Skip to content

พลิกปฐพี 24

ตอนที่ 24

ส่งสารกลางดึก อาจารย์?

ในยามค่ำคืน มู่เกอนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกในสวน ในหัวยังคงคิดถึงคนที่เจอในป่าบริเวณโรงเรียนจื่อหยางเมื่อตอนกลางวัน

ตอนนี้ข้างตัวเธอนอกจากโย่วเหอและฮวาเยวี่ยแล้ว ยังมีคนอีกคนหนึ่ง คนๆ นี้ สวมชุดสำหรับนักศึกษา ยืนตัวตรงราวกับต้นสน ถือว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง และดูเป็นคนมีความกล้าหาญ เขายืนอยู่ข้างมู่เกออย่างเรียบร้อย เงียบเสียจนทุก คนเกือบลืมไปแล้วว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วย

“มั่วหยาง เจ้ารู้ไหมว่าในป่าบริเวณโรงเรียนจื่อหยางมีใครอยู่” อยู่ๆ มู่เกอก็พูดขึ้น

ถูกเจ้านายถามคำถามโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้ทำให้มั่วหยางอึ้งไปแล้วขมวดคิ้วตอบ “ตอบคำถามคุณชายขอรับ ในป่าบริเวณโรงเรียนจื่อหยางเหมือนกับว่าจะมีคนอาศัยอยู่จริงๆ ได้ข่าวว่าคนๆ นั้นพักรักษาตัวอยู่ในป่า แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร”

พักรักษาตัว?

มู่เกอแปลกใจ

ในกระท่อมที่หอมไปด้วยกลิ่นยาและคนที่ผิวขาวซีดท่าทางเปราะบางเหมือนจะขาดใจตายได้ตลอดเวลา เหมือนจะตรงกับนิยามของคนป่วยที่ต้องการรักษาตัว ตอนกลางวันถูกคนรับใช้ของคนผู้นั้นทำให้ตกใจ มู่เกอก็แปลกใจที่ตนเองเหม่อลอยดวงตาคู่นั้นที่นัยน์ตาขาวและดำแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ราวกับจะดูด วิญญาณของเธอเข้าไป

‘อยู่ที่นี่นานคงไม่ดีนัก’

มู่เกอที่เคยประสบกับเหตุการณ์อันตรายมามากมาย หลังจากที่สัญชาตญาณของเธอเตือนแบบนี้ เธอก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่อาวรณ์เลยสักนิด

ตั้งแต่ต้นจนจบเธอไม่ได้คุยกับคนผู้นั้นเลยแม้แต่คำเดียว และคนผู้นั้นเองก็เหมือนจะไม่ได้ห้ามตอนที่เธอเดินออกมา

ทั้งสองคนเหมือนเล้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบที่สวนทางกันไป

ในขณะที่เธอยังเดินมาไม่ถึงหน้าป้ายโรงเรียน นักเรียนในโรงเรียนต่างก็เลิกเรียนแล้ว มั่วหยางที่พวกเขามารอรับก็ยืนอยู่ข้างรถม้าตั้งนานแล้ว มู่เกอมองชายหนุ่มที่ตนเองส่งมาทิ้งไว้ที่โรงเรียนจี่อหยางแวบหนึ่ง แล้วก็ขึ้นรถม้าไปส่งให้กลับตำหนัก ที่ไปรับมั่วหยางเพียงเพราะเธอเบื่อ จึงตัดสินใจจะออกไปอย่างกะทันหัน แต่ไม่คิดว่าจะทำให้เธอไปพบกับคนๆ หนึ่งที่น่าสนใจมากเข้า

คนที่สามารถทำให้เธอจำได้แม่นมีไม่มาก ถ้าไม่ใช่ศัตรูก็คือเพื่อน

ไม่รู้ว่า~~~เขาจะเป็นประเภทไหน

มู่เกอก้มหน้า แอบคิดในใจ ในอนาคตจะได้เจอกันอีกไหมก็ไม่รู้ แล้วทำไมต้องมาเสียเวลานั่งคิด

