Skip to content

พลิกปฐพี 203-1

ตอนที่ 203-1

เก็บสมบัติจนแขนชา!

สีแดงและสีขาวปรากฏขึ้นเคียงข้างกัน ดูโดดเด่น สูงส่ง การปรากฏตัวของคนทั้งสองทำให้บริเวณรอบเชิงเขาของตำหนักหลีกงกลายเป็นไร้สีสันไปชั่วขณะ ดุจดั่งแสงสว่างทั้งโลกส่องอยู่ที่ร่างของทั้งสองคน

“เหมาะสมกันยิ่งนัก!” เจียงหลีมุมปากกระตุกเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง ภายในนัยน์ตาสีทองฉายแววยินดีแทนมู่ชิงเกอ

หวงฝู่ฮ่วนอยู่ด้านหลังของนาง กระซิบเบาๆ ว่า “ข้ากับฮ่องเต้หญิงก็ถือว่าเหมาะสมเช่นเดียวกัน”

ประโยคนี้ทำให้เจียงหลีเก็บรอยยิ้มบนใบหน้ากลับ ท่าทีก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาออกห่างออกจากผู้คน

เมื่อรู้สึกถึงว่าท่าทีของนางเปลี่ยนไป หวงฝู่ฮ่วนก็ถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง ทำได้เพียงปิดปากไม่พูดจา

แต่ภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิม ดูเหมือนว่ายิ่งเจียงหลีปฏิเสธ ความท้าทายยิ่งมาก ก็ยิ่งกระตุ้นให้เขาอยากเอาชนะมากยิ่งขึ้น

สายตาของทุกคนกลายเป็นตกตะลึงเมื่อมู่ชิงเกอค่อยๆ เข้ามาใกล้

มู่ชิงเกอในฉบับผู้ชายก็ทำให้พวกเขาตะลึงได้แล้ว คิดไม่ถึงว่า เมื่อนางเปลี่ยนกลับเป็นผู้หญิงแล้ว ไม่เพียงไม่ได้ทำให้คนรู้สึกกระอักกระอ่วน แต่กลับทำให้คนไม่อาจละสายตาได้เลย

นางไม่เพียงแต่งดงาม กลับยังมีกลิ่นอายที่ดูสูงสง่าไร้ที่เปรียบอีก

ทำให้คนที่มองเห็นนางล้วนแต่คิดต้องการ แต่กลับไม่กล้าล่วงเกิน จึงทำได้เพียงมองจากที่ไกลๆ

มั่วหยางที่เพิ่งมาถึงเทียนตูไม่นาน มองไปที่มู่ชิงเกออย่างตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองเห็นนางในแบบผู้หญิง งดงามถึงขนาดนั้น งดงามยิ่งกว่าที่เขาเคยคิดนับ ครั้งไม่ถ้วนเสียอีก

เกิดเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้ เขากลับไม่อยู่ข้างกายของนาง จุดนี้ทำให้เขาเศร้าและเสียใจมาจนถึงตอนนี้

ตอนนี้ นางจูงมือคนอื่นเดินออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเหมาะสมกันมาก ถึงแม้ว่าชายคนนั้นคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินหลินชวน แต่เขาก็ยังไม่อยากที่จะให้คุณชายของตนไปหมั้นหมายเป็นคู่ครองกับใคร

ในตอนที่มู่ชิงเกอมาถึงด้านหน้าของคณะผู้คน ทุกคนที่ตกตะลึงก็พร้อมใจกันหลุบตาลงไม่กล้ามองตรงๆ

ตอนนี้ ข้างกายของนางมีมหาปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ยืนอยู่ด้วย!

