Skip to content

พลิกปฐพี 127-4

ตอนที่ 127-4

ยาและพิษเป็นสิ่งเดียวกัน!

วิกฤติอันหนักหนาในสายตาของพวกเขาที่ต้องการให้ท่านอาวุโสออกมาแก้ไข ถูกมู่ชิงเกอจัดการไปอย่างง่ายดายเช่นนี้น่ะหรือ

นางราวกับเห็นเพียงแค่ศิษย์น้องมู่พูดคุยอยู่ตรงหน้าฝ่ายศัตรูก็เท่านั้น

“มู่เกอเก่งที่สุดเลย!” ดวงตาของเว่ยกว่านกว่านเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจ ดวงตางดงามของซางจื่อซูก็คลายความเย็นชาและแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก

“หึ ทีนี้ล้มลงต่อหน้าศิษย์น้องมู่ของเราแล้วสินะ” จ้าวหนานซิงเองก็ขบขัน พอเห็นว่าหลี่เฉิงฟงล้มลงและไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ก็ถีบเอวของเขาอย่างแรงหลายที

หลี่เฉิงฟงจ้องอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหันมองมู่ชิงเกอและพูดด้วยความโกรธเกลียดว่า “ไอ้หนุ่ม คิดว่าเก่งก็ฆ่าข้าเสียตอนนี้เลยสิ ไม่เช่นนั้น ข้าจะไม่ให้เจ้าได้อยู่อย่างสงบ จะต้องแล่เนื้อเจ้าออกเป็นชิ้นๆ เพื่อระบายความแค้นในใจของข้า”

มู่ชิงเกอกลับพูดกับจ้าวหนานซิงอย่างไม่ใส่ใจว่า “ศิษย์พี่จ้าว นี่คือคำว่าสู้ไม่ได้แล้วข่มขู่อย่างที่ได้เล่าขานกันมาใช่หรือไม่”

จ้าวหนานซิงตะลึง และได้สติในทันที พลันหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ใช่แล้วๆ! ยังมีอีกชื่อเรียกหนึ่ง คือคำว่า แพ้ไม่เป็น!”

รอยยิ้มของมู่ชิงเกอชัดเจนมากกว่าเดิม

นางแสดงท่าทางที่แฝงความจริงใจอันเต็มเปี่ยมให้กับหลี่เฉิงฟง “ท่านที่รัก ข้าจะรอเจ้านะ” ไม่มีใครสามารถเห็นถึงความเย็นเยียบที่ซ่อนอยู่ภายใต้สายตาของนาง หลี่เฉิงฟงไม่มีโอกาสจะกลับมาแก้แค้นนางได้อีกแล้ว ยาที่นางวางไป แม้หัวชางซู่จะปรุงยาด้วยตนเองก็ไม่สามารถช่วยเขาได้ รอวันที่องครักษ์เขี้ยวมังกรของนางกลับมา ก็เป็นวันที่เขาจะโดนกวาดล้าง!

วันนี้ไม่เพียงแค่ได้ช่วยซางจื่อซู แต่ยังได้เอาคืนเตียนหยวน มู่ชิงเกออารมณ์ดีมาก

“เจ้า! ฝากไว้ก่อนเถิด!” หลี่เฉิงฟงโกรธจนแทบจกระอักเลือด

ออกจากตลาดชั่วคราวในวันแลกเปลี่ยน ตอนแรกมู่ชิงเกอมากับจูหลิง แต่สุดท้าย ก็กลับไปพร้อมกับซางจื่อซูและคนอื่นๆ

จูหลิงจะรีบกลับไปตั้งนานแล้ว เพราะนางจะต้องไปสืบความเคลื่อนไหวในสำนัก

เกิดเรื่องใหญ่มากถึงเพียงนี้หากเรื่องกระจายออกไป ไม่รู้ว่าเตียวหยวนจะทำอย่างไรต่อ การกระทำเช่นนี้ของนาง ทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกแปลกใจ อย่างไรเสีย นางก็เป็นลูกศิษย์ในสำนักของท่านหัวหน้าหัว เหตุใดจึงให้ความรู้สึกราวกับจะดีกับคนนอกมากกว่า

ราวกับสัมผัสได้ถึงความแปลกใจของนาง ระหว่างทาง ซางจื่อซูจึงอธิบายว่า “ความจริงแล้วความสามารถของจูหลิงไม่น้อยไปกว่าเตียวหยวน แต่เพราะเข้าสู่ สำนักช้าไป เตียวหยวนเป็นคนใจแคบ นางรู้ดี เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง นางจึงได้หลบหลีกมาโดยตลอด และทำให้ทุกอย่างเรียบง่ายเข้าไว้ ข้าและนางก็รู้จักกันเพราะความเข้าใจผิด จึงได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน นางดูเจ้าแผนการ แต่ความจริงแล้วเป็นคนจริงใจ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้า นางยังยืนยันจะไปสืบความจริงทั้งหมด กลัวว่าข้าจะถูกทำร้ายอีก”

มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างเข้าใจ สำหรับจูหลิง ได้สัมผัสเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สร้างความประทับใจให้กับนางได้

“ศิษย์น้องมู่ วันนี้ขอบใจเจ้ามาก” จ้าวหนานซิงเดินมาอยู่อีกข้างของมู่ชิงเกอ แล้วแสดงคำขอบคุณกับนางจากใจจริง