คิดแล้ว มู่เกอก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ขนตาอันยาวงอนบดบังความรู้สึกในแววตา เธอมองมั่วหยางแล้วถามว่า “อยู่ที่โรงเรียนเจ้าได้เรียนอะไรบ้าง”

มั่วหยางหลุบตาลงแล้วตอบ “อาจารย์สอนบทเพลงบทกลอน คุณธรรมจริยธรรม แต่เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว มีวิชาการยิงธนูมาเปิดสอน ถือว่าน่าสนใจมาก” เป็นคนใช้ ของมู่ชิงเกอก็ย่อมรู้ดีว่านายของตนเองไม่ถนัดทางวิชาการ ฉะนั้นจึงไม่ได้พูดเกี่ยวกับพวกการเรียนมากนัก แต่เล่าในสิ่งที่คิดว่าจะทำให้มู่ชิงเกอเกิดความสนใจ

“ยิงธนู? น่าสนใจจริงๆ ด้วย” นํ้าเสียงของมู่เกอมีความขี้เล่น แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากบอกมั่วหยางว่า “นานๆ ทีเจ้าจะได้หยุดพักผ่อน กลับมาที่จวนแล้วอยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องเฝ้าข้าตลอดเวลา ตรงนี้ข้ามีโย่วเหอและฮวาเยวี่ยก็พอแล้ว”

มั่วหยางเงยหน้าขึ้นมองมู่เกอด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก คารวะมู่เกอแล้วเดินออกไป

ท่าทางรู้เรื่องแบบนี้ ทำให้มู่เกอชอบใจมาก

ความเชื่อใจและเชื่อฟังคำสั่งเป็นกฎข้อแรกที่มู่เกอใช้ ตัดสินคนๆ หนึ่งว่าจะทำงานได้หรือไม่ ดูเหมือนว่ามั่วหยางคนนี้จะสร้างความประทับใจแรกพบให้กับธอได้ดีไม่น้อยเลย

มั่วหยางเดินออกจากบริเวณเรือน แล้วเดินไปทางที่พักของตนเอง

ตั้งแต่ที่เขาไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนจื่อหยางเขาก็ย้ายออกจากบริเวณเรือนของมู่ชิงเกอไปอยู่กับพวกคนรับใช้ในตำหนัก แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของมู่ชิงเกอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงทำแบบนี้ แต่ก็ทำตามคำสั่งโดยดี

เขาคงคิดยังไงก็คิดไม่ถึงว่าที่มู่ชิงเกอทำแบบนี้ ก็เพราะไม่อยากจะอยู่ร่วมกับผู้ชาย

“เอ้ะ ! มัวหยางนี่?”

มั่วหยางที่เดินผ่านสวนดอกไม่ไปได้ยินคนเรียกชื่อตนเอง

เสียงนั้นอ่อนโยนดั่งสายนํ้า ที่ผู้ชายคนไหนได้ยินก็คงจะจมลงไป แต่มั่วหยางเพียงแค่ขมวดคิ้ว หันหน้าไปมอง สองนายบ่าวที่เดินมาทางเขา

“มั่วหยางคารวะแม่นางป๋าย” มั่วหยางก้มหน้าลง สิ่งที่เห็นคือรองเท้าและกระโปรงสีขาว เขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นและไม่ได้มองหน้าป๋ายซีเยวี่ยเลย

“มั่วหยางกลับมาแล้วหรือไปพบพี่มู่แล้วหรือยัง?” ป๋ายซีเยี่ยวถามเบาๆ นํ้าเสียงฟังดูใกล้ชิดสนิทสนม

