ตอนที่ 194-1
จนมุมในเพลิงผลาญ!
ภายในสุสานเทวะ การต่อสู้ที่หลากหลายพัวพันเข้าด้วยกันจนไม่มีใครสามารถอยู่รอดปลอดภัยคนเดียวได้
เงามายาของสัตว์ร้ายไม่ได้ปรากฏขึ้นอีกแล้ว คนที่กำลังต่อสู้ก็ไม่มีใครสังเกตสุสานเทวะรวมทั้งช่องว่างเลยว่ามันกำลังสั่นไหว ท้องฟ้าเกิดรอยแตกร้าว
ปัง ปัง—–!
เสียงระเบิดดังขึ้น เงาร่างสองสายแยกออกจากกันในทันที
สายหนึ่งถอยไปหนึ่งก้าว ส่วนอีกคนถอยไปหลายร้อยก้าว
การต่อสู้ที่สับสนวุ่นวายรอบด้านดูเหมือนว่าจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนทั้งสอง
หลานกังไพล่มือไว้ด้านหลัง จ้องมองเฉินปี้เฉิงที่ถูกเขาโจมตีจนต้องถอยออกไปหลายร้อยก้าวตาเขม็ง ตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่ก็ยังคงแสดงท่าทางที่ไม่ยอมแพ้เช่นเดิม
“ห้าปี การพัฒนาการของเจ้าช่างทำให้คนตะลึงจริงๆ” หลานกังเอ่ยด้วยท่าทีที่เรียบเฉย
ในความเป็นจริง ในใจของเขานั้นตกตะลึงอย่างบ้าคลั่ง
ห้าปีก่อนหน้านี้พลังของเฉินปี้เฉิงเป็นอย่างไรนั้นเขารู้ดี จากนั้นเขากลับใช้เวลาเพียงห้าปีก็สามารถก้าวกระโดดจนมาถึงขั้นนี้ได้ไม่เพียงแต่สามารถต่อกรกับเขาได้เกินร้อยกระบวนท่าแต่ยังสามารถทำให้ร่างกายของเขามีบาดแผลได้
มือขวาที่ถูกหลานกังไพล่ไว้ด้านหลังนั้น มีรอยบาดที่กลางมือ หลานกังใช้พลังจิตหยุดเลือดเปลี่ยนมันเป็นรอยสีชมพูสายหนึ่ง การควบคุมร่างกายของผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บไม่มีทางที่ผู้มีระดับพลังขั้นสีม่วงจะเทียบได้ ดังนั้นเมื่อมองจากจุดนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บหากไม่สามารถจบชีวิตพวกเขาในกระบวนเดียวได้ ก็จะยากที่จะตกตายได้ง่ายๆ ก็เป็นเช่นนี้ พลังที่เฉินปี้เฉิงสูญเสียไปเพื่อทำให้เกิดบาด แผลบนมือของหลานกังกลับถูกฟื้นฟูได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามการฟื้นฟูนี้ก็แตกต่างจากการรักษาตัวเองของมู่ชิงเกอและเหล่าองครักษ์เขี้ยวมังกร ของมู่ชิงเกอและองครักษ์เขี้ยวมังกรนั้นเป็นเพราะการดัดแปลงทางพันธุกรรมที่ทำให้ร่างกายเมื่อได้รับบาดเจ็บแล้วจะทำการซ่อมแซมตัวเอง ส่วนผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มีขั้นกักเก็บขึ้นไปนั้นจะอาศัยพลังจิตที่มีของตนเองฟื้นฟู ดังนั้นอีกวิธีหนึ่งที่จะฆ่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บก็คือทำร้ายเขาไปเรื่อยๆ ลดทอนพลังจิตของเขา รอจนพลังของ เขาใกล้หมดแล้วค่อยลงมือโจมตีเอาชีวิต
เพียงแต่ว่า นี่เป็นกลวิธีทางทฤษฎีซึ่งไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้จริง
อย่าเพิ่งพูดถึงความแตกต่างระหว่างพลังจิตของขั้นกักเก็บและระดับพลังขั้นสีม่วง แค่ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บมีบาดแผลได้ก็เป็นปัญหาหนึ่งแล้ว
ถ้าหากพูดว่าพลังจิตของผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บนั้นเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง เช่นนั้นพลังจิตของระดับพลังขั้นสีม่วงก็เป็นเพียงแค่นํ้าถังหนึ่งเท่านั้น ขั้นกักเก็บนั้นเป็น เหมือนสายนํ้าไหล ความห่างขั้นระหว่างระดับพลังทั้งเจ็ดที่ตํ่ากว่าระดับพลังขั้นสีม่วงนั้นยังมีโอกาสใช้ยุทธภัณฑ์ช่วยส่งเสริมให้เทียมเท่ากันได้ แต่ว่าความ แตกต่างระหว่างพลังจิตของขั้นกักเก็บและระดับพลังขั้นสีม่วงนั้นก็คือความแตกต่างที่แท้จริงของระดับพลัง
สำหรับคนปกติแล้วระดับพลังชั้นสีม่วงก็คือเทพแล้ว แต่สำหรับระดับพลังชั้นสีม่วงแล้ว หากมีเหล่าปีศาจเฒ่าชั้นกักเก็บอยู่ด้านหน้า พวกเขาก็เป็นดุจดั่งมดตัวน้อยเพียงเท่านั้น
ความจริงข้อนี้ทำให้เฉินปี้เฉิงที่กำลังต่อสู้และมู่ชิงเกอรวมทั้งคนอื่นๆ ล้วนแต่เข้าใจคำกล่าวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าเด็กตระกูลเฉิน ข้าเสียดายในความสามารถของเจ้า เจ้าแน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่อแล้วยอมตายงั้นหรือ?”
