ตอนที่ 161-4
ฮ่องเต้หญิงเลือกสามีได้เอาแต่ใจนัก!
มู่ชิงเกอเงยหน้ามองไปทางเจียงหลี แต่กลับเห็นว่าข้างกายของนางตอนนี้ก็ปรากฏคมมีดสายนํ้าที่กำลังพุ่งมาทางนาง
มีดสายนํ้าสิบกว่าเล่มปิดเส้นทางถอยหนีของนางเอาไว้ ทำให้นางไม่อาจหลบหนีได้
มู่ชิงเกอพลันวาดสะบัดทวนหลิงหลงออกไป ฟาดทำลายมีดสายนํ้าพวกนั้น ทุกครั้งที่ปะทะเข้ากับสายพลังอันกล้าแกร่งนั้น ล้วนแต่ทำให้นางสามารถสัมผัสได้ ถึงพลังอำนาจที่แฝงไว้อยู่ในมีดสายนํ้า
มีดสายนํ้าถูกฟาดจนแตกกระจายออก แต่ก็ยังมีศรวารีตามเข้ามาแทนที่
ลักษณะการโจมตีเช่นนี้ก็ชวนใหมู่ชิงเกอนึกถึงผู้มีพลังธาตุนํ้าในชีวิตครั้งก่อนของตน และแน่นอนความสามารถของพวกเขาก็ไม่อาจเทียบเคียงกับเจียงหลีได้
มู่ชิงเกอพุ่งหลบการโจมตีของศรวารี พร้อมกับวาดทวนพุ่งไปทางเจียงหลี!
เคล็ดวิชาทวนของนางก็ไม่ได้มีท่วงท่าอันใดมากมาย แต่ร้ายกาจเกินเปรียบปาน แฝงไว้ด้วยกลิ่นไออันดุดันที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า ถ้าหากที่เจียงหลีใช้คีอพลังแห่งผืนนํ้า เช่นนั้นที่นางใช้ในตอนนี้ก็คือ พลังแห่งผืนดิน
พลังอันดุดันสองสายพลันพุ่งปะทะเข้าหากันที่กลางอากาศอย่างรุนแรง
เคล็ดวิชาทวนของมู่ชิงเกอก็เหมือนกับจะทะลวงไปถึงตรงหน้าเจียงหลีได้
เจียงหลีตื่นตระหนกจนต้องเร่งรีบถอยหนี รอบกายพลันปรากฏนํ้าทะเลสีนํ้าเงินเข้มขึ้น ด้านหนึ่งหลบหลีกการโจมตีของมู่ชิงเกอ อีกด้านหนึ่งใช้ท่าโจมตี
นางก็เหมือนกับจะคิดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาทวนของมู่ชิงเกอจะเฉียบคมเช่นนี้ ร้ายกาจจนผู้คนต้องรู้สึกหนาวยะเยือก
เจียงหลีเบี่ยงกายหลบอย่างทุลักทุเล หลบปลายทวนที่เน้นจุดตายของมู่ชิงเกอ
นางรวบรวมสติตั้งใจขึ้น นิ้วมือทั้งสิบประสานกันไปมา ขยับไหววูบจนกลายเป็นคาถาที่แปลกประหลาดสายหนึ่ง ทันใดนั้นเองบนตัวของนางก็ปรากฏไอนํ้าขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ควบรวมกันจนปรากฏเป็นเงาอสรพิษยักษ์ ด้านหลังของนาง
หางงูด้านล่างกายของนางก็ยิ่งเปล่งแสงสีนํ้าเงินวาววับขึ้น ความกดดันอันกล้าแกร่งสายหนึ่งและพลันพุ่งออกมาจากตัวนาง
เงาอสรพิษยักษ์ก็พลันอ้าปากกว้างออก เผยให้เห็นเขี้ยวพิษอันแหลมคมทั้งสองซี่คู่นั้น
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองไป พอต้องอยู่ต่อหน้าเงาร่างอสรพิษยักษ์นั่น นางก็ชัดเจนว่าดูเล็กจ้อยลงไปทันตา
“ฟ่ออ—–!”
