Skip to content

พลิกปฐพี 150-1

ตอนที่ 150-1

สวรรค์! นี่มันปีศาจอะไรกัน

ตามตำนาน หม้อผลาญสวรรค์ก็ถือเป็นสมบัติสำคัญประจำโรงโอสถกลาง

มันคลับคล้ายคลับคลาว่าจะมาจากโลกด้านนอก ไม่ใช่ของที่มีอยู่ในหลินชวน เล่าต่อกันมาว่าหัวหน้ารุ่นใดรุ่นหนึ่งของโรงโอสถ วันหนึ่งกำลังเฝ้ามองดวงดาวอยู่ดีๆ อยู่ๆ ก็มีลูกไฟพุ่งลงมาจากฟ้าตกลงไปยังผืนดิน

ตอนนั้นในบริเวณร้อยลี้ที่มันตกลงมาก็ถูกไฟแผดเผาทำลายจนพังพินาศ

ท่านหัวหน้าผู้นั้นตอนรุดไปถึงก็พบเจอหม้อหลอมสีแดงเลือดใบหนึ่ง ด้านบนหม้อหลอมสลักคำว่า ‘ผลาญสวรรค์’ เอาไว้สองคำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหม้อหลอมที่มาจากฟ้าด้านนอกนี้ก็ถูกเรียกว่าหม้อผลาญสวรรค์

ตามที่ได้ฟังมาหากใช้หม้อผลาญสวรรค์ปรุงโอสถไม่เพียงแค่สามารถรักษาไอชีวิตของวัตถุดิบไม่ให้สูญหาย ยังสามารถหลอมโอสถไปถึงขั้นที่ใกล้เคียงกับความบริสุทธิ์ได้

อีกทั้งหม้อผลาญสวรรค์นี้ก็ยังมีความรู้สึกนึกคิด ไม่เพียงแค่สามารถหลบซ่อนตัวตนแต่ยังสามารถเลือกเจ้านายของตัวเองเองได้

หากคนที่ไม่ใช่เจ้านายใช้มันปรุงโอสถแม้แต่จะจุดเตาก็ไม่อาจทำได้

และนอกจากหัวหน้าท่านนั้นที่เป็นคนหาหม้อผลาญสวรรค์เจอแล้ว ราวกับว่าหลังจากนั้นก็จะไม่มีศิษย์ของโรงโอสถหรือผู้อาวุโสถูกมันต้องตาอีกเลย จึงไม่มีวาสนาได้กลายเป็นเจ้านายใหม่ของมัน

นานวันเข้าหม้อผลาญสวรรค์ก็พลันกลายเป็นสัญลักษณ์ของโรงโอสถ ถูกเก็บเอาไว้ในหอเก็บโอสถของโรงโอสถกลาง เฝ้ารักษาอย่างระมัดระวัง

แต่คาดไม่ถึงว่า วันหนึ่งผู้อาวุโสที่กำลังเก็บกวาดหอเก็บโอสถกลับค้นพบเรื่องราวอันตกตะลึง หม้อผลาญสวรรค์ได้หายไป ตอนนั้นก็ส่งผลสั่นสะเทือนไปยังเบื้องบนของโรงโอสถกลาง เพียงแต่ข่าวนี้ไม่ได้เล็ดรอดไปสู่เหล่าศิษย์ก็เท่านั้น

ตรงหน้า หม้อหลอมสีดำมะเมื่อมดูไร้ระดับในมือของมู่ชิงเกอ หลังจากถูกจุดไฟแล้วกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ชั่วขณะนั้นก็สร้างความตกตะลึงให้กลุ่มผู้อาวุโสของสาขาหลัก

“หม้อผลาญสวรรค์! เป็นหม้อผลาญสวรรค์จริงๆ ด้วย!” หลี่เหรินแววตาทอแววอิจฉา ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปยัง ‘เสี่ยวเฮย’ ที่หมุนลอยไม่หยุดอยู่บนฟ้า ในขณะ เดียวกันนั้นเปลือกนอกสีดำก็ลอกออกมาอยู่เรื่อยๆ

“เป็นหม้อผลาญสวรรค์จริงๆ ด้วย!” เซี่ยเทียนอู๋ก็กล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง

หยวนหูขมวดคิ้ว “หม้อผลาญสวรรค์ทำไมถึงอยู่ในมือของเขาได้?”

ชางเอ๋อร์จื่อพลันหลุดออกมาจากความตกตะลึง “เรื่องนี้จะต้องแจ้งให้ท่านหัวหน้าทราบโดยเร็ว” ชั่วขณะนั้น เหล่าผู้อาวุโสก็ต่างแสดงความคิดเห็นของ ตนเอง ความวุ่นวายนี้ก็ค่อยๆ แผ่ขยายออกไปรอบด้าน ไม่ทันไรเหล่าศิษย์ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ก็พลันสัมผัสได้ ถึงความไม่ถูกต้อง

“เหล่าผู้อาวุโสเป็นอะไรไปแล้ว?” มีศิษย์บางคนถามขึ้นอย่างสงสัย

“หม้อผลาญสวรรค์…เจ้าทำไมถึงมีหม้อผลาญสวรรค์?” ในแววตาของจิ่งเทียนก็ฉายแววริษยาและอยากครอบครอง เขากล่าวไปทางมู่ชิงเกออย่างขบเขี้ยว

เคี้ยวฟัน

ศิษย์บางคนบางทีอาจจะเคยได้ยินคำว่าหม้อผลาญสวรรค์คำนี้มาบ้าง แต่ว่าสำหรับเขาที่เป็นศิษย์อันดับหนึ่งของโรงโอสถ ก็เคยมีความวาดหวังอันยิ่งใหญ่ ตอนที่เขาเลื่อนชั้นกลายเป็นนักปรุงยาระดับสูงก็เคยไปเผชิญหน้ากับหม้อผลาญสวรรค์ที่เก็บรักษาเอาไว้ในโรงโอสถ ความต้องการของโรงโอสถกลางนั้นง่ายมากก็คืออาศัยพรสวรรค์ของเขา ก็น่าจะสามารถได้รับความสนใจจากหม้อผลาญสวรรค์ได้

แต่น่าเสียดายนัก หม้อผลาญสวรรค์แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาก็ทำได้เพียงจากมาอย่างทดท้อใจ

ตอนนั้น หม้อผลาญสวรรค์ที่เขาได้พบทั่วทั้งตัวเตาก็เติมไปด้วยสีแดงเพลิง เพียงแค่วางนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นกลับสามารถทำให้คนทุกผู้สัมผัสได้ถึงพลังทำลายล้างฝืนกฎฟ้าอันรุนแรง ทำเอาคนปากแห้งกลืนนํ้าลาย ไหนเลยจะมีรูปลักษณ์น่าเกลียดดำมะเมื่อมอย่างตอนที่มู่ชิงเกอเอาออกมา

เขาไม่ได้หม้อผลาญสวรรค์มา แต่มู่ชิงเกอกลับได้มันมา นี่เป็นการบ่งบอกถึงอะไร?!

“หม้อผลาญสวรรค์?” มู่ชิงเกอกล่าวทวนคำพูดของจิ่งเทียนขึ้นเสียงเบา สายตาที่มองไปยัง ‘เสี่ยวเฮย’ เต็มไปด้วยประหลาดใจ

ท่าทางของเหล่าผู้อาวุโสของโรงโอสถกลางก็ไม่ได้หลุดรอดจากสายตาของนางไป ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของจิ่งเทียนนางก็ยิ่งเห็นได้ชัด ดูท่า ‘เสี่ยวเฮย’ ของนางจะไม่ใช่หม้อหลอมธรรมดาๆ เสียแล้ว

