ตอนที่ 190-1
องครักษ์เขี้ยวมังกรไม่เคยก้มหัวให้ใคร!
ก๊าซ—–
เสียงดังแสบแก้วหูดังสะท้อนขี้นในป่าต้นอู๋ถง สัตว์ยักษ์ขนาดมหึมาบนฟ้าก็กำลังพุ่งเข้ามาตามยอดไม้ มันเป็นสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นงูมีตัวเป็นนก กรงเล็บ คล้ายอินทรีหางยาวคล้ายเฟิ่งหวง* หัวงูทั้งสองกัดรัดใส่ กัน ลิ้นสองแฉกแกว่งกวัดไปมา ในปากไหลหยดด้วยพิษที่มีอันตรายถึงชีวิต บนหลังมีปีกคู่หนึ่ง ระหว่างที่มัน กระพือก็เกิดเป็นลมกรรโชก พัดวนไปมาในป่าต้นอู๋ถง พิษที่มีความร้ายกาจถึงชีวิตพวกนั้นก็เหมือนกับสายฝน ร่วงโรยลงมาก็ไม่ปาน ขอเพียงมันตกลงไปบนต้นไม้ใบหญ้า พวกมันก็จะกลายเป็นเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นของเหลวเละกองหนึ่ง
ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวนเกรงก็ไม่ใช่แค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกนี้ แต่ยังเป็นพิษร้ายของมัน
บนพื้นคนประมาณหนึ่งร้อยคนก็พากันวิ่งทะยานอย่างสุดชีวิต
ขนนกบนปีกก็หลุดพุ่งออกมาดุจศรอันแหลมคมก็ไม่ปานพุ่งแทงไปยังกลุ่มคนที่วิ่งหนีอยู่บนพื้น
มีคนไม่ทันระวังถูกปักโดนเข้าไป แต่ก็ทำได้เพียงให้เพื่อนที่อยู่ด้านข้างช่วยพยุงเอาไว้วิ่งหนีเอาชีวิตรอดต่อไป
คนที่ฉลาดหน่อยก็จะสามารถดูออกได้ว่าถ้าหากไม่มีองครักษ์เขี้ยวมังกรของมู่ชิงเกอค่อยป้องกันอยู่ด้านหลังอย่างสุดชีวิต คนพวกนี้ก็คงจะกลายเป็นกองของเหลว
ไปนานแล้ว
ระหว่างองครักษ์เขี้ยวมังกรสิบกว่าคนนั้นก็ประสานรับกันอย่างดี สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับใช้กรีเนทลันเชอร์ในการป้องกัน พุ่งทะลุผ่านของเหลวพิษกับศรขนนก ยื้อเวลาเจ้าตัวประหลาดบนท้องฟ้าเอาไว้ช่วยยื้อเวลาหนีเอาชีวิตรอดของคนอื่น มู่ชิงเกอดวงตาทั้งสองข้างหรี่เล็กลง ในนัยน์ตาก็เหมือนจะพ่นไฟออกมาได้
เสียงร้องยินดีที่ได้พบเจอคนของพวกเขาเหล่านั้นก็ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา
นางพลันสะกิดเท้าขึ้นไป ทะยานขึ้นไปกลางอากาศ สีหน้าแววตาดุดัน เสื้อสีแดงสดโบกสะบัด โบกมือวาดออกไปหยิบเอากรีเนทลันเชอร์เล็งไปทางตัวประหลาด สองหัวตัวนั้น ก่อนจะกระหนํ่ายิงออกไประลอกหนึ่ง
“ก๊าซ—–!” สัตว์ประหลาดตัวนั้นไม่ทันระวังโดนยิงเข้าใส่ ร้องคำรามเกรี้ยวกราดออกมาเสียงหนึ่ง
เสียงปืนที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็ทำเอาเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรที่โต้กลับกันอย่างยากลำบาก ในใจเกิดยินดีขึ้นมา
พวกเขาก็มองไปยังเสาหลักที่อยู่ในใจของพวกเขา แต่กลับเห็นว่าบนใบหน้าอันงามลํ้าของนางในตอนนี้ก็ได้ปกคลุมไปด้วยชั้นนํ้าแข็งชั้นหนึ่ง “มองอะไรรีบเล็งโจมตีไปที่หัวของมัน”
