ตอนที่ 192-4
กลุ่มสุนัขเฒ่าที่หน้าด้าน
ภายในช่องว่างแห่งการทดสอบ หลานเฟยเยว่กับคนของตระกูลหลานอีกสิบกว่าคนล้วนล้วงเอาถุงผ้าของตนเองออกมา
ถุงนี้มู่ชิงเกอดูแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ
เพียงแต่นางยังไม่ทันได้คิดว่าเคยเห็นที่ไหน ก็เห็นว่าหลานเฟยเยว่กับคนอื่นๆ เปิดถุงออกมา จากด้านในนั้น มีเงาร่างหลายสายพุ่งทะยานออกมา——————
ทันใดนั้น กองกำลังของตระกูลหลานก็เพิ่มขึ้นมาอีกห้าสิบกว่าคน
จากเดิมที่ตระกูลหลานมีหนึ่งร้อยคน กลับมีเพิ่มอีกสามสิบสี่สิบคน ตอนนี้ก็เพิ่มมาอีกห้าสิบกว่าคนรวมกันแล้ว มีประมาณสองร้อยคน
ที่สำคัญก็คือ หลังจากที่มู่ชิงเกอและเจียงหลีเห็นเหล่าคนที่ออกมาจากถุงแล้วนัยน์ตาของพวกนางก็พลันหดตัวลง
มู่ชิงเกอรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งจากตัวพวกเขา
ส่วนเจียงหลีกลับจำสถานะของพวกเขาได้ “คนเหล่านี้เป็นผู้อาวุโสที่ไม่ยุ่งเรื่องภายนอกของสำนักหมื่นอสูร เหตุใดจึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้!”
ประโยคนี้ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอเกิดความเชียบเย็นขึ้นมา
คนที่สามารถเป็นถึงระดับผู้อาวุโสแห่งสำนักหมื่นอสูรได้ ดูเฮยมู่ก็สามารถเดาได้ว่า อย่างน้อยก็ต้องอยู่ระดับพลังชั้นสีม่วงขึ้นไป ส่วนภายในพวกเขาก็มีสามสี่คนที่ให้ความรู้สึกห่างไกลจากไอพลังที่นางสัมผัสได้จากเฮยมู่ พลังที่ลึกลํ้ายากหยั่งถึง
เช่นนั้นก็มีเพียงแค่ความเป็นไปได้เดียว คนเหล่านี้คือผู้แข็งแกร่งชั้นกักเก็บ!
ส่วนที่เหลืออีกสิบกว่าคน กวาดตามองแวบเดียวก็สามารถมองเห็นถึงความสามารถที่แท้จริงได้ ตํ่าสุดก็อยู่ระดับพลังชั้นสีม่วงชั้นต้น ส่วนสูงกว่านั้นก็มีพลังระดับเดียวกันกับเฮยมู่
ในตอนนี้เอง ในบรรดาคนของตระกูลหลานก็มีไอความแข็งแกร่งพวยพุ่งขึ้นมา
มู่ชิงเกอและคนอื่นๆ มองไป ก็เห็นไอพลังที่พวยพุ่งมาจากสามสิบสี่สิบคนนั้น
ในกลุ่มคนเหล่านี้ก็มีสิ่งที่เหมือนกันกับสามลี่คนก่อนหน้านี้ ให้ความรู้สึกที่ลํ้าลึกยากหยั่งถึงแก่คน ดูเหมือนว่าล้วนแต่อยู่ภายในระดับพลังชั้นสีม่วง
อยู่ดีๆ ก็มีคนระดับพลังชั้นสีม่วงออกมามากมาย ทำให้คนของแคว้นระดับสองล้วนแต่สูดหายใจลึกเข้าไป
ในคำเล่าขานผู้แข็งแกร่งระดับพลังชั้นสีม่วงนั้นหาได้ยากยิ่ง แต่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร? นี่เป็นการรวมตัวของผู้แข็งแกร่งระดับพลังชั้นสีม่วงทั้งหมดของแผ่นดินหลินชวนงั้นหรือ?
