็ว มู่ชิงเกอหันไป มองหานฉายไฉ่แวบหนึ่ง เห็นเพียงแค่ร่างของเขาที่ถูกเปลวเพลิงห่อหุ้มเอาไว้ รวมทั้งดวงตาทั้งสองที่มีเปลวเพลิงลุกออกมา ส่วนใบหน้านั้นไม่หลงเหลือความงดงามอีกต่อไป ทว่าได้กลายเป็นดั่งปีศาจตนหนึ่งไปแล้ว

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเป็นปม

เหมิงเหมิงเร่งอีกหน ‘เจ้านายเร่งมือเข้า! รีบไป ปลุกเจ้าหงส์ไฟน้อยนั่นให้ตื่น หากมันกลายเป็นเปลวเพลิง ท่านก็กระโดดเข้าไป ไอ้จอมหลงตัวเองนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากที่เขากลืนกินร่างเชิดไปมากถึงเพียงนั้นแล้ว พลังจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก’

มู่ชิงเกอมองหานฉายไฉ่แล้วพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า ‘เหมิงเหมิง เจ้าว่าหากข้าไปหาสายฟ้าที่เกิดจากฟ้าดิน แล้วกลืนกินมันเข้าไป จะสามารถเพิ่ม พลังสายฟ้าของข้าได้หรือไม่’

‘เอ่อ!’ เหมิงเหมิงอึ้งไปขณะหนึ่ง ยังคงไม่เข้าใจว่ามู่ชิงเกอต้องการจะสื่ออะไร

บ่อสายฟ้าที่อยู่ในมิติแห่งช่องว่าง นางเพียงแค่ใช้ฝึกฝีมือ ในวันนี้เห็นหานฉายไฉ่บ้าคลั่งถึงเพียงนี้ เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า การฝึกฝนที่ผ่านมาของตนเองนั้นน้อยเกินไปแล้ว

‘เจ้านาย ท่านต้องทำเวลาแล้ว’ เหมิงเหมิงเร่ง

เพราะเหมิงเหมิงที่เร่งไม่หยุด ในที่สุดมู่ชิงเกอก็เก็บสายตา เม้มปากและพยักหน้า

นางมองไปยังรังนก ในนั้นมีหงส์ไฟที่กำลังหลับใหลอยู่ตัวหนึ่ง

หงส์ไฟตัวนั้นตัวเล็กมาก มีขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้งของเด็กทารก ทั้งดูสวยงามและน่ารัก

แต่ทว่า มู่ชิงเกอกลับรู้ว่า ธาตุแท้ของมัน เป็นพญาเพลิงที่ได้รวบรวมพลังฟ้าดินเอาไว้ซึ่งก็คือพญาเพลิงเมฆสุริยา!

มู่ชิงเกอรวบมือทั้งสองข้างเอาไว้ ตรงปลายนิ้วมีเข็มเล็กๆ ที่ส่องแสงประกายสีนํ้าเงินเกิดขึ้น

หลังจากที่เตรียมพร้อมแล้ว นางก็ซัดเข็มไปที่ ส่วนหัวของหงส์ไฟทันที

‘วี๊ด——— !’

เสียงแหลมเสียงหนึ่ง ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เสียงนั้น ราวกับจะทะลุผ่านแก้วหูของมู่ชิงเกอ สะเทือนจนเกิดความเจ็บปวด!

หลังจากนั้น รังนกอันงดงามนั้น ก็ถูกแผดเผาไป ต่อหน้ามู่ชิงเกอ ส่วนหงส์ไฟที่อยู่ในรังก็ตกใจตื่นและบินออกมา ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายเพลิงแห่งโทสะ

ไม่จำเป็นต้องเสียแรงตามหา ก็เห็นผู้บุกรุกที่มาปลุกมันให้ตื่น

เสียงหวีดแหลมดังขึ้นอีกหน รอบๆ ตัวของหงส์ไฟเกิดเปลวเพลิงขึ้น และพุ่งมาทางมู่ชิงเกอ!

มู่ชิงเกอจับจ้องเปลวเพลิงที่พุ่งเข้าหาตัวเอง ขวดที่กำอยู่ในมือถูกบีบจนแหลกละเอียดในทันที ของเหลวเย็นที่ขโมยมาจากหอสรรพสิ่งไหลเข้าปากของนาง

อมของเหลวเย็นเอาไว้ มู่ชิงเกอกัดฟันพุ่งตัวเข้าหาเปลวเพลิง

‘วี๊ด——- !’ พญาเพลิงเมฆสุริยาส่งเสียงกรีดอันแหลมคม แต่ก็ไม่สามารถสลัดคนที่กำลังพุ่งเข้าหาตนได้ เพราะคุณสมบัติของของเหลวเย็น สามารถป้องกันวิญญาณไม่ให้ถูกกลืนกินจากเปลวเพลิงได้

ในขณะที่มู่ชิงเกอพุ่งเข้าหาพญาเพลิงเมฆสุริยา คือตอนที่จิตวิญญาณจะได้รับอันตรายมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องดื่มของเหลวเย็นในตอนนั้น

และในขณะที่นางพุ่งเข้าหาพญาเพลิงเมฆสุริยา หานฉายไฉ่เองก็เสร็จจากการกลืนกินร่างเชิดของพญาเพลิง เส้นผมและนัยน์ตาของเขา กลับมาเป็นสีดำดังเดิม อีกทั้งยังเห็นวินาทีที่มู่ชิงเกอพุ่งเข้าหาพญาเพลิงเมฆสุริยา

นัยน์ตาหงส์อันเรียวยาวหรี่ลง เขาปล่อยพลังฝ่ามือไปยังพญาเพลิงเมฆสุริยาที่อยู่ในห้วงโทสะอย่างรุนแรงทีหนึ่ง

อย่างที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ในระหว่างที่มู่ชิงเกอกระตุ้นสายโลหิต เขารับหน้าที่ล่อหลอกพญาเพลิงเมฆสุริยา และหลังจากที่มู่ชิงเกอได้กำจัดพลังอันสูงสุดจากพญาเพลิงเมฆสุริยาไปแล้ว เขาจะหาโอกาสที่เหมาะสมในการกลืนกินพญาเพลิงเมฆสุริยาเสีย!