“ขอรับ เมื่อสักครู่นี้มั่วหยางไปพบคุณชายแล้ว” มั่วหยางตอบสั้นๆ “หากแม่นางป๋ายไม่มีอะไรให้รับใช้ มั่วหยางคงต้องขอตัวก่อน ชายหญิงมายืนกันอยู่ด้วยกัน ตอนกลางคืน เกรงว่าจะทำให้เสื่อมเสียถึงชื่อเลียงของแม่นางป๋าย” พูดจบเขาไม่รอให้ป๋ายซีเยวี่ยพูดอะไรก็หันหลังเดินออกไป

พอเขาเดินจากไปไกล ลวี่จือที่เดินตามป๋ายซีเยี่ยวมา ก็ ดเบาๆ ด้วยนํ้าเสียงดูถูกว่า “พวกไม่รู้จักดีชั่ว ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักนิด เป็นได้แค่หมาตัวหนึ่งที่เฝ้าอยู่ข้างๆ คุณชายแท้ๆ คิดว่าได้เข้าไปเรียนหนังสือในโรงเรียนจื่อหยางแล้ว จะกลายเป็นชนชั้นสูงงั้นรึ? เสียแรงคุณหนูอุตส่าห์ทำดีด้วย”

นํ้าเสียงนั้นเหมือนเป็นการทวงความเป็นธรรมให้กับป๋ายซีเยวี่ย แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะความอิจฉาที่มั่วหยางโชคดีได้ไปเรียน

โรงเรียนจี่อหยางนั่นเป็นที่อะไรถ้าโชคดีหน่อยและรู้จักรักษาโอกาสเอาไว้จากคนใช้ไม่แน่ว่าอาจจะได้กลายเป็นเจ้าคนนายคนในพริบตา

สายตาที่อ่อนโยนของป๋ายซีเยวี่ยค่อยๆ เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

คำพูดของลวี่จือ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อนาง นางพูดนิ่งๆ “มั่วหยางได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนจื่อหยาง ถ้าสามารถเอาเขามาเป็นพวกเดียวกับเราได้ไม่แน่ว่าเรา อาจจะได้รับประโยชน์จากเขา”

นางรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เป็นวันหยุดที่มั่วหยางจะกลับมาเพราะฉะนั้นจึงมารอโอกาสอยู่ที่นี่นานแล้ว

ไม่คิดว่าจะโดนตอกหน้ากลับมาแบบนี้

แต่ว่าป๋ายซีเยวี่ยก็ไม่ได้โกรธอะไรมากนัก คนยิ่งจัดการยากมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเท่านั้น แบบนี้ถึงจะคู่ควรให้นางลงมือ!

ในเรือน มู่เกอสั่งให้โย่วเหอและฮวาเยวี่ยกลับไปพักผ่อนก่อน

เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ในขณะที่กำลังจะเริ่มการฝึกเวทพลังสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะกลม

เธอเดินเข้าไปใกล้ แล้วก้มหน้าลงมองบนกระดาษมีตัวหนังสือเขียนอยู่แถวหนึ่ง ‘ยามสามก่อน รุ่งสางมาพบข้า’

มู่เกอขมวดคิ้วหยิบกระดาษบนโต๊ะขึ้นมา พูดเสียงตํ่า “มู่ชิงเกอออกมานี่หน่อย”

พอพูดจบร่างอันโปร่งแสงของมู่ชิงเกอก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เธอ

“ถ้าเจ้าอธิบายอะไรหน่อยจะดีมากนะ” มู่เกอถือกระดาษในมือขึ้นมาสะบัดตรงหน้ามู่ชิงเกอ

ใครจะไปรู้ว่าสีหน้าบนใบหน้าอันโปร่งแสงของมู่ชิงเกอนั้นดูแย่มาก ในแววตาเต็มไปด้วยความกลัว ร่างที่โปร่งแสงเริ่มสั่น

มู่เกอขมวดคิ้วถามอีก “เจ้าเป็นอะไร แล้วคนๆ นี้เป็นใคร”

“อา     อาจารย์.         ” มู่ขิงเกอเหมือนเปล่งเสียงลอดไรฟันออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version