‘ข้าก็ว่าแล้ว! คนที่มีพรสวรรค์เช่นข้า หม้อหลอมที่มีวาสนาต่อกันก็จะไปมีรูปลักษณ์แปลกประหลาดได้เช่นไรกัน?’ คนบางคนรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาสายหนึ่ง นางก็ไม่มีอารมณ์และหน้าที่ที่จะต้องไปไขข้อสงสัยอะไรให้จิ่งเทียน นางจ้องมองไปยังหม้อผลาญสวรรค์ที่ค่อยๆ เผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา แววตากระจ่างใสดุจสายนํ้าก็เจือปนอยู่ด้วยความมหัศจรรย์ใจสายหนึ่ง

หม้อผลาญสวรรค์มีรูปลักษณ์สมมาตร ทั่วทั้งฟื้นผิวมีสีแดงราวกับว่าใช้ลาวาในการหลอมสร้าง เพลิงอสูรที่จุดไฟให้มันก็ถูกกลิ่นไอของมันดับทำลายไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น หม้อผลาญสวรรค์ก็ยังคงมีไฟเร่าร้อนปกคลุมเอาไว้ ความร้อนแรงของเปลวเพลิงนั้นรุนแรงมากราวกับไฟสวรรค์ก็ไม่ปาน

ราวกับว่าผืนฟ้าด้านบนก็ยังค่อยๆ ถูกเผาไหม้กลืนกิน หมู่เมฆสีขาวก็เพราะว่าเปลวเพลิงสายนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเป็นชั้นๆ งดงามประหลาดตานัก

ในตอนที่จุดสีดำจุดสุดท้ายของ ‘เสี่ยวเฮย’ ร่อนลงไปหมดแล้ว ตัวอักษร ‘ผลาญสวรรค’ สองตัวก็พลันปรากฏเด่นชัดขึ้นมา ชั่วขณะนั้นกลิ่นไอดุดันของหม้อหลอมก็พลันพวยพุ่งขึ้น กลิ่นไอดุดันไร้ลักษณ์ที่มีหม้อหลอมเป็นจุดศูนย์กลาง ค่อยๆ แผ่สะท้อนออกไปยังรอบด้านทั้งสี่ทิศ

กลิ่นไอดุดันนั้นก็สะท้อนจนหม้อหลอมของจิ่งเกิดเสียงสะท้อน ‘ตึงตัง’

หม้อหลอมของเขาใบนั้นอยู่ที่โรงโอสถกลางก็นับได้ว่าเป็นของชั้นดี ก่อนหน้าตอนที่หม้อผลาญสวรรค์ยังไม่ได้เผยโฉมที่แท้จริงออกมา มันก็ยังเหมือนหม้อชั้นสูงในหมู่หม้อหลอมด้วยกัน หยิ่งทะนง มีศักดิ์สูงกว่าหม้อทุกใบ

แต่พอมาตอนนี้ ตอนที่มันต้องมาอยู่หน้าหม้อผลาญสวรรค์ก็กลับเอาแต่สั่นไหวไม่หยุด ราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดกำลังถูกผู้อาวุโสทำการต่อว่า

ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ส่งผลให้เพลิงอสูรในหม้อหลอมของจิ่งเทียนดับมอดลง ส่วนผสมที่ก่อนหน้าโยนลงไปพริบตาพลันสลายกลายเป็นผุยผง

โอกาสครั้งแรกของจิ่งเทียนก็ล้มเหลวลงภายใต้การประกาศศักดิ์ดาของหม้อผลาญสวรรค์!

ความล้มเหลวทำเอาสีหน้าของจิ่งเทียนกลายเป็นไม่น่าดูขึ้นอย่างยิ่ง

แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เขาแค้นเคืองมากที่สุดก็คือการที่มู่ชิงเกอครอบครองหม้อผลาญสวรรค์!