พอเสียงสั่งการของนางดังขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ทำการยื้อยุดกับสัตว์ประหลาดหรือองครักษ์เขี้ยวมังกรหนึ่งร้อยกว่านายที่ตามนางมา ก็ไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย พากันดึงเอากรีเนทลันเชอร์ขึ้นมา เล็งมันไปทางสัตว์ประหลาดที่อยู่บนฟ้า ก่อนจะลั่นไกปืน ‘ปัง ปัง ปัง’ ดังขึ้น
กรีเนทลันเชอร์นั้นก็ใช้พลังที่แปลงมาจากแก่นอสูรในการโจมตี พลังพวกนั้นพอกระทบไปที่ตัวของสัตว์ประหลาดหัวงู ก็ใช้ไม่ได้ผลเหมือนกับพวกมารโลหิตใน หุบเหวมารโลหิตเท่าไรนัก
ผิวภายนอกของสัตว์ประหลาดยักษ์ก็แข็งเหนียวทนทานมาก
การโจมตีของกรีเนทลันเชอร์พอกระทบไปที่เกล็ดของมัน ก็ทำได้เพียงปรากฏประกายไฟเล็กๆ ออกมาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นการระดมโจมตีเช่นนี้ก็สามารถหยุดยั้งความเร็วของสัตว์ประหลาดหัวงูได้สำเร็จ ทำให้มันไม่อาจแบ่งสมาธิไปทำอย่างอื่นได้
นี่ก็ทำให้พวกที่กำลังหลบหนีมีโอกาสในการหนีรอดไปได้
พวกจ้าวหนานซิงพอเห็นเช่นนั้น ก็เร่งรีบสั่งการให้คนที่เหลือออกไปช่วยคนที่กำลังหลบหนีพวกนั้น
“คุณชาย สัตว์เดรัจฉานตัวนี้ก็หนังเหนียวนัก ปืนกรีเนทลันเชอร์ไม่อาจเจาะทะลุการป้องกันของมันได้” มีองครักษ์เขี้ยวมังกรงเงยหน้าขึ้นมากล่าวกับมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอแววตาหรี่เล็กลง สีหน้าเย็นยะเยือกดุจนํ้าแข็ง
นางเก็บกรีเนทลันเชอร์ของตัวเองกลับ ก่อนจะกล่าวสั่งการไปทางองครักษ์เขี้ยวมังกร “โจมตีต่อไป” หลังจากนั้นก็หันไปกล่าวกับเจียงหลี “คุ้มกันข้า”
ทั้งสองคนส่งสายตาให้แก่กัน เจียงหลีก็พลันเข้าใจความต้องการของนาง
นางพยักหน้าแรงๆ หนหนึ่ง มือทั้งสองข้างสะบัดพลิก เสาวารีจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีไปทางสัตว์ประหลาดหัวงู พลังของเสาวารีพวกนั้นก็ไม่น้อย สัตว์อสูรหัวงูร้องคำรามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด สยายปีกออกปัดป้องตัวมัน
อาศัยจังหวะนี้มู่ชิงเกอก็กระโดดทะยานขึ้นไป เงาร่างอยู่กลางอากาศก็เหมือนกับผีเสื้อกำลังร่ายรำ เหินทะยานไปทางสัตว์ประหลาดหัวงู
เจียงหลีนัยน์ตาสว่างวาบ เสาวารีในมือก็ยิ่งมากขึ้น บดบังการมองเห็นของสัตว์ประหลาดหัวงู
ส่วนบนพื้น องครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งสองกลุ่มก็พลันรวมตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเล็งโจมตีไปทางสัตว์อสูรหัวงูอย่างพร้อมเพรียงกัน
มู่ชิงเกอก็กระโดดพลิ้วไหวไปมาในอากาศ ค่อยๆ เข้าไปใกล้สัตว์อสูรหัวงู
ทันใดนั้นเองบนนิ้วชี้บนมือขวาของนาง ก็ปรากฏแสงวาววับขึ้นสายหนึ่ง ทวนหลิงหลงที่อยู่ในรูปปลอกนิ้ว หวนคืนลู่สภาพเดิม ถูกนางกำเอาไว้ในมือ ก่อนพุ่งเล็งมันไปทางหัวของสัตว์ประหลาดหัวงูแล้วแทงเข้าไป นางก็ยังคงใช้กระบวนท่าไม้ตายในเคล็ดวิชาทวนที่ติดมากับทวนหลิงหลงอย่างทวนดูดวิญญาณ รวมพละกำลังนับพันจวิน**ไปที่ปลายหอก ในระหว่างที่สัตว์ประหลาดตื่นตระหนก ก็แทงทะลุเกราะปองกันของมัน แทงลึกเข้าไปในเนื้อของมัน