เงาอสรพิษมายาร้องขู่คำรามออกมาเสียงหนึ่ง มันย่อกายลงก่อนจะพุ่งไปทางมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอในมือถือทองหลิงหลง พุ่งสวนไปทางหัวงูยักษ์อย่างไม่เกรงกลัว
ทันใดนั้นเองนางก็พลิกหมุนกายเป็นวงกลม ยิ่งมายิ่งรวดเร็ว ราวกับสว่านก็ไม่ปานพุ่งเข้าไปปะทะกับงูยักษ์
ผู้คนรอบด้านก็จ้องมองจนพากันตกตะลึง ในแววตาเต็มไปความไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้ที่มาดูเรื่องสนุก กลับได้มาชมการประลองอันดุเดือดสนามหนึ่งแทน
มู่ชิงเกอที่เปลี่ยนกลายเป็น ‘หัวสว่าน’ พุ่งทะลวงเข้าไปใต้คางของงูยักษ์ ก่อนจะพุ่งออกมาจากศีรษะด้านบน เงาอสรพิษมายาก็ไม่ได้มีเลือดไหลทะลักออกมา แต่ เป็นเจียงหลีที่อดไม่ที่จะต้องร้องเจ็บปวดขึ้นเสียงหนึ่ง มู่ชิงเกอพอกระโดดไปถึงหัวด้านบนก็พลิกกายง้างเท้าเตะลงไปแรงๆ หัวงูถูกกระแทกจนเอียงตกลงไป พร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวดที่ดังขึ้น
สีหน้าของเจียงหลีก็ยิ่งซีดขาวไปอีกหลายส่วน แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้ ขบริมฝีปากแน่น โคจรพลังที่มากกว่าเดิม ส่งเข้าไปในตัวของงูยักษ์ งูยักษ์พลันยกหัวร้องคำรามขึ้นอีกครั้ง พุ่งโจมตีไปทางมู่ชิงเกอ
แรงกดดันรอบกายของเจียงหลีก็กลายเป็นแข็งกร้าวขึ้นมา ประชาชนแคว้นกู่วู่จำนวนไม่น้อยก็รับแรงกดดันนี้ไม่ไหวจนต้องเอามือกุมหน้าอก สีหน้าซีดขาวคุกเข่าลงไปกับพื้น
“พวกเขาเป็นอะไรแล้ว?” มู่เหลียนหรงมองไปทางชาวกู่วู่ที่มีท่าทางทรมานพวกนั้นด้วยแววตาไม่เข้าใจ
เซวียเฉียวที่เหมือนกับว่าจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับแคว้นกู่วู่มากกว่ามู่เหลียนหรง เขาก็เลยกล่าวอธิบายขึ้นเสียงขรึม “ในร่างกายของผู้คนแคว้นกู่วู่ล้วนแต่ไหลเวียนอยู่ด้วยสายเลือดของสัตว์อสูร ขอเพียงเป็นเผ่าสัตว์อสูรก็จะไม่มีทางทนความกดดันของระดับชั้นทางสายเลือดได้ ตอนนี้ฮ่องเต้หญิงแคว้นกู่วู่กำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง แรงกดดันที่อยู่ในกายก็เลยแผ่พุ่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ความกดดันทางสายเลือดเช่นนี้ ก็ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกครองแคว้นกู่วู่ชนิดหนึ่ง ถ้าหากไม่สามารถหลุดพ้นจากแรงกดดันทางสายเลือดได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถต่อต้านผู้นำของตนได้”
การอธิบายของเขาก็ทำให้พวกของมู่เหลียนหรงมีความเข้าใจขึ้นมาส่วนหนึ่ง
ถึงแม้พวกนางจะได้รับผลกระทบจากแรงกดดันทางสายเลือดของเจียงหลีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีทางเทียบได้กับหนึ่งในสิบของผู้คนแคว้นกู่วู่ ดังนั้นพวกนางก็เลยยังพอทนรับได้อยู่
แรงกดดันทางสายเลือดบนตัวของเจียงหลีก็พวยพุ่งออกมาไม่หยุด
มู่ชิงเกอก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พุ่งปะทะมาจากด้านหน้าของตน
และในตอนนั้นเอง บนไข่สีรุ้งที่ตั้งนิ่งเงียบอยู่ในช่องว่างของนางมาโดยตลอด อยู่ๆ ก็เปล่งแสงเจิดจ้าขึ้น ทำเอาเหมิงเหมิงกับหยวนหยวนที่เฝ้าไข่ใบนั้นไว้พากันกระโดดตกใจกันขึ้นมา
“โอ้—! เจ้าไข่นี่ขยับแล้ว! จะมีตัวอะไรโผล่ออกมาหรือไม่?” นิ้วมือป้อมๆ สั้นๆ ของหยวนหยวนชี้ไปทางไข่เจ็ดสีใบนั้น กล่าวเสียงตระหนก
เหมิงเหมิงจ้องมองไปทางเขาด้วยท่าทางของผู้ทรงภูมิ “เจ้าตาฝาดหรือเปล่า! บางทีอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ที่สาดมาแล้วทำให้เกิดแสงสะท้อนก็ได้ มันก็ยังนิ่งสนิทอยู่นี่ ขยับที่ไหนกัน?”
ทันใดนั้นเองหยินเฉินที่นอนหลับตาพักผ่อนอยู่ไม่ไกลก็พลันชันกายลุกขึ้น นัยน์สีแดงเลือดทั้งสองข้างเปิดออก ในแววตาทอแววกังวลใจขึ้นสายหนึ่ง
ในพวกมันสามตนก็มีเพียงมันที่เป็นสัตว์อสูร แน่นอนว่าสำหรับความกดดันของระดับชั้นทางสายเลือดแล้วมันก็ต้องสัมผัสถึงได้อย่างชัดเจน
“ช่างเป็นพลังกดดันที่กล้าแกร่งนัก!” หยินเฉินกล่าวเสียงตกตะลึง
มันก็อยากจะรู้มากว่านายหญิงกำลังต่อกรอยู่กับผู้ใด ทันใดนั้นเอง พลังกดดันอีกสายหนึ่งก็พลันแผ่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้น ไข่สีรุ้งก็คงเหมือนกับว่าศักดิ์ศรีของตนกำลังถูกท้าทาย อยู่ๆ ก็สั่นไหวขึ้นมา พลังกดดันไร้ลักษณ์ก็พลันแผ่พุ่งออกมา ก่อนจะขยายวงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว
หยินเฉินก็สัมผัสถึงมันได้ก่อนเป็นตัวแรก นัยน์ตาของมันทอดมองไป แต่กลับถูกพลังกดดันอันดุดันนั้นกดจมลงไปกับพื้น ร้องเสียงเจ็บปวดขึ้นเสียงหนึ่ง
พลังกดดันสายนั้นก็แผ่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งทะลวงการเชื่อมโยงระหว่างมู่ชิงเกอกับช่องว่างออกไปตรงๆ แผ่พุ่งออกไปจากหว่างคิ้วของนาง มู่ชิงเกอเพียงแค่รู้สึกว่าทั่วร่างเกิดอาการชาขึ้นมาส่วนหนึ่ง
แต่พลังกดดันที่แผ่พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของนางสายนั้น ก็ยังคงพุ่งตรงออกไปปะทะเข้ากับพลังกดดันของเจียงหลีอย่างดุดัน จนเกิดเป็นเสียงระเบิดกัมปนาทขึ้นมา เสียงระเบิดนั้นก็ราวกับจะดังสะท้อนไปทั่วทั้งแคว้นกู่วู่
“อั๊ก!”