ซือมั่วกวาดสายตาเย็นชามองไป ความคิดสกปรกในจิตใจของพวกเขาล้วนแต่หายไป

มู่ชิงเกอปล่อยมือของซือมั่ว เดินไปทางเจียงหลีและคนอื่นๆ

เมื่อเดินไปถึงข้างหน้าของนาง มู่ชิงเกอก็หัวเราะพลางเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”

เจียงหลีพยักหน้า “ด้วยบารมีของเจ้า ได้กินยาที่โรงโอสถส่งมาให้จำนวนไม่น้อย”

มู่ชิงเกอหัวเราะ นัยน์ตามองไปยังจ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟย

พูดถึงทั้งสองคน ในครั้งนี้สูญเสียไปไม่น้อย เรื่องนี้ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอมีความรู้สึกผิด แต่วันนี้เมื่อมองดูพวกเขา กลับมองไม่เห็นความรู้สึกต่อว่าจากพวกเขาเลยสักนิด

จ้าวหนานซิงเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับพวกเรา บาดแผลเล็กน้อยพวกนั้นดีขึ้นแล้ว พลังของพวกเราก้ก้าวหน้าขึ้นมาก นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววยินดี เพ่งมองอย่างละเอียด ไอพลังของจ้าวหนานซิงได้เข้าสู่ระดับสีนํ้าเงินขั้นกลางแล้ว

“ยินดีด้วยศิษย์พี่จ้าว” มู่ชิงเกอเอ่ยยิ้มๆ หลังจากทักทายคนทั้งสามแล้ว สายตาของมู่ชิงเกอก็ เลื่อนไปสู่ร่างขององครักษ์เขี้ยวมังกรทั้งเจ็ดคน พอเห็นมั่วหยาง นางก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นางเดินไปหาพวกเขา ยืนอยู่ตรงหน้าของมั่วหยาง

มั่วหยางชะงัก ร่างเหยียดตรงคุกเข่าลงในทันที เอ่ยคำนับว่า “ข้าน้อยมาช้า ขอคุณชายโปรดลงโทษ!”

มู่ชิงเกอมองเขา “ลุกขึ้นเถอะ”

มั่วหยางลุกขึ้นยืนตรง เม้มริมฝีปากแน่น ร่างกายตรงดุจลูกศรเผชิญหน้ากับนาง

“การฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้าง?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

“ทุกอย่างทำตามแผนที่คุณชายกำหนดไว้ไม่มีอะไรต่างไปจากที่คาดการณ์ขอรับ” มั่วหยางเอ่ยตอบ

“ดีมาก” มู่ชิงเกอพยักหน้า หันกายเดินไปทางราชวงศ์ กับตระกูลใหญ่ทั้งสาม รายชื่อที่เดิมทีเป็นของตระกูลหลานได้มอบให้พวกเขาไป ตอนนี้คนของสามตระกูลใหญ่กับคนของราชวงศ์ยืนอยู่ด้วยกัน

“จักรพรรดิหยวน ประมุขเฉิน ประมุขจิ่ง ประมุขฮวา” มู่ชิงเกอกล่าวทักทายทีละคน

“คุณชายมู่” ผู้อาวุโสไม่กี่คนนี้ เมื่อมองเห็นมู่ชิงเกอ ก็ลอบทำตัวเคารพนับถือขึ้นมา

นางกับคนไม่กี่คนนี้ที่จริงก็ไม่มีอะไรจะพูดคุยและอีกอย่างพวกเขาไม่กี่คนนี้ก็ไม่ได้เข้าไปในเศษซากโบราณ หลังจากนางทักทายง่ายๆ ไปแล้ว ก็มองไปทางเฉินปี้เฉิง แล้วก็ยังมีฮวาฉินฉิน จิ่งเทียน หวงฝู่ฮ่วน สี่คน

ภายในช่องว่างแห่งการทดสอบ ตอนที่นางถูกสามขุมกำลังใหญ่ล้อมกรอบนั้น พวกเขาก็ล้วนแต่เลือกที่จะช่วยเหลือ

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำอะไร แต่อย่างน้อยก็มีใจ ซึ่งนางก็รับไว้แล้ว

เฉินปี้เฉิงกับหวงฝู่ฮ่วนยังดีว่าได้พบกันตอนก่อนหน้า จึงได้ขอบคุณพูดคุยแล้ว เหลือเพียงฮวาฉินฉินกับจิ่งเทียน ที่หลังจากวันนั้นแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พบกัน เมื่อเห็นมู่ชิงเกออีกครั้ง มองเห็นนางในฉบับผู้หญิง ฮวาฉินฉินก็รู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวเป็นอย่างมาก กัดริมฝีปาก ท่าทางดูอดสู คนที่ชื่นชอบ อยู่ๆ ก็กลายร่างอย่างกะทันหัน เปลี่ยนเป็นผู้หญิง นางจะทำอย่างไรดี?