พญาเพลิงเมฆสุริยาคงจะคิดไม่ถึงว่า ตนเองนอนอยู่ดีๆ แต่กลับถูกมนุษย์ทั้งสองรบกวนเช่นนี้

อีกทั้ง ทั้งสองยังเริ่มสู้กับมันด้วย

กลิ่นอายสายโลหิตในตัวของหานฉายไฉ่ ทำให้พญาเพลิงเมฆสุริยาตื่นตัว และรู้ถึงเป้าหมายของเขา โทสะในส่วนลึกของดวงตาเพิ่มมากขึ้น ไม่สนใจมู่ชิงเกออีกต่อไป เพียงอยากจะสังหารชายที่อยู่ตรงหน้าให้สิ้นซาก

ไม่ว่าการต่อสู้ภายนอกจะดุเดือดมากเพียงใด มู่ชิงเกอก็ไม่สามารถรับรู้ได้

นางรู้เพียงว่า ตนเองได้ถูกเปลวเพลิงจำนวนมหาศาลล้อมรอบเอาไว้

เสื้อผ้าบนร่างกายของนางกลายเป็นเศษผงในทันที และเผยให้เห็นเนื้อกายอันขาวผุดผ่อง

ตุ้มหูสีม่วงบนหูซ้าย ราวกับไม่สามารถรับความร้อนอันมหาศาลได้พลันเกิดเสียง ‘แกร่ก’ ทีหนึ่ง และเกิดรอยร้าวขึ้น

เครื่องมือมายาได้รับความเสียหาย ทำให้ร่างกายของมู่ชิงเกอค่อยๆ ปรากฏส่วนเว้าส่วนโค้งอันอ่อนนุ่ม เครื่องหน้าพลันหวานละมุนอ่อนโยนมากขึ้น ชายหนุ่มผู้งดงามอย่างร้ายกาจ พลันกลับกลายเป็นสาวน้อยงดงามไร้ที่เปรียบในทันที

“อึ่ก………… ” ความรู้สึกดั่งถูกไฟคลอกเช่นนี้ ทำให้

มู่ชิงเกอทนไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

ผิวกายของนางไม่ได้ขาวผุดผ่องอีกต่อไป ทว่า กลับกลายเป็นสีแดงส้มดั่งเปลวเพลิง เส้นเลือดใต้ผิวหนัง ชัดเจนเป็นอย่างมาก เลือดที่อยู่ในเส้นเลือดไหลเวียนราวกับเป็นลาวา

รัดเกล้าที่รวบผมเอาไว้แตกกระจาย เส้นผมอันเงาดำทิ้งตัวลง เส้นผมทุกเส้นล้วนอยู่ในเปลวเพลิง ราวกับได้รับการชำระล้างจากพญาเพลิง

“อ๊า———

เสียงร้องที่เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวีตอยู่ เจือไปด้วยความแหลมก้องกังวานของหญิงสาว

หานฉายไฉ่ที่กำลังหลอกล่อพญาเพลิงเมฆสุริยามองด้วยความอึ้ง และมองเงาร่างที่จมอยู่ในเปลวเพลิง

เงาร่างนั่น ชัดเจนเป็นครั้งครา แต่กลับงดงามยั่วยวนเป็นอย่างมาก ชวนให้ลุ่มหลงคลั่งไคล้ถึงที่สุด ท่าทางของเขาทั้งตื่นตะลึงและอึ้งอยู่กับที่

พญาเพลิงเมฆสุริยาใชโอกาสนี้ในการพ่นเปลวเพลิงออกมาจนโดนเข้าที่หน้าอกของเขาเต็มๆ ทำให้เขาตกลงไปในทะเลเพลิง

หลังจากนั้นไม่นาน หานฉายไฉ่ก็โดดขึ้นมาจากทะเลเพลิง และสู้กับพญาเพลิงเมฆสุริยาอีกหน แววตาของเขาลํ้าลึก ภาพที่เห็นเมื่อครู่ ได้ฝังลึกอยู่ในหัวสมองของเขาแล้ว แต่ตอนนี้ จะไม่สามารถรบกวนสมาธิของเขาได้อีกแม้แต่น้อย

‘บัดซบ! ไอ้เหมิง เจ้าไม่เคยบอกว่าการกระตุ้นสายโลหิตนั้นทรมานมากถึงเพียงนี้นี่!’ อารมณ์ของมู่ชิงเกอดุร้ายถึงขีดสุด รวมกับสภาพของนางในตอนนี้ ราวกับเป็นผีร้ายที่ผุดขึ้นมาจากเปลวเพลิงแห่งนรก

‘เจ้านาย การถูกพญาเพลิงเผาร่างมันก็ต้องทรมานมากอยู่แล้ว แต่ท่านต้องทนให้ได้ อย่าให้วิญญาณแตกสลายนะ! ฮือๆๆๆ หนูเหมิงยังไม่อยากตาย หนูเพิ่งจะฟื้นเองนะ!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version