“คนของหอหลอมศาสตรา!” เจียงหลีเอ่ยเสียงเยียบเย็นออกมา
เหล่าคนที่พลังเปลี่ยนไปนี้ ดูเหมือนว่าลักษณะก็ดูเปลี่ยนไป ส่วนโหลวเสวียนเถี่ยที่เขาคุ้นเคยก็อยู่ในนั้น มองมาที่มู่ชิงเกอแล้วยิ้มอย่างเยียบเย็น
มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง แววตาฉายแววเคร่งขรึม
แควก—–! แควก—–
เสียงฉีกขาดดังเข้ามา ศิษย์ของตระกูลหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลานเฟยเยว่ฉีกใบหน้าปลอมออก เผยให้เห็นถึงใบหน้าที่แท้จริง
“หลานกัง!” คนในนั้นหลังจากที่เฉินปี้เฉิงมองเห็นแล้ว แววตาก็วาววาบพ่นคำออกมา
“หลานกัง?!” ได้ยินถึงชื่อนี้สีหน้าของฮวาฉินฉินก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างมาก “อัจฉริยะด้านพลังอันดับหนึ่งของตระกูลหลานรุ่นก่อน เล่ากันว่าสิบปีก่อนเขาก็ ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นกักเก็บแล้วและออกจากหลินชวนไป คิดไม่ถึงว่า เขาจะยังอยู่ในตระกูลหลาน ซ่อนตัวอยู่เป็นสิบปี”
“หลานกังไม่เคยไปจากตระกูลหลาน เพียงแต่เก็บตัวฝึกวิชาก็เท่านั้น ห้าปีก่อนข้าเคยประลองกับเขา พ่ายแพ้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่า หลังจากนั้นถึงได้สร้าง ทักษะสงครามของตนเองได้” เฉินปี้เฉิงเอ่ยแนะนำหลานกังให้คนอื่นๆ ฟังด้วยนํ้าเสียงที่ดูเคร่งขรึมจริงจัง
ความจริงแล้วเขาแนะนำให้มู่ชิงเกอฟัง
เพราะว่าเท่าที่เขาดู คนของฝั่งพวกเขานี้ นอกจากตนเอง แล้วก็มีเพียงมู่ชิงเกอเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับหลานกังได้ แพ้หรือชนะนั้นยากที่จะพูดถึง
นอกจากหลานกังยังมีคนอื่นๆ ของตระกูลหลาน มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นคนมีความสามารถที่ตระกูลหลานล้วนแต่ประกาศออกมาว่าไม่ได้อยู่ในตระกูลหรือไม่ก็ตายไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในตระกูลหลาน ตลอดเวลาลอบให้ความคุ้มครองโดยไม่ได้จากไปไหน
ภายในคนหนึ่งร้อยคนของตระกูลหลาน นอกจากคนที่ปลอมตัวเป็นชนรุ่นหลังของตัวเองแล้ว คนที่อยู่ในรุ่นเยาว์จริงๆ ก็มีไม่ถึงห้าสิบคน
กำลังของทั้งสามฝ่าย มีระดับพลังชั้นสีม่วงมากกว่าร้อย ทั้งยังมีแปดเก้าคนที่อยู่ชั้นกักเก็บ ซึ่งเพียงพอที่จะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างและกวาดล้างไปทั่วทั้งหลินชวน ตอนนี้ เป้าหมายเพียงอย่างเดียวที่คนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก็เพียงเพราะต้องการต่อกรกับมู่ชิงเกอ!
ภายในคนที่ฉีกใบหน้าปลอมออก มีสองคนที่ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับมู่ชิงเกอ
เป็นเฮยมู่และไท่สื่อเกา
ทั้งสองคนเดินออกมา ยืนอยู่กับกลุ่มยอดฝีมือของสำนักหมื่นอสูร ไท่สื่อเกาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “มู่ชิงเกอ คิดไม่ถึงใช่หรือไม่?”
หลังจากที่เขาหายดีแล้วก็เก็บตัวไม่ออกมาอีกเลย ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะกลัวมู่ชิงเกอแต่เป็นเพราะรอคอยวันนี้!
การปรากฏตัวของไท่สื่อเกาทำให้มู่ชิงเกอคิดออกในทันใดว่าถุงผ้าที่ถูกพวกของหลานเฟยเยว่เอาออกมานั้นไม่ใช่ถุงเก็บของธรรมดา แต่เป็นกระเป๋าจัดเก็บที่สำนักหมื่นอสูรทำขึ้นมาเพื่อใช้เก็บสัตว์อสูรวิญญาณโดยเฉพาะ!
