Skip to content

พลิกปฐพี 144-4

ตอนที่ 144-4

กดเจ้าให้จมดิน เอาให้จมดิน!

สองวันผ่านไป ฟ่งอวี๋เฟยก็ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท แคว้นลี่อย่างราบรื่น พอถึงเวลาที่ฮ่องเต้จากไปก็จะได้สืบทอดบัลลังก์เป็นฮ่องเต้หญิง

ราชโองการแต่งตั้งก็ถูกประกาศออกไปทั่วทั้งแคว้น มู่ชิงเกอก็นั่งดูฟ่งอวี๋เฟยสวมหมวกประจำตำแหน่งรัชทายาทด้วยตาตัวเอง นางก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะตนเองที่สร้างสภาพการณ์เช่นนี้ขึ้นมา ในมุมมองของนาง แคว้นลี่มอบไว้ในมือของฟ่งอวี๋เฟยก็ดีกว่ามอบให้ฟ่งอวี๋กุยมากนัก

ฟ่งอวี๋กุยเอาแต่คิดอยากเป็นฮ่องเต้ แต่สุดท้ายกลับทำไม่สำเร็จ นี่ก็เป็นการเอาคืนเขาของมู่ชิงเกอ แต่ว่าการเอาคืนก็ยังไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้…………………….

ในขณะที่ฟ่งอวี๋เฟยถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทในงานพิธี รถม้าเรียบๆ คันหนึ่ง ก็ค่อยๆ แล่นออกจากจวนของฟ่งอวี๋กุย ภายใต้พลุดอกไม้ไฟที่เจิดจ้าเต็มท้องฟ้าถูกกุมตัวออกจากเมืองฮ่วน

ฟ่งอวี๋กุยอยู่ในชุดผ้าธรรมดา นั่งอยู่ในรถม้า ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท มือทั้งสองที่วางอยู่บนตักกำแน่นเข้าหากัน

เสียงดอกไม้ไฟด้านนอก กับพลุไฟที่ดูงดงาม แต่เดิมควรจะเป็นของเขาสิถึงจะถูกต้อง!

เขาไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองที่ต่อสู้แก่งแย่งมาหลายสิบปีก็จะต้องพ่ายแพ้เช่นนี้?

ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว เขายังมีเสด็จแม่อยู่!

ขอเพียงเสด็จแม่ยังอยู่ ไม่ว่าช้าหรือเร็วจะต้องมีสักวัน วันที่เขาได้กลับมาเมืองฮ่วน ทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของตน!

ภายในวังหลวง บทเพลงและการร่ายรำดังขึ้นพร้อมกัน ฟ่งหลันภายใต้ความเบิกบานใจก็มีท่าทางเมามายอยู่เล็กน้อย

ฟ่งอวี๋เฟยประคองฟ่งหลันกลับตำหนักบรรทม หลังจากปรนนิบัติเขาจนนอนพักผ่อนแล้ว ก็พลันมุ่งหน้าไปยังอีกตำหนักหนึ่ง

ตำหนักแห่งนั้น คนที่พำนักอยู่ก็เป็นมารดาของฟ่งอวี๋กุย

และก็เป็นตัวต้นเหตุที่ใช้คำพูดทิ่มแทงถากถางเสด็จแม่ของนางในตอนที่เสด็จแม่ของนางกำลังเศร้าโศกเสียใจ จนท่านทนทานไม่ไหวสิ้นใจไป!

คืนนั้นนางก็จะขอแก้แค้นให้เสด็จแม่!

ชั่วขณะที่ฟ่งอวี๋เฟยมาถึงตำหนักอันหรูหราแห่งนี้ เจ้านายของตัวตำหนักก็กำลังระเบิดอารมณ์อยู่อย่างบ้าคลั่ง นางกำนัลในตัวตำหนักก็พากันคุกเข่ารอรับโทษอยู่ กับพื้นกันเป็นทิวแถว ถูกกระหนํ่าตีอย่างโหดเหี้ยม

“หยุดมือ!” ฟ่งอวี๋เฟยตวาดคำรามขึ้นเสียงเย็น

สนมหลันเงยหน้าขึ้น จ้องมองไปทางฟ่งอวี๋เฟยพลางเค้นเสียงหัวเราะ “อ้อ รัชทายาทไม่อยู่ดื่มสุราฉลองที่ตำหนักฝ่ายหน้า ถ่อมาที่ตำหนักของเปิ่นกงด้วยเหตุใด?”

ฟ่งอวี๋เฟยไม่ได้มองไปที่นาง เพียงแค่กวาดตามองไปยังเหล่านางกำนัลและขันทีที่พากันตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น กล่าวไปทางพวกเขา “พวกเจ้าออกไปก่อน”

ฝูงชนก็ราวกับได้รับการปลดปล่อย เตรียมจะลุกจากไป พระสนมหลันก็พลันตวาดขึ้นเสียงดัง “เปิ่นกงจะคอยดูว่าใครกล้าไป? อย่าได้ลืมเชียวว่าใครเป็นเจ้านายของพวกเจ้า!”

ชั่วขณะนั้น เหล่านางกำนัลและขันทีก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยืนนิ่งอยู่กับที่

ฟ่งอวี๋เฟยสีหน้าเย็นยะเยือก พลางกล่าวอย่างเมตตา “ข้าคือรัชทายาทของแคว้นลี่ และก็ยังเป็นฮ่องเต้ในอนาคต ข้าให้พวกเจ้าไป ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเอา ความกับพวกเจ้า”

เหล่านางกำนัลและขันทีรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างที่สุด ไม่กล้าชักช้าเร่งรีบพากันหลีกหนีออกไปจากตัวตำหนัก วิ่งกระจัดกระจายกันออกไปด้านนอก

รอยยิ้มของสนมหลันพลันปรากฏความชิงชังและอำมหิตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด “ก็สมกับเป็นรัชทายาทจริงๆ เพิ่งจะได้ตำแหน่งไม่นาน ก็ถ่อมาวุ่นวายถึงตำหนักของเปิ่นกงแล้ว?”

