Skip to content

พลิกปฐพี 164-1

ตอนที่ 164-1

ปิดประตูปล่อยหยวนหยวน!

บนถนนเมืองเจียงเฉิง เมื่อสามวันก่อนตามบ้านและอาคารทุกหลังก็ได้ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ผ้าสีแดง เต็มไปหมด

แม้แต่บนถนนสายหลักก็ยังใช้พรมแดงชั้นดีปูพื้นตกแต่งได้อย่างหรูหราและงดงามนัก แต่ก็ไม่ได้ขาดซึ่งความอ่อนหวานที่แสดงถึงความรักแต่อย่างใด พวกชาวเมืองต่างพากันยืนอยู่สองข้างทางอย่างรู้หน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองของแคว้นกู่วู่หรือว่าคนต่างแดนที่เดินทางมาท่องเที่ยว ในวันอันเป็นมงคลวันนี้พวกเขาก็ล้วนแต่พากันถือดอกไม้สีสด ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มยินดี

เกี้ยวบุปผาที่ประดับดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากพระราชวัง บ่าวสาวนั่งอยู่ในตัวเกี้ยว รูปลักษณ์อันต้องตา ก็เหมือนกับคู่ที่ฟ้าสรรค์สร้างให้มาคู่กัน

คนหามเกี้ยวก็มีอยู่ประมาณสิบกว่าคน

และคนที่เดินอยู่ทางฝั่งขวาด้านหน้าสุด บนร่างก็สวมอยู่ด้วยชุดผ้าสีแดงชั้นดี ดูงดงามและสูงศักดิ์กลิ่นไอโดดเด่นเหนือผู้คน

คาดว่าจุดสนใจที่ผู้คนพากันจับจ้องมากที่สุดนอกจากคนบนเกี้ยวบุปผาแล้ว ก็ต้องเป็นเขาแล้ว

เขาเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน ราวกับว่าอยากจะให้คนบนเกี้ยวบุปผาได้รับคำอวยพรมากขึ้นอีกหน่อย ผู้คนทั้งสองข้างทางก็เหมือนกับจะเป็นไปตามที่เขาต้องการ เอาดอกไม้สดในมือโยนกันไปทางเกี้ยวบุปผา ใช้การอวยพรเช่นนี้ส่งให้คู่บ่าวสาวบนเกี้ยวบุปผาจนมืดฟ้ามัวดิน

สายลมเบาๆ พัดโชยมา พัดกลีบดอกไม้บนพื้นพัดโชยขึ้น พัดมันส่งมาทางเกี้ยวบุปผา แต่แล้วในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มในชุดผ้าสีแดงอยู่ๆ ก็หยุดลงอย่างกะทันหัน สีหน้ากลายเป็นนิ่งขรึม เส้นผมที่ลู่ตกไปตามโครงหน้าของเขา ก็ถูกลมพัดจนปลิวสยายออกไป กลีบดอกไม้ที่หมุนวนอยู่ตามสายลมพุ่งผ่านมาทางเส้นผมของเขา ก่อนที่มันจะตัดเส้นผมของเขาจนขาดไปหลายเส้นในทันใด

ชายหนุ่มในชุดสีดำด้านหลังเขาพอเห็นเข้า นัยน์ตาก็ทอแววดุดันขึ้นมาในทันใดจิตสังหารพลันปรากฏขึ้นมา อย่างรวดเร็ว

พรึบ พรึบ พรึบ—–!

ทันใดนั้นเอง ชายชุดดำคลุมหน้าคลุมตาหลายร้อยคนก็พลันปรากฏกายขึ้น ในมือถือยุทธภัณฑ์ชั้นจิตวิญญาณ พุ่งดาหน้ากันออกมาจากฝูงชน ไม่รอให้คนไต่ถามพุ่งโจมตีไปทางเกี้ยวบุปผาในทันใด

การเปลี่ยนแปลงที่มาอย่างกะทันหันเช่นนี้ก็ทำเอานัยน์ตาของมู่ชิงเกอกลายเป็นเย็นยะเยือกขึ้น หน่วยองครักษ์เขี้ยวมังกรที่หามเกี้ยวบุปผาอยู่ก็พากันหยิบอาวุธของตนออกมา