ถึงแม้ว่านางจะไม่สนใจเรื่องที่เป็นหญิง แต่ว่านาง ฮวาฉินฉินจะสามารถไปแย่งผู้หญิงจากมหาปราชญ์ได้อย่างนั้นหรือ?

อา ความไม่ยินยอมทั้งหมด ความเจ็บปวดทั้งหมด นางทำได้เพียงเปลี่ยนเป็นถอนหายใจ แล้วก็กลืนลงไปในท้อง

จิตใจของจิ่งเทียนที่เห็นมู่ชิงเกออีกครั้งในฉบับของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นสับสนซับซ้อนมากขึ้นกว่าเดิม เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่กดอยู่บนหัวเขามาโดยตลอด คนที่ ทำให้เขาไม่พอใจ ไม่ยินยอม จนถึงขั้นอิจฉา สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นหญิงสาวที่งดงามจนน่าตะลึงผู้หนึ่ง

หลังจากได้รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของมู่ชิงเกอแล้ว เขาก็คิดมาโดยตลอดว่าถ้าหากตั้งแต่เริ่มต้นเขารู้ว่ามู่ชิงเกอเป็นผู้หญิงแล้วจะยังทำตามเดิมหรือไม่?

เขาจะหลงรักมู่ชิงเกอหรือไม่ จะไม่สนใจอะไรไล่ตามผู้หญิงเช่นนี้หรือไม่?

แต่ว่า ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่จินตนาการ เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับมาได้

“วันนั้นในช่องว่างแห่งการทดสอบ ขอบคุณทั้งสองท่านมากที่ยื่นมือและออกหน้าพูดช่วยเหลือ หากว่ามีโอกาส ข้าก็จะต้องตอบแทนนํ้าใจอย่างแน่นอน” คำพูดของมู่ชิงเกอ พอเปรียบกับที่พูดกับคนอื่นๆ แล้วก็ดูห่างเหินอยู่มาก

แต่ก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีอย่างชัดเจนแล้วว่าในตอนนั้นตนได้นับว่าทั้งสองคนก้าวออกมาช่วยเหลือ

ฮวาฉินฉินกระทืบเท้า เอ่ยออกมา “ใครสนใจนํ้าใจจากเจ้ากัน?” พูดจบแล้วก็หันกายกลับไปหามารดาของตน ท่าทีของฮวาฉินฉิน ทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความ

นางมองไปที่จิ่งเทียน เขานิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับกันก็เป็นข้าที่หนีออกมา คุณชายมู่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

“สถานการณ์ในตอนนั้น ข้าก็คิดที่จะไป เพียงแต่เพราะไปไม่ได้ก็เท่านั้น คุณชายใหญ่จิ่งเต็มใจที่จะก้าวออกมา ในจุดนี้ข้าก็จดจำไว้แล้ว” มู่ชิงเกอพูดจบแล้วก็หันกายเดินไปทางคณะของแคว้นฉิน

นางไม่ได้กลับไปอยู่ข้างกายของซือมั่ว เพราะว่านับจากเวลานี้เป็นต้นไป นางเป็นตัวแทนของแคว้นฉิน

ทุกๆ กลุ่ม มีแปดคนที่สามารถเข้าไปในเศษซากโบราณได้ที่มู่ชิงเกอนำเข้าไปแน่นอนว่าเป็นองครักษ์เขี้ยวมังกรของนาง

ที่เจียงหลีนำเข้าไปแน่นอนว่าเป็นขุนนางหญิงของแคว้นกู่วู่แล้วก็ยังมีองครักษ์

แคว้นอื่นๆ ก็นำมือดีที่ถูกคัดเลือกมาของตนเองไปด้วย

แคว้นของจ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟยสองคน ก็นำไปแคว้นละสี่คน