คนของสำนักหมื่นอสูรเหล่านี้ เพื่อที่จะต่อกรกับนาง ก็ลอบเข้ามาในช่องว่างแห่งการทดสอบ ทั้งยังยินยอมที่จะลดเกียรติของตนซ่อนในถุงที่ใช้เก็บสัตว์อสูรวิญญาณ!
คนของสำนักหมื่นอสูรใช้หลานเฟยเยว่และคนของตระกูลหลานเพื่อเข้ามาในช่องว่าง เช่นนั้น คนของหอหลอมศาสตราละ? เหตุใดจึงออกมาก่อน?
ดูเหมือนว่าจะเป็นเพราะเข้าใจความสงสัยของมู่ชิงเกอ ไท่สื่อเกาเอ่ยออกมาอย่างได้ใจว่า “เพื่อที่จะเล่นงานเจ้า สำนักหมื่นอสูรของพวกเรากับหอหลอมศาสตรา แล้วก็ยังมีผู้อาวุโสของตระกูลหลานก็ถึงกับลงทุนลำบากลำบนกันเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่ว่ากระเป๋าเก็บสัตว์อสูรวิญญาณที่พวกเรานำมานั้นมีไม่พอ เจ้าคิดว่า คนที่จะมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตเจ้าจะมีเพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ?”
จากคำพูดของเขา มู่ชิงเกอก็ฟังออกแล้ว คนของหอหลอมศาสตราก็อาศัยในกระเป๋าเก็บสัตว์อสูรวิญญาณของสำนักหมื่นอสูรแล้วถูกคนของตระกูลหลานนำเข้ามาเช่นเดียวกัน
แต่ที่พวกเขาปรากฏตัวออกมาก่อนก็น่าจะเป็นเพราะไม่เข้าใจในเคล็ดวิชาของสำนักหมื่นอสูรไม่อาจจะอยู่ในถุงเก็บสัตว์อสูรวิญญาณได้นาน หลังจากเข้ามาในช่องว่างแล้วก็ออกมาเลย
“มู่ชิงเกอ ตอนนี้มีคนเหล่านี้อยู่ เจ้ายังคิดว่าเจ้ายังจะสามารถหนีได้อีกไหม? ทางที่ดีเจ้ารีบเอาของที่พวกเราต้องการออกมา ไม่แน่อาจจะสามารถตายได้สบายกว่า เดิม” โหลวเสวียนเถี่ยหัวเราะอย่างดุร้าย
มู่ชิงเกอขบริมฝีปากไม่พูดไม่จา หว่างคิ้วเผยร่องรอยของความหนักใจ
สงครามในครั้งนี้เป็นการต่อสู้ที่มีความห่างชั้นมากที่สุด นับตั้งแต่ที่นางได้เกิดใหม่บนโลกนี้ เป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน!
แม้ว่าจำนวนคนของนางจะมีมากแต่ด้านกำลังรบนั้น…
ถึงแม้ว่าองครักษ์เขี้ยวมังกรจะมีพัฒนาการขึ้นมามาก แต่หากจะให้พวกเขาต่อกรกับเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานเหล่านี้แล้ว ก็ยากที่จะสู้ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนของแคว้นลี่และแคว้นอวี๋ที่เพิ่งจะผ่านระดับพลังชั้นสีคราม
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอกวาดมองไปรอบหนึ่ง คนที่ยืนอยู่หลังนางอยู่ภายใต้การกดดันของสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ทุกคนล้วนแต่หายใจติดขัด สีหน้าซีดขาว
“เป็นอย่างไร? จิ่งเทียน เฉินปี้เฉิง ฮวาฉินฉิน ตอนนี้ดูสภาพเช่นนี้แล้วรู้สึกเสียใจกับทางเลือกของพวกเจ้าใช่หรือไม่?” หลานเฟยเยว่ยิ้มเยาะ
เฉินปี้เฉิงนิ่งไม่ตอบ ฮวาฉินฉินใบหน้าซีดขาว สองขาสั่นไม่หยุด สีหน้าของจิ่งเทียนก็ดูไม่น่าดูเป็นอย่างมาก เส้นขนมีเหงื่อเย็นซึมออกมา
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหลานเฟยเยว่แล้ว เขากลับเม้มริมฝีปากแน่นไม่พูดจา
การต่อสู้ในครั้งนี้ช่องว่างของพลังห่างเกินไป! มิน่า หลานเฟยเยว่ถึงได้มั่นใจถึงขนาดนี้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันตายของมู่ชิงเกอ!
“หรือว่าข้าเลือกผิดไปแล้ว?” หัวของจิ่งเทียนเกิดความลังเลแวบขึ้น
แต่ว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็ยังยืนยันทางเลือกของตนเอง เพียงแต่เขาลอบเอายันต์เคลื่อนย้ายมาไว้ในมือ เตรียมพร้อมเอาไว้
การเคลื่อนไหวของเขา มู่ชิงเกอมองเห็นแล้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในความเป็นจริง หากนางไม่ใช่เป้าหมายของคนกลุ่มนี้
เมื่อพบเจอเหตุการณ์เช่นนั้นนางก็เลือกที่จะจากไปโดยไม่หันกลับมา
การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่มีร่องรอยของชัยชนะเลย
“ทุกคนใช้ยันต์เคลื่อนย้ายออกไป!” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
จ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยตกตะลึงมองที่นางพร้อมกัน
เจียงหลีเข้าใจความคิดของมู่ชิงเกอรีบอธิบายว่า “ที่นี่ พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ ออกจากที่นี่พวกเขาก็ลงมือได้ไม่สะดวกแล้ว!”
ดูเหมือนว่าในทันทีที่มู่ชิงเกอพูดจบ คนของฝั่งนางทุกคน ก็ล้วนแต่ลอบเอายันต์เคลื่อนย้ายมาไว้ในมือ
หลังจากที่เจียงหลีอธิบายจบ ทุกคนก็ได้สติรีบฉีกยันต์เคลื่อนย้ายในมือทันที
แต่ว่าคนของฝั่งตระกูลหลาน กลับมองที่พวกเขาด้วยสีหน้าที่ดูดุร้าย ไม่ได้คิดที่จะลงมือหยุดยั้ง
แควก! แควก!
สองเสียงผ่านไป ร่างของฮวาฉินฉินกับจิ่งเทียนหายไป
แต่คนอื่นๆ ล้วนแต่อยู่ที่เดิม
มู่ชิงเกอมองเศษกระดาษของยันต์เคลื่อนย้ายในมือตนเองอย่างตกตะลึง คนของฝั่งพวกเขาล้วนแต่ไม่ได้ถูกส่ง ออกไปส่วนเฉินปี้เฉิงที่อยู่ต่อก็เป็นเพราะไม่ได้ฉีกยันต์เคลื่อนย้ายตั้งแต่แรก
“พวกเขาเล่นตุกติกกับยันต์เคลื่อนย้ายของพวกเรา!” เจียงหลีกัดฟันเอ่ยอย่างแค้นเคือง
มู่ชิงเกอ เงยหน้ามองขึ้นไปทางฝั่งตระกูลหลาน ใบหน้างดงามเยือกเย็นดุจนํ้าแข็ง เต็มไปด้วยความแข็งกร้าว อีกฝ่ายวางแผนทีละขั้นบีบจนนางต้องเข้าสู่เส้นทางแห่งความตาย ทำให้นางต้องสู้ตายเท่านั้น!
ส่วนตอนนี้ แคว้นระดับสองทั้งสามแคว้นที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกได้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้เกินกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้นำแต่ละฝ่ายสบตากัน ล้วนแต่ค่อยๆ เอายันต์เคลื่อนย้ายออกมา
หากว่าหลุดออกจากการควบคุมเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะออกไปในทันที
ถึงแม้ว่าแผ่นป้ายจะสำคัญ แต่ก็ไม่สำคัญไปกว่าชีวิตของตนเอง
หลานเฟยเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มู่ชิงเกอ เจ้ายังคิดจะหนีอีกหรือ? เจ้ารู้หรือไม่? เพื่อป้องกันเจ้าหนีและหยุดยั้งไม่ให้มีใครมาช่วยเจ้า พวกเราก็ได้ ลำบากลำบนสิ้นเปลืองทรัพยากรช่วยเจ้าเลือกสุสานแห่งนี้เพื่อฝังกระดูกเจ้า!”