ฟ่งอวี๋เฟยก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับนาง เพียงแค่กล่าวขึ้นเสียงเรียบ “หลังจากฟ่งอวี๋กุยถูกขับออกจากแคว้น เสด็จพ่อก็คงจะกวาดล้างกลุ่มอำนาจของเขาภายในแคว้นจนสิ้นซาก เจ้าก็ควรจะชัดเจนว่าลูกชายของเจ้านั้นหมดสิ้นหนทางแล้ว และเจ้าเองก็เช่นกัน”

สนมหลันยิ้มเย็น “เจ้าก็อย่าได้หลงระเริงเร็วไปนัก ขอเพียงฝ่าบาทยังอยู่เรื่องราวทั้งหมดก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ อวี๋กุยถึงจะจากไปแล้ว แต่เขาก็จะต้องกลับมา อีกครั้ง”

ฟ่งอวี๋เฟยส่ายหน้ายิ้มขำ

นี่ก็ทำเอาใบหน้าของสนมหลันเย็นยะเยือกขึ้น กล่าวขึ้น สีหน้าบิดเบี้ยว “เจ้าหัวเราะอะไร?”

ฟ่งอวี๋เฟยยิ้มขำเบาๆ “ข้าหัวเราะที่เจ้าจนถึงตอนนี้ก็ยังจะคิดฟ้งซ่านอีก เจ้ายังคิดจะรอให้ฟ่งอวี๋กุยหวนกลับมา?”

นางหันหน้าไปมองสนมหลัน ไอสังหารอันเย็นยะเยือกในแววตาก่อรวมกันราวกับมีดอันแหลมคม

“เจ้า เจ้าคิดจะทำอะไร? เปิ่นกงเป็นสนมของฝ่าบาท เจ้าถึงจะเป็นรัชทายาทก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้!” สนมหลันถูกท่าทางเหี้ยมเกรียมของฟ่งอวี๋เฟยทำเอาตกใจ จนต้องก้าวถอยหลังติดต่อกัน

แต่ฟ่งอวี๋เฟยก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงอันใดยังคงก้าวเท้า เข้าใกล้นางต่อไป “เจ้าคิดว่า ในสายตาของเสด็จพ่อ สนมนางหนึ่งสำคัญหรือว่ารัชทายาทสำคัญ?”

สนมหลันรู้สึกหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด นางก็สัมผัสได้ว่า ฟ่งอวี๋เฟยที่มาเยือนก็ไม่มาเพื่อหักหน้าก่อกวนนางเท่านั้น แต่คิดจะมาสังหารนางจริงๆ!

“เจ้า เจ้าอย่าเข้ามา! ถ้าหากข้าตะโกนเสียงดังจะ ต้องมีคนเข้ามา พอถึงตอนนั้นความผิดโทษฐานที่เจ้าสังหารสนมจะต้องแพร่สะพัดออกไป พอถึงตอนนั้นเจ้า ยังจะเป็นรัชทายาทของเจ้าต่อได้อย่างไร?” สนมหลัน กล่าวข่มขู่ขึ้น

ฟ่งอวี๋เฟยยกยิ้มเยาะที่มุมปาก “เจ้าคิดว่า หลังจากที่เจ้าปฏิบัติกับคนเขาเช่นนั้นแล้ว ยังจะมีใครมาสนใจความปลอดภัยของเจ้าจนเสี่ยงภัยเข้ามาช่วยอีกรึ? หรือเจ้าคิดว่าข้าจะกลัวความผิดฐานสังหารสนมว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรต่อตำแหน่งของข้า? ที่ข้าสังหารก็ไม่ใช่พระสนมนางกำนัลอันใด แต่เป็นศัตรูคู่แค้นที่สังหารมารดาของตน!”

สนมหลันดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ฟ่งอวี๋เฟยเดินขึ้นมาด้านหน้า ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นบีบคอของนาง ยกตัวนางลอยสูงขึ้น

“ปล่อย…ปล่อยข้า…ช่วย…ช่วยด้วย…” สนมหลันดิ้นรนไปมาอย่างทรมาน ดิ้นอยากจะช่วยเหลือตนเอง แต่ก็ไม่สามารถเป็นคู่ต่อกรกับฟ่งอวี๋เฟยได้

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฟ่งอวี๋เฟยก็เดินออกจากตัวตำหนักไป

ด้านล่างบันไดของตัวตำหนัก คุกเข่าอยู่ด้วยเหล่าขันทีและนางกำนัล พวกเขาก็ล้วนเป็นคนที่คอยปรนนิบัติสนมหลัน

ฟ่งอวี๋เฟยปรายตามองไปทางพวกเขาหนหนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นเสียงเรียบ “สนมหลันเกิดคลุ้มคลั่ง บีบคอตัวเองตัวตาย”

พอกล่าวจบ นางก็หันกายเดินจากไปไม่หันกลับมาอีก เหล่านางกำนัลและขันทีพลางมองหน้าสบตากัน อดทอดถอนในใจไม่ได้ รัชทายาทสังหารสนมหลันก็พอทำเนา แต่นี่แม้แต่ข้ออ้างก็ยังขี้เกียจที่จะคิดอีกด้วยรึ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version