ตอนที่ 130-5
ของพวกนี้คือสมบัติอันล้ำค่าในการหลอมอาวุธ
ส่งเสียงอันเย็นเยียบคำหนึ่ง ทวนหลิงหลงพุ่งลงไปอย่างรุนแรงในทันที แล้วแทงลงบนหัวใจของมังกรวารี สายฟ้าของมู่ชิงเกอใช้โอกาสนี้ในการทะลุผ่านร่างของมังกรวารีพร้อมทวนหลิงหลง
มังกรวารีร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
มันสัมผัสได้ถึงอันตรายจากทางด้านหลัง แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งได้ทัน โลหิตในร่างกายไหลออกจากบาดแผลไม่รู้หยุด มันสัมผัสได้ว่าพละกำลังค่อยๆ สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
“โลหิตเหล่านั้นเป็นสมบัติอันลํ้าค่า รีบไปเก็บ!” ในขณะที่ซางจื่อซูพูด ก็ได้กระโดดออกมาและถือขวดเคลือบใบหนึ่งออกมาเก็บโลหิตที่ไหลออก
จากร่างของมังกรวารี
จูหลิงเองก็รีบไปช่วย ส่วนเหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิงสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ดั่งเดิม เมื่อเห็นว่ามังกรวารีได้จบชีวิตด้วยนํ้ามือของมู่ชิงเกอ ก็ถือขวดไปรับเลือดของมังกรวารีเช่นกัน
“อึ่ก…”
มังกรวารีส่งเลียงร้องครั้งสุดท้ายท่ามกลางความสิ้นหวัง ศีรษะใหญ่โตร่วงลงสู่พื้น กระทบบนฝั่งของทะเลสาบเยวี่ย ส่วนร่างกายอีกครึ่งหนึ่งจมลงในทะเลสาบ
มู่ชิงเกอกำทวนหลิงหลงเอาไว้แน่น คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนหลังมังกรวารีรู้สึกเพียงแค่ว่าพลังในร่างกายราวกับถูกดูด กล้ามเนื้อและกระดูกทุกๆ ชิ้น ราวกับจะ กระจายออกจากกัน
มู่ชิงเกอหยิบยาออกจากบริเวณอกเม็ดหนึ่งและกินเข้าไป เมื่อยาเข้าไปในปากก็ละลายในทันที ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นมาก ร่างกายของนางนั้นมีความพิเศษ หากไม่ตาย ไม่ว่าจะบาดเจ็บหนักเพียงใดก็สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ในการต่อสู้กับมังกรวารีในครั้งนี้ บาดเจ็บเพียงแค่นี้ถือว่าโชคดีมากแล้ว
หากไม่มีทวนหลิงหลง ด่านนี้เกรงว่าจะผ่านไปได้ ลำบากมากกว่านี้!
“มู่เกอ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เหมยจื่อจ้งยอมสละการเก็บสะสมเลือดของมังกรวารีและวิ่งเข้ามาหามู่ชิงเกอ อีกสามคน ต่างก็เข้าไปหานาง และล้อมนางเอาไว้ ใน สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
มู่ชิงเกอส่ายหน้า “เพียงแค่รู้สึกอ่อนแรงและพลังเวทหายไปก็เท่านั้น”
เหมยจื่อจ้งขมวดคิ้วและพูดว่า “พลังเวทถูกใช้หมด เป็นอันตรายต่อธาตุในร่างกายมาก เจ้านั่งพักก่อน ส่วนตรงนี้เราจะจัดการเอง”
มู่ชิงเกอพยักหน้าและลงจากหลังของมังกรวารี เหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิงพยุงนางไปพักใต้ต้นไม้ที่ไม่ได้รับความเสียหาย มู่ชิงเกอหันมองร่างของมังกรวารีและพูดกับจ้าวหนานซิงว่า “ศิษย์พี่จ้าว ทั้งร่างของมังกรวารี เป็นสมบัติอันลํ้าค่า อย่าให้เหลือทั้งเลือดเนื้อและกระดูก”
จ้าวหนานซิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “วางใจเถิด เรื่องพวกนี้เราจะเป็นคนจัดการเอง”
ในที่สุดมู่ชิงเกอก็ถูกพาไปอยู่ในที่ๆ สงบ นางนั่งขัดสมาธิ จ้าวหนานซิงได้กลับไปจัดการกับร่างใหญ่โตของ มังกรวารี แต่เหมยจื่อจ้งกลับยังอยู่ที่เดิม