หลานกังเอ่ยเตือนเฉินปี้เฉิง
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขากำลังพูด ฝ่ามือของเขาที่อยู่ข้างหลังก็ได้กลายเป็นวงพลังจิตแล้ว ดูเหมือนว่าหากเฉินปี้เฉิงลังเลหรือผ่อนคลายเขาก็พร้อมที่จะโจมตีในทันที
ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับยังใช้วิธีลอบกัด เกรงว่าสิ่งนี้คงเกี่ยวข้องกับการสั่งสอนของตระกูลหลาน
น่าเสียดายเฉินปี้เฉิงไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวเลย
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีแต่เขาก็ไม่ได้ลังเลเพียงเพราะคำพูดของหลานกัง
เขาทำเพียงแต่ถือดาบวงพระจันทร์มังกรครามขึ้นมาอีกครั้ง ร้องออกมาคำหนึ่ง พุ่งเข้าไปหาหลานกัง แววตาของหลานกังวาววาบฉายแววอำมหิต เอ่ยว่า “รนหาที่ตาย!”
ทันใดนั้นวงแสงหลังมือของเขาที่ถูกเตรียมไว้นานแล้ว ก็ถูกโยนพุ่งออกไปใส่หน้าอกของเฉินปี้เฉิง!
ตอนนี้เฉินปี้เฉิงใกล้เข้ามาแล้ว พออยู่ดีๆ มีวงแสงปรากฏขึ้น ดูขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้าเขา ดวงตาของเขาเบิกกว้างรีบหลบตอนครึ่งทาง เปลี่ยนวิถีและหลีก
เลี่ยงวงแสง
การหลบในครั้งนี้ทำให้กล้ามเนื้อเอวของเขาบิดตัวกระดูกส่งเสียง ‘แครก’ ขึ้น ในตอนที่เขาหลบเลี่ยงการโจมตีของลูกบอลแสงด้วยท่วงท่าที่ยากจะเป็นไปได้ ด้านหลังก็มีเสียงที่ดูเหมือนท้องฟ้าถูกระเบิดดังขึ้น
“ตํ่าช้า!” เฉินปี้เฉิงไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังแต่กลับจ้องหลานกังเขม็ง เสียงนั้นได้แสดงให้เห็นแล้วว่าหากเขาถูกโจมตีเข้าเกรงว่ากระดูกทั้งร่างคงจะแหลกสลาย หลานกังกลับยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ไม่ได้รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองนั้นตํ่าช้าเลย
หลังจากสบตากันแวบหนึ่งแล้วทั้งสองคนก็เข้าต่อสู้กันในทันที
ห่างจากพวกเขาไม่ไกล เจียงหลีก็ก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ยากที่จะสรุปผลแพ้ชนะกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บอีกคน เพราะว่าพลังของสายเลือดทำให้ระดับพลังของเจียงหลีเพิ่มขึ้นสู่ขั้นกักเก็บขั้นต้น ดังนั้นเมื่อต่อสู้กับคู่มือระดับเดียวกันแล้ว นางก็ไม่ได้ทุลักทุเลอย่างเช่นเฉินปี้เฉิง
แต่ว่าคนที่ต่อกรกับนางนั้นเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บชั้นกลาง ไม่ว่าจะอย่างไรเจียงหลีก็ทำได้แค่เพียงหยุดเขา แต่ไม่อาจจะทำลายเขาให้สิ้นซากได้
ในขณะที่กำลังต่อผู้ เจียงหลีก็กวาดตามองไปยังการต่อสู้ของมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอนั้นต่อสู้เพียงลำพังกับปีศาจเฒ่าชั้นกักเก็บสองคน ขณะนี้เป็นอย่างไรนั้นยากที่จะมองเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ยากที่จะคาดเดา อิงตามกำลังของมู่ชิงเกอในปัจจุบัน แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์ขนาดไหนก็ยากที่จะยืนหยัดอยู่ได้นานอยู่ดี
นอกจากนี้อยู่ด้านข้างก็ยังมีปีศาจเฒ่าชั้นกักเก็บสองคน สองคนจ้องมองอยู่ ไม่เพียงเท่านั้น เฮยมู่ ไท่สื่อเกา โหลวเสวียนเถี่ยและหลานเฟยเยว่สี่คนก็นั่งรอเวลาที่มู่ชิงเกอจะตาย
‘จะทำอย่างไรดี?’
เจียงหลีครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว คิดจะหาทางออก
ทันใดนั้นวิธีหนึ่งที่จะคลี่คลายความลำบากตรงหน้าก็แวบเข้ามาในหัวของเจียงหลี
ดวงตาสีทองของนางมีประกายแวววาว นัยน์ตาฉายแวว เด็ดเดี่ยว
หางงูยาวกวาดออกไปรัดเข้าที่เอวของฝ่ายตรงข้าม ลากเขาลอยออกไปไกล เจียงหลีอาศัยช่วงเวลานี้ยื่นมือไปที่หน้าอกของตนเอง ปลายนิ้วแหลมล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าของตน เลือดอันเข้มข้นค่อยๆ ไหลออกมา เจียงหลีดึงเอาเกล็ดห้าสีออกมาจากร่างกาย มังกรมีเกล็ด งูก็เป็นเครือญาติของเผ่ามังกรจึงมีเกล็ดเช่นเดียวกัน! โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายเลือดในร่างกายของเจียงหลีนั้นมาจากเทพอสูรงูโบราณ!
เกล็ดถูกดึงออกมาทำให้ใบหน้าของเจียงหลีกลายเป็นขาวซีด เหงื่อเย็นซึมนางกัดฟัน ใช้มือที่เต็มไปด้วยเลือด โยนพุ่งไปทางที่มู่ชิงเกออยู่
เกล็ดห้าสีลอยไปกลางอากาศ ยาวออกไปตามลม จากที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือกลายเป็นขนาดใหญ่เท่าใบหน้าของทารก
จากนั้นเกล็ดก็กลายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลอยไปตามมุมต่างๆ
แต่ว่าจุดมุ่งหมายของการโจมตีก็คือจุดเดียวนั้นก็คือ ปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บสองคนที่กำลังจับตาดูมู่ชิงเกอ รวมทั้งดูแลจัดการเหล่าคนที่กำลังชมดู
การโจมตีอย่างกะทันหันนี้ทำให้ท่าทางของหลานเฟยเยว่และไท่สื่อเกาเปลี่ยนไปรีบหลบไปอยู่ด้านหลังของเฮยมู่และโหลวเสวียนเถี่ย
ส่วนปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บสองคนแววตาแข็งกร้าวขึ้น ยกมือขึ้นเพื่อต่อต้าน แขนเสื้อกว้างถูกกวาดไปด้านหน้า ป้องกันการโจมตีของเกล็ด
เกล็ดเหล่านี้มีความคมมาก ถึงแม้ว่าจะถูกป้องกันแต่ก็ยังคงทะลุเสื้อเข้ามา
ส่วนปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บสองคนที่กำลังต่อสู้กับมู่ชิงเกอ ท่าทีที่มีต่อมู่ชิงเกอก็เปรียบเหมือนกับแมวล่าหนู พวกเขาเป็นแมว ส่วนมู่ชิงเกอก็ถูกพวกเขาเล่นเหมือนหนูที่อยู่บนฝ่ามือ
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ในระหว่างที่พวกเขากำลังเล่นจะมีเกล็ดแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีเข้ามาจนทำให้พวกเขาเร่งร้อน
ในตอนนั้นปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บที่ถูกเจียงหลีใช้หางลากออกไปก็กลับมาอย่างแค้นเคืองเริ่มต้นต่อสู้กับนางด้วยความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เจียงหลีจึงทำได้แค่เพียงกลับมาตั้งใจต่อสู้ไม่กล้าแบ่งสมาธิอีก
เกล็ดที่พุ่งเข้ามาทำให้มู่ชิงเกอชะงักไปเช่นเดียวกัน แต่นางกลับได้กลิ่นกลิ่นอายของเจียงหลีบนเกล็ดนั้น
อาศัยช่วงเวลาที่ปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บสองคนที่ล้อมตัวนางถูกเกล็ดพัวพัน นางรีบคว้าโอกาสชูทวนหลิงหลงขึ้น มาใช้กระบวนท่าที่น่าตกตะลึงแทงตรงเข้าไปที่คอของหนึ่งในนั้นโดยหมายเอาชีวิต
สายตาของคนๆ นั้นถูกเกล็ดอันหนึ่งบังไว้พอดี มือไม้ก็ยังคงต่อกรกับการโจมตีของเกล็ดเพื่อแหวกทาง
เงาร่างของมู่ชิงเกอนั้นเร็วมาก การส่งพลังกดทวนเหี้ยมโหด ใส่พลังทั้งหมดไว้บนปลายทวนทำให้ทวนหลิงหลงยิ่งแหลมคมขึ้น พริบตาเดียวก็ไปถึงตรงหน้าของปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บคนนั้น
ปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บที่คอยจับตาดูอยู่คนหนึ่ง ตวัดมือกวาดเกล็ดตกลง เมื่อเหลือบตามองขึ้นก็มองไปเห็นภาพนี้พอดี รีบตะโกนไปว่า “ระวัง!”