“นี่ก็เป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเสี่ยวเฮยรึ?” จ้าวหนานซิงกระซิบกระซาบ ในแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของเขาก็ถูกเพลิงสีแดงฉานของหม้อผลาญ

สวรรค์สะท้อนเข้าใส่จนแดงระเรื่อ

ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์สาขาย่อยที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ยังรวมไปถึงเหมยจื่อจ้งกับซางจื่อซูที่แต่ไหนแต่ไรมา เป็นคนเงียบขรึมก็ยังต่างพากันอยู่ในอาการตกตะลึง จูหลิงก็ตกตะลึงจนต้องเอามือป้องปาก พวกเขาไม่รู้ว่าหม้อผลาญสวรรค์คืออะไร แต่ก็มองออกว่า ‘เสี่ยวเฮย’ ที่มู่ชิงเกอนำออกมานั้นไม่ธรรมดา ไปจนถึงขั้นสัมผัสได้ว่าหม้อหลอมในกระเป๋าจัดเก็บของพวกเขากำลังสั่นสะท้านขึ้นเพราะ ‘เสี่ยวเฮย’ เกิดเสียงดีดสะท้อน ‘ตึงตัง’ ของโลหะดังขึ้น

และแน่นอนว่าไม่เพียงแค่พวกเขา

ณ ตอนนี้เหล่าศิษย์หลายพันคนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ หากเป็นคนที่พกหม้อหลอมอยู่กับตัว ชั่วเวลานี้ก็ล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความไม่สงบของหม้อหลอมของตน

พวกเขาตื่นตระหนกยิ่งนัก คิดอยากควบคุมการเคลื่อนไหวของหม้อหลอมเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล

หม้อผลาญสวรรค์ก็เหมือนกับเป็นเจ้าชีวิตอย่างไรอย่างนั้น น่าเกรงขามสูงศักดิ์หม้อหลอมทั้งหมดพออยู่ต่อหน้ามัน นอกจากยอมสยบแล้วก็ไม่อาจมีทางเลือกอื่นใดได้อีก

ชั่วขณะนั้นเอง หม้อหลอมทั้งหมดที่อยู่ในโรงโอสถ ของศิษย์ของผู้อาวุโส รวมไปจนถึงหม้อหลอมไร้นายที่ถูกเก็บอยู่ในหอเก็บโอสถล้วนแต่พากันสั่นสะเทือนขึ้นเสียง ‘ตึงตัง’ ดังขึ้นติดต่อกันไม่หยุดราวกับจะเป็น เสียงกราบกรานเจ้าชีวิตของพวกมัน

“นี่…นี่มันเรื่องอันใดกัน? หม้อหลอมของข้าทำไมถึงเกิดอาการแปลกประหลาดเช่นนี้ได้?”

“ข้าก็ด้วย!”

“ของข้าก็ด้วย!”

“พวกเจ้าดู พวกผู้อาวุโสก็กำลังพยายามสะกดหม้อหลอมของตัวเองอยู่เช่นกัน!”

“สวรรค์! นั่นจริงๆ แล้วเป็นหม้อหลอมอะไรกันแน่?”

“พวกเราเมื่อครู่ยังหัวเราะเยาะมันอยู่เลย!”

บนอัฒจันทร์ทุกซอกมุมก็ล้วนแต่เกิดความวุ่นวายขึ้นมา พวกเขาต่างพากันสะกดหม้อหลอมของตัวเองมือเป็นระวิง สายตาที่มองดูไปยัง ‘เสี่ยวเฮย’ อีกครั้งก็ต่าง เต็มไปด้วยความยำเกรง สายตาที่มองดูมู่ชิงเกอก็กลายเป็นเต็มไปด้วยความเกรงกลัวขึ้นมา!

จิ่งเทียนกอดหม้อหลอมของตัวเองเอาไว้แน่นใบหน้าบิดเบี้ยวคำรามไปทางมู่ชิงเกอ “มู่ชิงเกอเจ้าคิดจะทำอะไร!”

เขากลัวว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป หม้อหลอมของเขาก็จะต้องกลายเป็นเศษซากเป็นแน่

หากหม้อหลอมไม่เหลือแล้ว แล้วเขาจะหลอมโอสถได้อีกอย่างไร? จะเอาชนะการประลองได้อย่างไร?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version