“ก๊าซ—–!” สัตว์ประหลาดหัวงูร้องเจ็บปวดขึ้นเสียงหนึ่ง
หัวกะโหลกถูกแทงทะลุ ไม่ว่ามันจะร้ายกาจมากเพียงไหน ก็ทำได้เพียงกลายเป็นศพศพหนึ่ง ร่วงตกลงจากกลางอากาศ
ทวนหลิงหลงในมือของมู่ชิงเกอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง กลายเป็นปลอกนิ้วบนนิ้วชี้มือขวาของนางตามเดิม
นางร่อนลงจากกลางอากาศราวกับราชันย์ที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์กลิ่นไอดุดันดูน่าเกรงขามเป็นยิ่งนัก
ในระหว่างที่ชายผ้าโบกสะบัดร่อนลง ก็ทำเอาผู้คนไม่กล้าจ้องมองตรงๆ เกิดความรู้สึกยำเกรงไหลแล่นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
คนพวกนั้นที่สุดท้ายสามารถรอดพ้นจากอันตรายออกมาได้ก็ล้วนแต่พากันจับจ้องมู่ชิงเกออย่างตกตะลึง มองนางค่อยๆ ร่อนลงจากกลางอากาศอย่างนิ่งอึ้ง ร่อนลงไปยืนบนซากศพของสัตว์ประหลาด
นางยกมือทั้งสองข้างไพล่หลัง บนหน้างดงามเลิศลํ้ากลับเย็นเยียบอย่างหาใดเปรียบมิได้ทั่วร่างพุ่งโชยด้วยไอสังหาร…
จิ่งเทียนที่ยืนอยู่ในกลุ่มคนก็นิ่งอึ้งมองไปทางนาง
ราวกับจะสัมผัสได้อีกครังว่าระหว่างพวกเขาสองคนก็ไม่มีอะไรที่สามารถเปรียบเทียบได้ ความโดดเด่นของมู่ชิงเกอก็สามารถกลบกลืนแสงดาวอื่นๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าเขาจะโดดเด่นมากเพียงไร ขอเพียงไปปรากฏอยู่ตรงหน้ามู่ชิงเกอ เขากับความธรรมดาสามัญก็จะไม่มีอันใดแตกต่างกัน
จากช่วงเวลานี้เป็นต้นไป จิ่งเทียนก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า มู่ชิงเกอก็ไม่ใช่คู่แข่งของเขาอีกต่อไป แต่เป็นการคงอยู่ของคนที่เขาได้แต่ไล่ตาม
ในป่าอู๋ถงก็กลายเป็นเงียบเชียบจนน่ากลัว
เหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรที่รวมตัวเข้าด้วยกันขยับเดินมาทางด้านหน้าของมู่ชิงเกอ ชันเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวร้องเรียกขึ้นเสียงพร้อมเพรียงกัน “คุณชาย!”
“ชีวิตของพวกเจ้าเป็นของข้า เป็นใครที่มอบความอาจหาญให้พวกเจ้า ให้ไปปกป้องคนอื่นอยู่ด้านหลังกัน?” มู่ชิงเกอกวาดตามองไปทางองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ คุกเข่าอยู่บนพื้นสีหน้าเย็นเยียบ
“พวกเจ้าล้วนแต่คิดว่าตัวเองเก่งกาจมากใช่หรือไม่?”
คำพูดนี้ของนางพอกล่าวออกไป คนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ก็พลันนิ่งชะงัก
สำหรับองครักษ์เขี้ยวมังกร พวกเขาก็รู้ว่าคุณชายของพวกเขากำลังโมโห โมโหในการกระทำของพวกเขาที่อาจจะนำพามาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรง!