มั่วหยางมองไปทางมู่ชิงเกอรอคอยเสียงคำสั่งของนาง

รอบด้านพลันตกอยู่ในความโกลาหลเพราะว่าคนชุดดำที่เต็มไปด้วยจิตฆ่าฟันพวกนี้ปรากฏกายขึ้น เหล่าองครักษ์วังหลวงที่เฝ้าคุ้มกันอยู่ตลอดทาง ด้านหนึ่งล้อมกรอบเข้ามาป้องกันรอบด้านของเกี้ยวบุปผา ด้านหนึ่งดึงคนผู้หนึ่งส่งไปรายงานสถานการณ์ที่วังหลวง ภานในตัวเกี้ยวรอยยิ้มของมู่เหลียนหรงก็พลันแข็ง ค้างอยู่ตรงมุมปาก ท่าทางตื่นตระหนก ส่วนเซวียเฉียวสีหน้ากลับกลายเป็นเยียบเย็นลง แววตาทอประกายเกรี้ยวกราดขึ้นมา

งานแต่งงานของเขา กลับต้องมาถูกโจรชั่วช้ากลุ่มนี้ทำลายลงได้!

“เหลียนหรง เจ้ารอข้าอยู่นี่ก่อน” เซวียเฉียวกล่าวว่า พร้อมกับเตรียมจะลงจากตัวเกี้ยว ออกไปลงมือสั่งสอน

แต่ว่าเสียงของมู่ชิงเกอกลับดังขึ้นมาในเวลาเดียวกัน “อาเขย ได้ยินมาว่ามันก็ไม่ค่อยเป็นมงคลนักหากลงจากเกี้ยวในตอนที่ยังไม่ถึงจุดหมาย ท่านก็รออยู่บนเกี้ยวบุปผาเป็นเพื่อนอาหญิงไปก่อนเถิด เรื่องที่เหลือมอบให้ข้าจัดการก็ได้แล้ว”

“ชิงเกอ” มู่เหลียนหรงเรียกขึ้นอย่างกังวลใจเสียงหนึ่ง มู่ชิงเกอจ้องเขม็งไปทางคนชุดดำกลุ่มนั้นยิ้มเยาะขึ้น ก่อนจะกล่าวไปทางมู่เหลียนหรง “อาหญิงไม่มั่นใจในตัวข้าหรือ?”

ระหว่างที่พูด ซางจื่อซูก็ได้วิ่งจากด้านหลังมาถึงข้างกายของมู่ชิงเกอแล้ว เตรียมต่อกรศัตรูด้วยกันกับนาง ส่วนคนชุดดำพวกนั้นแม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่กล่าว ง้างอาวุธพุ่งกรูกันเข้ามา

สายตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปยังยุทธ์ภัณฑ์ระดับจิตวิญญาณในมือของพวกเขา ก่อนจะยิ้มหยันขึ้น “กลุ่มอำนาจที่สามารถนำเอายุทธภัณฑ์ระดับจิตวิญญาณ จำนวนมากมายออกมาใช้ได้ในคราเดียวเช่นนี้ บริเวณใกล้ๆ ก็คงมีเพียงหอหลอมศาสตราสาขาย่อยเพียงเท่านั้น ทำไมจะต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ให้อับอายผู้คนด้วย?”

คำกล่าวของนางก็เหมือนกับจะไปยั่วโทสะของผู้นำของกองกำลังกลุ่มนี้เข้า เขาพลันพุ่งทะยานเข้าใส่มู่ชิงเกออย่างดุดัน

มู่ชิงเกอเบี่ยงกายหลบได้อย่างสบายๆ ในขณะเดียวกันก็สวนออกไปหมัดหนึ่ง พุ่งชกตรงๆ ไปที่อกของคนผู้นั้น ชกจนเขาลอยกระเด็นออกไป

ในขณะเดียวกัน คานหามของตัวเกี้ยวก็ยังคงนิ่งสนิทไม่ มีการสั่นไหวแม้แต่น้อย

คนชุดดำคนอื่นก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน ปะทะชุลมุนเข้ากับพวกมั่วหยางและองครักษ์วังหลวง ในขณะที่มั่วหยางเตรียมจะวาดดาบฟันออกไป มู่ชิงเกอก็มองเห็นเข้าพอดี เปิดปากกล่าวว่าเสียงเรียบ “วันนี้เป็นวันมงคลของอาหญิง ไม่ควรเห็นเลือด”

คนชุดดำที่เกือบจะจบชีวิตลงภายใต้คมดาบของมั่วหยาง พอได้ฟังแล้วพลันโล่งอก นึกว่าตัวเองจะสามารถรอดพ้นอันตรายถึงชีวิตครั้งนี้ได้