เจียงหลีกระอักเลือดออกมาอึกหนึ่ง ร่างบางพลันร่วงตกลงไปที่พื้นด้านล่าง
ในตอนที่ตัวของนางร่วงกระแทกไปบนพื้น หางงูของนางก็เปล่งแสงไหววูบขึ้นแวบหนึ่ง ก่อนจะคืนสภาพกลับเป็นขาคู่ของคน เกล็ดบนร่างของนางกับใบหู
แหลมเรียวก็กลับไปสู่สภาพเดิม
“ฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาท!”
เหล่าขุนนางหญิงพากันวิ่งกรูกันเข้าไป เข้าไปตรวจอาการของเจียงหลี
“แค่ก แค่ก” เจียงหลีมือกุมไปที่หน้าอก ภายใต้การประคับประคองของขุนนางหญิงลุกยืนขึ้น สีหน้าของนางค่อนข้างสลับซับซ้อนมองไปทางมู่ชิงเกอที่ค่อยๆ ร่อนกายลงมาที่พื้น กล่าวเสียงราบเรียบว่า “ข้าแพ้แล้ว”
กฎของการประลอง ใครตกจากพื้นก่อนคนผู้นั้นก็ถือว่า พ่ายแพ้
ในครั้งนี้ก็เป็นนางที่ตกถึงพื้นก่อน ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ทำเอาฝูงชนพากันอื้ออึงขึ้น เพราะว่าการประลองครั้งนี้ก็จบลงอย่างกะทันหันและรวดเร็วเกินไป แต่ว่าในใจของพวกเขาก็เข้าใจดี ทั้งสองต่างก็ไม่ได้ใช้กระบวนท่าสังหารอันใดออกมา
การประลอง ไม่ว่าอย่างไรก็คือการประลอง
“ชนะแล้ว! ชิงเกอชนะแล้ว!” มู่เหลียนหรงกล่าวอย่างยินดี ตื่นเต้นจนท่าทางเหมือนกับเด็กอย่างไรอย่างนั้น
เซวียเฉียวก้มหน้ามองไปทางนาง แววตาทอแววรักใคร่ขึ้นรางๆ
พอเห็นมู่ชิงเกอชนะได้แล้ว ซางจื่อซูที่เอามือกุมหน้าอกไว้โดยตลอดถึงค่อยผ่อนคลายลง ถอนหายใจโล่งอกออกมา
“ฝ่าบาท นี่ถือว่าไม่นับ! เขาโกงการประลอง!” ขุนนางหญิงกล่าวอย่างไม่ยินยอม
โกง?
โกงยังไง?
ในหมู่ฝูงชน ในส่วนของคนต่างแดนที่มาท่องเที่ยวสีหน้าล้วนแต่งุนงง แต่ในส่วนของผู้คนชาวแคว้นกู่วู่กลับมีแต่สีหน้าคับข้องขุ่นเคือง
มู่ชิงเกอนิ่งเงียบ แต่ในความเป็นจริง ความคิดของนางก็กำลังติดต่อกับพวกเหมิงเหมิงอยู่ เมื่อครู่ก็มีพลังสายหนึ่งที่ไม่ใช่ของตนปรากฏขึ้น จัดการเจียงหลีจนพ่ายแพ้ ตรงจุดนั้นนางเองก็รู้ดี และนางก็รู้อย่างชัดเจนว่าพลังส่วนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าตน ทั้งมันยังแผ่พุ่งออกมาจากตัวนาง
ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังสายนี้ปรากฏขึ้น ในท้ายที่สุดนางก็ต้องเป็นฝ่ายชนะเจียงหลีอยู่ดี แต่วิธีการในการได้รับชัยชนะในครั้งนี้กลับทำให้นางรู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เจียงหลียอมรับอย่างซื่อตรงว่า ตนเองนั้นแพ้แล้ว
‘เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น?’ มู่ชิงเกอถามขึ้น
เหมิงเหมิงกับหยวนหยวนก็เหมือนกับเด็กน้อยที่ทำความผิดอย่างไรอย่างนั้น ยกมือขึ้นก่อนจะชี้ไปทางไข่ยักษ์สีรุ้งอย่างพร้อมเพรียงกัน ตอบกลับไป ‘เป็นไข่ใบ นั้น ไม่ใช่พวกเราที่ทำ!’