“ศิษย์พี่ยังมีเรื่องอันใดอีกหรอ” มู่ชิงเกอเงยสายตาขึ้น มองเหมยจื่อจ้ง เหมยจื่อจ้งมองนางแวบหนึ่ง แล้วก้มสายตาลง ขนตาอันยาวงอนบดบังความรู้สึกในดวงตา “ครั้งนี้โชคดีที่มีเจ้า เจ้าวางใจเถิด พวกเราจะพยายามให้มาก”
มู่ชิงเกอตะลึง พร้อมพยักหน้าราวกับเข้าใจและไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกัน
เหมยจื่อจ้งพูดต่อว่า “เจ้าพักให้สบายเถิด เรื่องที่เจ้าไม่อยากให้ใครรู้ จะไม่ถูกเปิดเผยออกไปแน่นอน”
‘เขารู้แล้วจริงๆ!’ มู่ชิงเกอตกใจ รับรู้ได้ว่าคำพูดอันคลุมเครือของเหมยจื่อจ้งหมายถึงเรื่องเพศของตนเอง แต่ทว่า ในขณะที่นางหันไปมองก็เห็นว่าเหมยจื่อจ้งหยุดสายตาบนทวนหลิงหลงที่ปักอยู่บนหัวใจของมังกรวารี เหมยจื่อจ้งยืนขึ้น หยิบผงยาออกมาถุงหนึ่ง แล้วเทลงรอบๆ มู่ชิงเกออย่างคอบรอบ
หลังจากที่เสร็จสิ้นแล้ว จึงพูดกับนางว่า “ผงยานี้สามารถป้องกันแมลง และสามารถไล่สัตว์วิญญาณได้”
“ขอบคุณ” มู่ชิงเกอพยักหน้าแสดงคำขอบคุณ
เหมยจื่อจ้งพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถอยออกไป เพื่อเข้าร่วมการแยกชิ้นส่วนของมังกรวารี
เกล็ดของมังกรวารีแข็งแรงเป็นอย่างมาก สุดท้ายจ้าวหนานซิงก็ต้องใช้ทวนหลิงหลงที่มู่ชิงเกอทิ้งเอาไว้ในการขูดมันออกมา จึงสามารถใช้อาวุธของตนเองแยกชิ้นส่วนของมัน
พอมู่ชิงเกอเสร็จจากการฝึกพลังเวท ร่างกายฟื้นคืนกลับไปเป็นเหมือนเดิม พลันค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก็เห็นหนัง เกล็ดและเลือดเนื้อของมังกรวารีวางอยู่บริเวณที่ไม่ไกลจากตรงหน้าของมู่ชิงเกออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซางจื่อซูและจูหลิงกำลังดำเนินการขั้นตอนสุดท้าย
มู่ชิงเกอทอดสายตาออกไป ข้างทะเลสาบเยวี่ยเหลือ เพียงแค่โครงกระดูกขนาดใหญ่ที่ขาวสะอาด ข้างโครงกระดูก มีเพียงแค่เหมยจื่อจ้งยืนอยู่ จ้าวหนานซิงกลับ หายไป
ซางจื่อซูจัดการหนังมังกรวารีที่อยู่ในมือเสร็จเรียบร้อย แล้วจึงหันกลับมาเห็นว่ามู่ชิงเกอเสร็จจากการฝึกพลังเวทพอดี
ในส่วนลึกของสายตาอันเย็นเยียบดั่งธารนํ้าแข็งของนาง มีความตื่นเต้นอันยากที่จะสังเกตเห็นซ่อนอยู่ “ศิษย์น้องมู่ เจ้าฟื้นแล้ว”
ได้ยินคำพูดของซางจื่อซู จูหลิงก็เงยหน้าขึ้นในทันที เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอไม่เป็นอะไร จึงยิ้มอย่างน่าเย้ายวน เอ่ยว่า “ในที่สุดวีรบุรุษของเราก็ขึ้นแล้ว”
มู่ชิงเกอยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม แล้วเดินไปหาทั้งสองสาว
“พวกท่านกำลังทำอะไร”
จูหลิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเรา กำลังจัดการแบ่งผลตอบแทนให้กับขุนนางใหญ่ผู้มีคุณูปการอย่างเจ้าอย่างไรเล่า! เนื้อหนังของมังกรวารีตรงนี้เก็บจะเสร็จแล้ว แต่ทว่าโครงกระดูกนั้น ทั้งใหญ่และแข็งเกินไปเรายังไม่มีวิธีจัดการ” ในขณะที่พูด นางก็เรียงขวดที่เต็มไปด้วยเลือดของมังกรวารีออกมา ซึ่งมีประมาณร้อยขวดขึ้นไป
“ในเลือดของมังกรวารีมีสายเลือดของมังกรผสมอยู่ แม้ว่าเราอาจจะไม่รู้แน่ชัดว่ามันใช้อย่างไรได้บ้าง แต่เจ้าก็เก็บเอาไว้เถิด ไม่แน่ว่าในอนาคตจะได้ใช้”