ในตอนที่เขาเห็นว่าคู่ต่อสู้ของตนเชื่อฟังเก็บดาบลงไป ในใจก็ยิ่งหัวเราะเสียงบ้าคลั่งขึ้น ยิ้มเยาะไปทางเด็กหน้าขาวทั้งสองคนที่มีจิตใจอ่อนแอราวอิสตรี

ในเมื่อพวกเขาไม่อยากเห็นเลือด เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจแล้ว เขาพลันอาศัยจังหวะนั้นส่งกระบวนสังหารพุ่งออกไป

แต่มั่วหยางก็ไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัว มือข้างหนึ่งหามเกี้ยว ร่างกายเบี่ยงหลบอยู่กับที่ อ้อมไปทางด้านหลังของคนผู้นั้น ก่อนจะใช้ข้อแขนล็อคคอของเขาไว้ แล้วใช้แรงบิดออกไป

เสียงก๊อกดังขึ้นเสียงหนึ่ง ลำคอของคนผู้นั้นถูกบิดจนหัก เลือดสักหยดไม่มีให้เห็น ขนาดตายไปแล้วก็ยังตายตาไม่หลับ

มู่ชิงเกอมองดูด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น พูดกล่าวว่าในใจ

‘โง่งม ไม่เห็นเลือดก็ไม่ได้ความว่าจะฆ่าคนไม่ได้’

เช่นเดียวกันเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรต่างก็พากันใช้วิธีการที่ไม่เห็นเลือด ทำการเก็บชีวิตของศัตรูไปอย่างเงียบเชียบ พอได้ยินข่าวองครักษ์เขี้ยวมังกรที่เหลืออยู่ก็รุดมาถึงได้ทันเวลา พากันเข้าสู่สนามรบอย่างรวดเร็ว และเช่นเดียวกันใช้วิธีสังหารโดยไม่เห็นเลือดอย่างไม่ต้องนัดหมาย

เซวิยเฉียวก็มองดูจนดวงตาเบิกกว้าง กล่าวว่ากับมู่หรงเหลียน “คนของหลานชายเจ้าพวกนี้มีความเป็นมาเช่นไรรึ? อายุยังน้อย แต่ แต่ละคนพอจะคิดสังหารคนขึ้นมา กลับไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย อีกทั้งยังลงมือได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว”

มู่เหลียนหรงกล่าวว่าอย่างภาคภูมิใจ “พวกเขาก็เป็นองครักษ์ประจำตัวของหลานชายข้า เป็นเขาที่ฝึกขึ้นมาเองกับมือ แน่นอนว่าจะต้องร้ายกาจ!”

เซวียเฉียวฟังดูจนปากยื่นออกมา ในตอนที่มองไปทางมู่ชิงเกออีกครั้งก็เห็นเข้ากับนางที่เพิ่งจะเอาชีวิตคนไปอีกชีวิตหนึ่ง ท่าทีที่ดูผ่อนคลายเช่นนั้นก็ทำให้เขาอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้

ระดับพลังของซางจื่อซูก็ไม่นับว่าสูงมาก แต่ก็ยังเป็นศิษย์ของโรงโอสถ ในระหว่างที่มู่ชิงเกอรับมือกับศัตรู นางก็บดยาพิษส่วนหนึ่งก่อนจะสาดมันออกไปทางคนชุดดำพวกนั้นตรงๆ ลดแรงกดดันของหน่วยองครักษ์เขี้ยวมังกรไปได้บางส่วน

เพราะว่าเกี้ยวบุปผาไม่อาจร่วงตกลงพื้นได้ ดังนั้นพวกองครักษ์เขี้ยวมังกรก็เลยต้องใช้มือหนึ่งหามเกี้ยว อีกมือหนึ่งจัดการศัตรู

ตัวเกี้ยวก็เหมือนกับเรือลำน้อยท่ามกลางมหาสมุทรก็ไม่ปาน สั่นไหวไปมาไม่หยุด ส่ายไปทางนู้นทีส่ายไปทางนั้นที

ฝูงชนรอบด้าน มีส่วนหนึ่งถอยหนีออกไปไกล แต่ก็มีส่วนหนึ่งกลับอยู่เฝ้าดูท่าทางลังเล

“ใครบังอาญมาก่อเรื่องในถิ่นของข้า!” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงๆ หนึ่งสะท้อนออกมาจากที่ห่างไกล เงาร่างของเจียงหลีพุ่งเข้ามาจากที่ไกลๆ

พวกชาวเมืองแคว้นกู่วู่ที่มุงดูอยู่พวกนั้น ก็พากันกลายเป็นตื่นตัวกันขึ้น

“ฝ่าบาทมาแล้ว!”