เช่นเดียวกันกับแคว้นอวี่และแคว้นหรงก็นำคนไปแคว้นละสี่คน

มู่ชิงเกอไม่ได้เตะแคว้นหรงออก แต่ยังให้โอกาสพวกเขาได้เข้าไปในเศษซากโบราณ ทำให้พวกเขาซาบซึ้งใจมาก ความแค้นที่แคว้นถูกเปลี่ยนเป็นแคว้นระดับสามก็ลดเบาบางลงไปบางส่วน

“ไปเถอะ” คนครบแล้ว ซือมั่วสะบัดมือ ช่องสีดำที่เข้าไปได้ทีละคนพลันปรากฏออกมาต่อหน้าทุกคน

กู่หยากระโดดเข้าไปก่อน คนที่เหลือก็ล้วนแต่ตามเข้าไป มู่ชิงเกอไม่ได้รีบร้อน เพียงแต่รอคนอื่นๆ ไปก่อน เจียงหลีตอนเดินผ่านมา ใบหน้าเผยรอยยิ้ม เอ่ยกระซิบกับนางว่า “ช่วงที่ผ่านมานี้ วันเวลาที่อยู่ในตำหนักหลีกง ได้รับความสุขสำราญบ้างหรือไม่?”

แววตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ มองไปทางนาง ทันใดนั้นดวงตาก็หรี่ลง ตอบกลับไปว่า “ช่วงนี้เจ้าก็คงใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญเช่นกันกระมัง?”

“อะไร?” เจียงหลีตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ จนถึงตอนที่มู่ชิงเกอมองไปทางหวงฝู่ฮ่วน สีหน้าของเจียงหลีถึงได้เปลี่ยนไป เอ่ยกับนางว่า “พูดไร้สาระ ข้าไม่ ได้สนใจเขาเลยสักนิด”

“ข้าดูแล้วเขาก็ไม่เลว” มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างสงสัย

เจียงหลีเอ่ยอย่างดูแคลน “ในโลกใบนี้ คนที่ไม่เลวนั้นมีมาก หรือว่าข้าจำเป็นต้องรับทั้งหมดเลยงั้นหรือ? ไม่มีความรู้สึกก็คือไม่มีความรู้สึก นี่คือความจริงแท้อย่างไม่ต้องสงสัย!”

มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุก รู้ว่ามุมมองความรักของ

เจียงหลีนั้นไม่ค่อยเหมือนกับคนทั่วๆ ไปในยุคนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ฝืนชักจูงต่อ

รอจนผู้คนล้วนเข้าไปเกือบหมดแล้ว สายตาของซือมั่วก็ทอดมองมา

มู่ชิงเกอแกล้งไอออกมา เร่งเจียงหลีเอ่ยว่า “ไปเถอะ”

เจียงหลีมองนางอย่างมีเลศนัย “หาโอกาสมาพูดกับข้าด้วยว่าพวกเจ้าพัฒนาไปจนถึงขั้นไหนแล้ว”

มู่ชิงเกอยิ้มเย็น “หากเจ้าไม่กลัวตายสามารถไปถามเขาเองได้”

เจียงหลีชะงัก แสร้งเอ่ยอย่างโมโหว่า “มู่ชิงเกอเจ้าทำกับข้าอย่างนี้ ยังมียางอายอยู่หรือไม่? พอหมดประโยชน์แล้วก็โยนทิ้ง?”

มู่ชิงเกอเอ่ยอย่างหมดวาจาจะกล่าวว่า “เหตุใดถึงบอกว่าข้าพอหมดประโยชน์แล้วโยนทิ้ง?”

“เจ้าอยากจะให้ข้าไปหาที่ตายถึงขนาดนั้นเชียวหรือ!” เจียงหลีกัดฟันอย่างขุ่นข้อง

มู่ชิงเกอยิ้มขึ้นมา “เจ้าไม่ไปถาม ก็จะไม่ตายแล้ว ไม่ไปรนหาที่ตายก็จะไม่ต้องตาย”

พูดแล้ว นางก็หัวเราะ นำพากลุ่มคนไปทางช่องทางเข้าสีดำ

เจียงหลีโมโหกระทืบเท้าอยู่ข้างหลัง “เจ้านี่มันเอาแต่ใจยิ่งนัก!”