“พูดให้ชัดเจน” มู่ชิงเกอเลิกคิ้วพลางกล่าวขึ้น
หยินเฉินก็พลันยืนขึ้นมา กล่าวกับมู่ชิงเกอว่า ‘เจ้านาย ให้ข้ากล่าวก็แล้วกัน น่าจะเป็นการต่อสู้ของเจ้านายก่อนหน้า ที่กระตุ้นให้ไข่ใบนี้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมา ภายใต้การท้าทายของฝ่ายตรงข้าม เลยโต้ตอบกลับด้วยพลังกดดันทางสายเลือด การใช้พลังกดดันทางสายเลือดในหมู่สัตว์อสูรก็ถือว่าเป็นการหลู่เกียรติกัน สายเลือดชั้นสูงก็ไม่มีทางยอมให้สายเลือดที่ระดับชั้นตํ่ากว่ามาท้าทายต่อหน้าของตนได้ ดังนั้นมันถึงได้ลงมือสั่งสอนคนด้านนอกผู้นั้น’
มู่ชิงเกอตกตะลึง การกล่าวถึงระดับชั้นทางสายเลือดของสัตว์อสูรนั้นนางก็เคยรู้มาบ้าง ที่นางตกตะลึงก็คือ สายเลือดของเจ้าไข่สีรุ้งใบนี้กลับมีความสูงศักดิ์กว่าสายเลือดบนตัวของเจียงหลี! นี่ก็จะหมายถึงสิ่งใดได้กันเล่า? ก็คือนางได้ของดีมาแล้ว!
‘ถึงว่าทำไมเจ้าสุนัขเฒ่าของสำนักหมื่นอสูรพวกนั้นถึงคิดอยากได้มันอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น!’ มู่ชิงเกอกล่าวในใจ
“ฝ่าบาท เป็นเขาที่หยิบยืมพลังของสัตว์วิญญาณแล้วทำการลอบโจมตี นี่ชัดเจนว่าเป็นการโกง ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่อาจนับได้!” ขุนนางหญิงจ้องมองไปทางมู่ชิงเกอด้วยท่าทางคับข้องใจ ท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันนั้นก็ราวกับว่าอยากจะกินเลือดเนื้อของนางก็ไม่ปาน
มู่ชิงเกอตอนนี้ก็ได้จบบทสนทนากับหยินเฉินลงแล้ว เตรียมจะกล่าวว่าผลการประลองครั้งนี้ไม่ต้องนับ แต่ก็ได้ยินเจียงหลีกล่าวขึ้นมาก่อน “แพ้ก็ถือว่าแพ้ไปเถอะ ทำไมจะต้องคิดเล็กคิดน้อยด้วย? ถึงต่อให้ไม่มีกระบวนท่านี้ แล้วยังต่อสู้กันต่อไป ข้าก็ยังคงแพ้อยู่ดี”
คำกล่าวของนางก็ทำให้มู่ชิงเกอต้องปิดปากลงอีกครั้ง
แต่ว่าคำกล่าวประโยคต่อไปของเจียงหลีกลับยิ่งทำให้นางตกใจจนตาเกือบจะพุ่งถลนออกมา
เจียงหลีกล่าววาจาขึ้นด้วยท่าทางอันอ่อนหวาน ”เอาเถอะ ข้าแพ้แล้ว ข้าก็จะทำตามคำมั่นปล่อยตัวพวกเขาไป แต่ว่าเจ้าก็จะต้องรั้งอยู่ รั้งอยู่เป็นสวามีของข้า! ข้า ชอบเพียงคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น!”