มู่ชิงเกอกวาดสายตามองแวบหนึ่ง พูดกับทั้งสองว่า “ที่นี่มีมากกว่าห้าหกร้อยขวด พวกท่านให้ข้าหมดเลยหรือ”
“ศิษย์น้องมู่เป็นคนฆ่ามังกรวารี แน่นอนว่าของเหล่านี้ต้องเป็นของเจ้า” ซางจื่อซูพูดอย่างแนบนิ่ง
นางพูดเช่นนี้ กลับทำให้มู่ชิงเกอรู้สึกเกรงใจ
นางเป็นคนฆ่ามังกรวารีจริง แต่คนเหล่านี้ไม่ได้นั่งดู เฉยๆ แม้รู้ว่าไม่สามารถช่วยได้ แต่กลับต่อสู้เคียงข้างกับนาง ไม่ว่าอย่างไรก็มีส่วนร่วม
เมื่อคิดทบทวนแล้ว มู่ชิงเกอจึงพูดว่า “ถ้าเช่นนั้น โลหิตของมังกรวารีเหล่านี้ข้าจะเก็บไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือให้พวกท่านแบ่งกัน สำหรับหนัง โครงกระดูกและ เกล็ดข้าจะเก็บไปก่อน ข้าจะไปหาผู้หลอมอาวุธ ช่วยสร้างเกราะป้องกันที่ทำจากเกล็ดและหนังของมังกรวารี แล้วแบ่งให้พวกท่านคนละอัน แน่นอนว่าสิ่งอื่นที่พวกท่านต้องการก็เอาไปได้เลย”
“ศิษย์นองมู่เจ้าช่างใจกว้างจริง!” จูหลิงพูดพร้อม รอยยิ้มอันน่าเย้ายวน
ซางจื่อซูมองมู่ชิงเกออย่างตั้งใจแวบหนึ่ง เห็นว่านางจริงใจไม่ได้แสร้งทำ จึงพยักหน้า และไม่ปฏิเสธอีก
“ศิษย์พี่จ้าวเล่า” มู่ชิงเกอถาม
จูหลิงตอบว่า “เขาดำนํ้าลงไปเด็ดหน่อจันทร์มายา
เขาบอกว่า ถูกเตียวหยวนเล่นงานเช่นนี้ เราจะต้องได้หน่อจันทร์มายากลับไป เพื่อตบหน้ามันอย่างจังสักทีหนึ่ง”
มู่ชิงเกอพยักหน้าอย่างเข้าใจ
แน่ชัดว่าเรื่องในครั้งนี้ มีหัวชางซู่คอยบงการอยู่เบื้องหลังแน่นอน
หัวชางซู่เป็นหัวหน้าโรงโอสถย่อย ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรมากแน่นอนว่ากลับไปก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก หากจะลากเตียวหยวนลงนํ้าแล้วพูดความจริงออกมา เพียงแค่การที่สู้ชนะมังกรวารีก็เป็นการเผยความสามารถของนางมากเกินไป ไม่คุ้มเลยจริงๆ เห็นได้ชัดว่า จ้าวหนานซิงเองก็คิดถึงเรื่องนี้ จึงตัดสินใจ ทำการทดสอบให้สำเร็จ กลับไปจะได้ใช้เรื่องนี้ทำเตียนหยวนเสียหน้า ส่วนเรื่องการแก้แค้น คงต้องใช้เวลาวางแผนอีกนาน
ในขณะที่พูด ทางทะเลสาบเยวี่ยก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ร่างของจ้าวหนานซิงโดดขึ้นจากทะเลสาบเยวี่ย ในมือของเขาถือหญ้าสีเงินที่รูปร่างคล้ายเสี้ยวพระจันทร์ และเป็นเป้าหมายในครั้งนี้ของพวกเขา———-หน่อจันทร์มายา!
“โชคดีที่รอดชีวิตกลับมาได้!” จ้าวหนานซิงพูดกับเหมยจื่อจ้งพร้อมรอยยิ้ม
จากนั้น ทั้งสองก็เดินเข้ามาพร้อมกัน จูหลิงถ่ายทอดสิ่งที่มู่ชิงเกอแบ่งสัดส่วนเอาไว้อีกรอบ
ทั้งสองไม่ปฏิเสธ ล้วนเห็นด้วยกับการวางแผนของมู่ชิงเกอ
เมื่อถึงเวลาที่ควรจะกลับแล้ว จ้าวหนานซิงจึงพูดอย่างหนักใจว่า “แม้ว่าเราจะมีถุงเฉียนคุนแต่ก็สามารถเก็บได้เพียงยาและขวดยาก็เท่านั้น โครงกระดูกมังกรวารี ใหญ่ขนาดนี้ ไม่สามารถใส่เข้าไปได้”
มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้ม พลันเดินเข้าไปเงียบๆ โดยเก็บทวนหลิงหลงก่อน ให้มันกลายเป็นปลอกนิ้วดังเดิมและสวมมันลงบนนิ้วชี้ที่มือขวาของตนเอง
จากนั้น นางเพียงยกมือขึ้นสะบัดทีหนึ่ง โครงกระดูกของมังกรวารีและชิ้นส่วนจากความสำเร็จที่เป็นส่วนของนาง ก็หายไปจากตรงหน้าของทั้งสี่
ภาพนี้ ทำให้ทั้งสี่ตะลึง สายตาที่มองมู่ชิงเกอราวกับนางเป็นตัวประหลาด