“ฝ่าบาททรงกริ้วแล้ว! พวกเราช่วยกันจัดการพวกกากเดนพวกนี้ที่โผล่ออกมาทำลายงานแต่งเร็วเข้า!”

“ได้ ระวังด้วยว่าอย่าให้เห็นเลือด!”

ชาวเมืองแคว้นกู่วู่ก็พุ่งเข้ามาร่วมวงด้วยตรงๆ ช่วยเหลือพวกมู่ชิงเกอจัดการศัตรู

แต่เดิมคนของหอหลอมศาสตราก็ได้เปรียบเพราะมีจำนวนมากกว่า

ด้วยเหตุที่พวกมู่ชิงเกอต้องแบกเกี้ยว และต้องสังหารคนโดยไม่เห็นเลือด ก็เลยดูค่อนข้างเปลืองแรงนัก แต่ว่า หลังจากที่เจียงหลีและชาวเมืองแคว้นกู่วู่พากันร่วมวงเข้ามาแล้ว รูปการณ์ก็พลันเปลี่ยนไปเป็นตรงกันข้ามในทันใด ทำเอาคนชุดดำถูกสังหารลงจนถอยร่นไปไม่หยุด จนดูเหมือนกับว่าไม่จำเป็นต้องให้พวกมู่ชิงเกอลงมืออีกแล้ว

การลอบสังหารกลายเป็นถูกล้อมกรอบไล่สังหารอยู่กลางถนน กลายเป็นเป้าหมายของฝูงชน นี่ก็เป็นสิ่งที่หอหลอมศาสตราไม่ได้คาดถึงมาก่อน

พวกเขาถูกตีจนต้องเอามือกุมหัววิ่งวุ่นกันไปทั่ว ฝ่ายหัวหน้าที่ตอนแรกถูกมู่ชิงเกอชกไปหมัดเดียวจนกลายเป็นบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ก็ทำได้เพียงร้องคำรามขึ้นไปทางเจียงหลี “ฮ่องเต้หญิงแซ่เจียง นี่เป็นการสะสางความแค้นส่วนตัว ท่านกับพวกเขาก็ไม่เกี่ยวข้อง ทำไมจะต้องสอดมือด้วย!”

“สามหาว! เรื่องของเขาก็คือเรื่องของข้า! แล้วอีกอย่างพวกเจ้ากลับกล้ามาทำการอุกอาจในงานแต่งงานที่ข้าจัดขึ้นด้วยตัวเอง นี่ก็ถือเป็นการหักหน้าข้า หากมาถึงขั้นนี้แล้วข้ายังไม่ออกหน้า เจ้าคิดว่าข้าอารมณ์ดีมากหรือไร!” เจียงหลีด่าออกไปชุดหนึ่ง

คนของหอหลอมศาสตราสีหน้ากลายเป็นซีดขาว ทำได้ พียงออกคำสั่งถอยกลับ

“คิดหนีรึ?” เจียงหลีคิดอยากจะรุดตามไป แต่กลับถูกมู่ชิงเกอรั้งตัวเอาไว้ “ให้พวกเขาไป”

“เจ้า!” เจียงหลีมองไปทางนาง ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจอย่างรุนแรง

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะขึ้นเสียงหนึ่ง “ก็แค่พวกหมูโง่กลุ่มหนึ่ง อย่าได้ให้พวกเขามาทำลายเรื่องสำคัญ รอจัดการเรื่องสำคัญเสร็จแล้ว หากพวกเขาไม่มาก็จะเป็นข้าที่จะไปหาพวกเขาเอง ”

เจียงหลีวาดแขนเสื้อออกไป สบถขึ้นเสียงหนึ่ง “ที่เจ้าพูดก็ถูก ไม่ควรให้หนูสกปรกพวกนี้มาทำลายงานรื่นเริงงานแต่ง เริ่มต่อได้…!” นางพลันวาดมือออกไป ศพชายชุดดำยี่สิบกว่าศพที่ตกอยู่ก็พลันถูกลากออกไป

เกี้ยวบุปผาเคลื่อนตัวไปตามถนนต่อไป เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง เจียงหลีก็ร่วมขบวนไปด้วยตัวเอง การกระทำเช่นนี้สำหรับแคว้นกู่วู่แล้วก็ถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version