แต่สำหรับคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากองครักษ์เขี้ยวมังกรให้หนีรอดมาได้ในใจของพวกเขาก็พลันเกิดความไม่พอใจขึ้นมา
หญิงนางหนึ่งของตระกูลฮวาก็อดไม่ได้ที่ก้าวออกมากล่าววาจา “พวกเขาก็แค่บ่าวรับใช้ ปกป้องพวกเราแล้วยังไง? เจ้าจะมาทำขึงขังทำไมกัน?”
นางพอเปิดปาก อุณหภูมิรอบด้านก็พลันลดตํ่าลงไปอีกหลายส่วน
แววตาคมกริบดุจใบมีดของมู่ชิงเกอก็พลันกวาดมองออกไป ราวกับว่าจะสามารถสังหารคนได้อย่างไร้ร่องรอย
“ช่างเป็นหมูโง่ที่รนหาที่ตาย!” เจียงหลีกล่าวเย้ยหยันขึ้น เสียงกดตํ่า
“ใครที่กล่าววาจา?” มู่ชิงเกอคำรามขึ้นเสียงเย็น
“เป็นข้า!” หญิงสาวของตระกูลฮวาผู้นั้นก็ไม่สนใจการห้ามปรามของมิตรสหาย ก้าวยืนออกมา เงยหน้าเชิดอก มองไปทางมู่ชิงเกอ นางกล่าวว่าสีหน้าหยิ่งทะนง “ในเมื่อพวกเขามีความสามารถนี้ทำไมถึงไม่ให้มาปกป้องพวกเรา? หรือว่าองครักษ์ที่พวกเจ้าแคว้นระดับสามฝึกฝนจะเห็นแก่ตัว เป็นคนชั้นตํ่าที่เอาแต่หลบหนีสนใจแต่ความปลอดภัยของตัวเอง?”
มู่ชิงเกอค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น แต่รอยยิ้มนั้นกลับเย็นยะเยือกดุจนํ้าแข็ง
ท่าทางเช่นนี้ของนาง สำหรับคนที่สนิทกับนางก็ล้วนแต่รู้ ว่านี่เป็นการบ่งบอกว่านางกำลังโกรธ
จ้าวหนานซิง ฟ่งอวี๋เฟย เจียงหลีสามคนต่างพากันถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่ได้นัดหมาย
แม้แต่จิ่งเทียนก็ยังบังคับให้คนในตระกูลที่มีความเกรี้ยวกราดบางส่วนสงบอารมณ์เอาไว้ ยืนอยู่ด้านข้างดูชมเรื่องราว
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถแล้วทำไมยังจะต้องฝืนเข้ามาเพื่อถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นด้วย? ชีวิตของเจ้าถือว่าเป็นชีวิต แล้วชีวิตขององครักษ์ข้าไม่ใช่ชีวิตงั้นรึ?” ประโยคเสียงเย็นเยือกของมู่ชิงเกอกลับทำเอาเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกรที่ชันเข่าอยู่ ฟังจนขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมา
พวกเขาก็ไม่ได้อยากจะปกป้องคนพวกนี้ แต่เป็นเพราะรวมตัวอยู่ด้วยกัน ภายใต้อันตราย พวกเขาก็เลยออกหน้ารับผิดชอบในการป้องกันไปตามสัญชาตญาณ
มาตอนนี้ พอได้ฟังคำพูดของคนที่พวกเขาปกน้อง กับฟังคำพูดของคุณชายของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกโชคดีอีกครั้งที่ติดตามเจ้านายถูกคน
คุณชายถึงแม้จะกำลังโมโห กำลังด่าว่าพวกเขา แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังเป็นห่วงพวกเขา
แต่เหล่าสตรีของตระกูลฮวาพวกนั้นที่ดูเหมือนว่าจะทวงความเป็นธรรมให้แก่พวกเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่ได้เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
* เฟิ่งหวง นกเทพในตำนานจีนโบราณ
** จวิน มาตราชั่งนํ้าหนักจีนโบราณ 1 จวินเท่ากับ 15 กิโลกรัมโดยประมาณ