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่จ้าวเกรงใจมากไปแล้ว เราล้วนเป็นลูกศิษย์โรงโอสถ ควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว”

จ้าวหนานซิงเผยรอยยิ้มบางๆ แต่กลับพูดอย่างผิดหวังว่า “ใช่! ลูกศิษย์โรงโอสถควรจะคอยเป็นหูเป็นตาและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ว่า ในวันนี้ ผู้ที่กล้าแสดงตัวออกมากลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ศิษย์น้องมู่นั้นมีความกล้าหาญและเฉลียวฉลาด ยิ่งทำให้ศิษย์พี่ที่โง่เขลาเลื่อมใสนัก”

ในขณะที่พูด เขาก็ประสานหมัดแสดงคำขอบคุณต่อพี่น้องตระกูลเว่ย ดูเหมือนว่า คำพูดเพื่อผดุงความยุติธรรมของพี่น้องตระกูลเว่ยก่อนหน้านี้จะทำให้เขาจดจำเอาไว้ในใจแล้ว

เรื่องราวเกิดขึ้นเพราะซางจื่อซู จ้าวหนานซิงกลับกำลังแสดงคำขอบคุณ ซางจื่อซูเม้มปาก และพูดกับพวกของมู่ชิงเกอทั้งสามคนว่า “ขอบคุณศิษย์น้องทั้งสามเป็น อย่างมากที่ให้ความช่วยเหลือ”

“ศิษย์พี่ซางอย่าได้เกรงใจ ผู้หญิงสวยๆ อย่างท่านควรจะได้รับการปกป้องทะนุถนอมด้วยความระมัดระวัง” เว่ยกว่านกว่านพูดพร้อมรอยยิ้มอันร่าเริง จากนั้นจึงหันไปมองจ้าวหนานซิง พลันเผยรอยยิ้มบางๆ และพูดว่า “เหมือนศิษย์พี่จ้าวอย่างไรล่ะ”

ซางจือซูอึ้ง ก้มสายตาลงไม่พูดอะไร

จ้าวหนานซิงกลับหัวเราะอย่างเบิกบานออกมา “ศิษย์น้องพูดดี! ฮ่าๆๆๆ-!” ในขณะที่พูด ทุกคนก็ได้ขึ้นไปอยู่หลังของสัตว์ปีกที่มีพลังเวทเพื่อกลับโรงโอสถ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการวางยาอย่างไร้ร่องรอยของมู่ชิงเกอ ทำให้ลูกศิษย์โรงโอสถไม่ชอบใจหรือเหตุผลอันใด

อย่างไรก็ตาม บนสัตว์ปีกที่มีพลังเวทที่นั่งตอนขากลับ บนหลังของตัวอื่นๆ เต็มไปด้วยผู้คน มีเพียงตัวของพวกเขาที่มีเพียงพวกเขาที่นั่งอยู่

เมื่อขึ้นไปอยู่บนหลังสัตว์ปีกที่มีพลังเวท มู่ชิงเกอจึงพูดกับพี่น้องตระกูลเว่ยว่า “สองสามวันนี้ฟู่เทียนหลงเป็นอย่างไรบ้าง”

เว่ยกว่านกว่านจึงพูดว่า “เทียนหลงอยู่แต่ในบ้านไม้ ไม่ได้ออกไปไหน สุ่ยหลิงเองก็ดูแลเขาตลอดเวลา ไม่ได้เกิดเรื่องแปลกอันใดขึ้น”

ฟู่เทียนหลงมีพลังเทพอสูร เรื่องความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องที่มู่ชิงเกอเป็นห่วงมาก

นัก

นางพยักหน้าเล็กน้อยและพูดกับทั้งสองว่า “ทันทีที่ถึงโรงโอสถ พวกเจ้าก็กลับบ้านไม้ก่อน ข้าจะไปเยี่ยมท่านปรมาจารย์โหลว จะกลับช้าหน่อย”

สำหรับการตัดสินใจของมู่ชิงเกอ พี่น้องตระกูลเว่ยไม่ได้ คิดอะไรมาก

แต่เป็นจ้าวหนานซิงและซางจื่อซูที่รู้สึกแปลกใจ

พวกเขาคิดไม่ถึงว่า มู่ชิงเกอจะไปพบท่านปรมาจารย์ของพวกเขาด้วยตนเอง

ขณะที่ตกอยู่ท่ามกลางความแปลกใจ มู่ชิงเกอก็หันไป มองจ้าวหนานซิงและซางจื่อซู “ข้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านปรมาจารย์โหลว ไม่รู้ว่าจะสะดวกหรือไม่”

“สะดวก แน่นอนว่าสะดวก! เจ้าไปด้วยตนเอง ท่านอาจารย์จะต้องดีใจมากแน่!” จ้าวหนานซิงพูด

ซางจื่อซูเองก็พยักหน้า “เรื่องในวันนี้อาจจะนำพาความเดือดร้อนมาให้กับศิษย์น้อง ข้าจะไปเล่าให้ท่านอาจารย์ฟัง”

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มบางๆ ไม่ได้ปฏิเสธ

สัตว์ปีกที่มีพลังเวทหยุดลงรอบนอกโรงโอสถ หลังจากที่เข้าไปแล้ว มู่ชิงเกอก็ตามจ้าวหนานซิงและซางจื่อซูไปยังที่พักของท่านปรมาจารย์โหลว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version