“มีอะไรรึ?” มู่ชิงเกอพอเดินไปถึงตรงหน้าของซือมั่ว อยู่ๆ ซือมั่วก็ขมวดคิ้วถามขึ้น

“ไม่มีอะไร เพียงแค่พบเจอยายแก่ขี้สงสัยก็เท่านั้น” มู่ชิงเกอหัวเราะ สบสายตากับเขา แล้วก็ยกเท้าเข้าไปในรูทางเข้าสีดำ

รอจนนางจากไปแล้ว ซือมั่วถึงได้ขมวดคิ้ว พึมพำเบาๆ “ยายแก่ขี้สงสัย?”

จากนั้น นัยน์ตาสีอำพันของเขาก็กวาดมองไปยังเจียงหลีที่กำลังขุ่นเคือง เมื่อถูกซือมั่วหันมองมา เจียงหลีก็รู้สึกแผ่นหลังเย็นยะเยือกไปชั่วขณะ

นางเก็บความรู้สึก นำคนของแคว้นกู่วู่รีบกระโดดเข้าไปในรูสีดำ คนที่จะเข้าไปในเศษซากโบราณล้วนแต่เข้าไปในรูสีดำแล้ว ใต้เชิงเขาตำหนักหลีกงก็เหลือเพียงจักรพรรดิหยวน ประมุขของทั้งสามตระกูล แล้วก็ยังมีองครักษ์ที่นำมาส่งด้วย ต่อหน้าของซือมั่วล้วนแต่คุกเข่าส่งเขาจากไป

ซือมั่วมองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “นับจากนี้ไป หากว่าคนของตระกูลมู่เกิดเรื่องขึ้น ข้าจะให้ทั้งหลินชวนต้องชดใช้! พวกเจ้าทำตัวให้ดีๆ”

พูดจบแล้วเขาก็เข้าไปในรูสีดำ แล้วรูสีดำก็หายไปในทันใด

สายลมเย็นพัดผ่านคอของคนทุกคน ทำเอาแผ่นหลังของพวกเขาเยียบเย็น จิตใจตื่นตะลึง

จักรพรรดิหยวนสบสายตากับประมุขของทั้งสามตระกูล รีบวิเคราะห์คำสั่งของมหาปราชญ์

หลังจากครู่หนึ่งผ่านไป ประมุขตระกูลเฉินก็สะบัดเสื้อผ้า ลุกขึ้นมาจากพื้นเป็นคนแรก “พวกเรารีบส่งคนไปสืบดีกว่าว่าตระกูลมู่มีคนกี่คน”

จักรพรรดิหยวนก็ลุกขึ้นมา “ตระกูลมู่นอกจากคุณชายมู่ แล้วก็มีมู่ซงคนหนึ่งแล้วก็ยังมีมู่เหลียนหรง หากว่าเพิ่มสามีของนางเข้าไปอีกก็คือเซวียเฉียวของแคว้นอวี่ ก็มีสี่คน”

นัยน์ตาของประมุขตระกูลฮวากวาดมองร่างของพวกเขารอบหนึ่ง คิดแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นความหมายของมหาปราชญ์ก็คือ…แค่พวกเขาสี่คนที่ห้ามเป็นอะไร หรือว่าที่เกี่ยวข้องกับตระกูลมู่ล้วนแต่ไม่อาจเกิดเรื่อง?”

คำพูดของนาง ทำให้กลุ่มคนไม่กี่คนนี้ล้วนแต่กลายเป็นเงียบกริบลง

ในที่สุด ประมุขตระกูลจิ่งก็เอ่ยว่า “สรุปแล้ว ฝั่งด้านตระกูลมู่ไม่อาจเกิดเรื่องขึ้นได้ มิเช่นนั้นความโชคร้ายก็จะมาตกอยู่ที่พวกเรา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version