คำพูดนี้สะกิดเตือนปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บที่ถูกมู่ชิงเกอลอบโจมตี แต่ทวนหลิงหลงของมู่ชิงเกอก็ได้แทงถึงผิวของเขาแล้ว
ปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บร้องขึ้นในทันใด พลังงานในร่างกายสร้างเกราะโปร่งใสขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดจะป้องกันการโจมตีนี้ของมู่ชิงเกอ
แต่น่าเสียดาย เขาประมาทความโหดเหี้ยมที่หมายจะเอาชีวิตของมู่ชิงเกอและก็ประมาทความแหลมคมของทวนหลิงหลงไป
มู่ชิงเกอเลือกส่วนลำคอซึ่งเป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดในร่างกายมนุษย์เป็นเป้าหมาย ในตอนที่ทวนหลิงหลงสัมผัสกับผิวของเขานั้นก็ได้ตัดสินแล้วว่าวันนี้คือจุดจบของเขา
“อ๊าก—–!”
ทวนหลิงหลงแทงเข้าไปในคอของผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บอย่างรวดเร็วทำให้เขาเจ็บปวดจนต้องร้องออกมา
ฉากๆ นี้เขย่าขวัญของคนจำนวนไม่น้อยที่มองเห็น
ใครจะกล้าเชื่อว่า ผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บที่แท้จริงคนหนึ่ง จะถูกมู่ชิงเกอฆ่าตาย!
“ข้าไม่ยินยอม—–! อ๊าก—–!” ทวนหลิงหลงแทงทะลุเข้าไปในคอของเขา ในตอนที่มู่ชิงเกอออกแรงจะตัดคอของเขานั้นอยู่ดีๆ เขาก็ตะโกนออกมา
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็บวมขึ้นอย่างรวดเร็ว ดุจดั่งลูกหนัง “แย่แล้ว! เขาจะระเบิดตัวเอง!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ขั้นกักเก็บที่ต่อสู้กับมู่ชิงเกออยู่ๆ ก็กลายเป็นหวาดผวาจนใบหน้าซีดขาวรีบป้องกันตัวเอง
คำเตือนของเขาก็ทำให้อีกสองคนที่จ้องมองอยู่ไม่สนใจการโจมตีของเกล็ดหันกายคว้าจับเฮยมู่ ไท่สื่อเกา โหลวเสวียนเถี่ยและหลานเฟยเยว่สี่คนแล้วหนีไป
พริบตานั้นรอบกายของมู่ชิงเกอก็ว่างเปล่าไร้คน
แต่ว่ามู่ชิงเกอกลับไม่ได้จากไป
“ระเบิดตนเอง? ข้ารึจะยอมให้เจ้าระเบิดตนเอง!” มู่ชิงเกอจับทวนออกแรงหมุน คอที่กำลังอ่อนยวบหักลง หัวตกลงกระเด็นออกไปไกล
จากนั้นนางก็ตะโกนเรียกหยวนหยวน
หยวนหยวนเข้าใจในทันที เร่งหาช่องว่างระหว่างที่กำลังพัวพันกับปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บของหอหลอมศาสตราผู้นั้นก่อนจะส่งพญาเพลิงปาฮวงซูคงเข้าไปคลุมร่างที่กำลังบวมของปีศาจเฒ่าขั้นกักเก็บคนนั้นอย่างรวดเร็ว ความสามารถของพญาเพลิงปาฮวงซูคงก็คือเผาทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณ
ในพริบตาที่จะระเบิดร่าง พญาเพลิงปาฮวงซูคงก็นำเขาเข้าสู่ความว่างเปล่า อย่างไรก็ตามการระเบิดก็ยังคงทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอมีเลือดซึมออกมา