Skip to content

พลิกปฐพี 305

ตอนที่ 305

มองทะลุสถานะร่างหญิงสาว!

หลังจากประตูปิดลง มู่ชิงเกอยืนอยู่กลางถ้ำแล้วมองไปรอบด้าน

ด้านหน้าของนาง มีถนนเข้าไป รอบด้านมีแต่รอยรูวงกลม กำแพงนํ้าแข็งส่งแสงแวววาว เสานํ้าแข็งที่ตั้งตรงขึ้นไปสู่ยอดนั้นก็ไม่รู้ว่าถูกสร้างขึ้นมาหรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

“เข้ามา” เสียงที่ดูแก่ชราเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

มู่ชิงเกอเงี่ยหูตั้งใจฟัง เสียงนี้ดูเหมือนว่าจะดังมาจากส่วนลึกของถํ้า

‘ฟังจากนํ้าเสียงแล้วก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ว่าเป็นใครกันที่สามารถอยู่ในถํ้าแห่งนี้มาได้นานถึงหมื่นปี?’ มู่ชิงเกอนำพาความสงสัยในใจ ก้าวเดินไป ค่อยๆ เดินไปในส่วนลึกของถํ้า

ติ๋ง!

เสียงน้ำหยดลงมาจากน้ำแข็งย้อย ตกลงมากัดเซาะน้ำแข็งจนเกิดเสียงออกมา

มู่ชิงเกอหันมองออกไปตามเสียง นํ้าแข็งที่ถูกหยดนํ้ากัดเซาะนั้น ได้เกิดรอยเว้าขึ้นอีกรอย เป็นเหมือนกับถ้วยเล็กๆ

มู่ชิงเกอค่อยๆ เดินตามทางสายเดียวนั้นไป หลังจากมู่ชิงเกอเลี้ยวโค้งไปสามรอบแล้ว ในที่สุดภาพตรงหน้าก็ชัดเจนขึ้น ถํ้าที่กว้างเท่ากับห้องห้องหนึ่งปรากฎอยู่ตรงหน้าของนาง

“เคล็ดวิชาเทวะ!” เมื่อเข้าไปในถํ้า มู่ชิงเกอยังไม่ทันได้สังเกตเรื่องอื่น สายตาก็ถูกดึงดูดด้วยม้วนเคล็ดวิชาที่ลอยแขวนอยู่ภายในถํ้า นางเดินไปยังเคล็ดวิชาที่เปล่งแสงสีทองนั้นอย่างอดใจไม่ไหว ในใจรู้สึกตื่นเต้นจนยากจะอธิบาย แม้แต่สองมือก็สั่นขึ้นมา นางรอวันเวลานี้มานานเหลือเกิน

นางมีเคล็ดวิชาเทวะส่วนบน ดังนั้นจึงแน่ใจว่านั้นคือเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางได้ในเพียงแวบเดียวที่เห็น! รูปร่างภายนอกของเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนและส่วนกลางไม่ได้แตกต่างกันมาก

มู่ชิงเกอดีใจมาก เรื่องที่รอคอยมานาน ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้า เพียงแค่ยื่นมือออกไป

เพียงแค่ได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางมา นางก็ถือว่าได้สำเร็จภารกิจที่มาทำในครั้งนี้แล้ว

เพียงแต่ว่า รอจนเท้าของนางเพิ่งจะเข้าไปใกล้เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางเพียงนิ้วเดียว แสงวาววาบก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น ทั้งยังมาพร้อมกับเปลวไฟสีทองโปร่งแสง โอบล้อมนางเอาไว้ตรงกลางกักขังนางไว้

มู่ชิงเกอตกใจ รู้แล้วว่าตนเองมุทะลุเกินไป

นางคิดอยากจะได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางมาตั้งนาน เมื่อได้เห็นเป็นครั้งแรก จึงได้ลืมตัวเช่นนี้

นางยืนอยู่ในเปลวไฟ เปลวไฟนี้โผล่ออกมาจากชั้นนํ้าแข็งบนพื้น มีขนาดสูงเท่าตัวคน พอดีที่จะโอบล้อมนางเอาไว้ แต่ว่าเปลวไฟนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีความร้อน แม้ว่าจะปรากฎอยู่บนตัวนางก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกอะไร เรื่องที่แปลกประหลาดผิดปกติเช่นนี้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น

มู่ชิงเกอระงับอารมณ์มองลอดเปลวไฟโปร่งแสงนี้ออกไป สังเกตรอบๆ ถํ้า

ถํ้าแห่งนี้เป็นรูปวงกลม ด้านในไม่ได้มีอะไรพิเศษ และก็มีเพียงแค่เคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางที่แขวนลอยอยู่ตรงหน้าของนางนิ้วหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นก็ว่างเปล่าไม่มีอะไรที่แปลกประหลาด

“เด็กน้อย เจ้าชื่อว่ามู่ชิงเกอใช่ไหม?” เสียงที่แก่ชราดังขึ้นมา ชั่วขณะนั้นก็ทำให้ดวงตาของมู่ชิงเกอหดตัวอย่างระมัดระวังขึ้นในทันที

“เจ้าเป็นใครกัน? ออกมานะ!” นัยน์ตาอันสดใสของมู่ชิงเกอฉายแววลึกลํ้า

เปลวไฟที่โอบล้อมตัวนางไม่ได้ส่งผลต่อการพูดของนาง

“ข้าเป็นใครงั้นหรือ?” เสียงที่ดูแก่ชราเปล่งเสียงหัวเราะ เรียบนิ่งออกมา ในเสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความความอ้างว้างและความทุกข์ทรมาน

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้รีบพูดออกไป

หลังจากเสียงที่แก่ชรานั้นหัวเราะจนพอใจแล้วถึงได้เอ่ยว่า “เจ้าเด็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าที่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถบุกเข้ามาถึงที่นี่ได้ เดินมาถึงจุดนี้ เจ้ามาที่นี่ก็เพราะคิดจะแย่งชิงตำแหน่งนายน้อยกับคนอื่นด้วยอย่างนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าในประวัติศาสตร์ของตระกูลมู่ยังไม่เคยมีประมุขตระกูลเป็นผู้หญิงมาก่อน”

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือก ในใจหนักอึ้ง ‘เจ้าของเสียงนี้เป็นเทพมาจากไหนกันถึงกลับสามารถมองทะลุร่างปลอมของนางออกในพริบตาเดียวได้? ถึงแม้ว่าเครื่องมืออำพรางของนางจะสร้างขึ้นจากซางหลันรั่ว แต่ว่าได้ผ่านการดัดแปลงจากซือมั่วอีก เขาเคยพูดว่าคนที่มีพลังฝึกปรือตํ่ากว่าเขานั้นจะไม่สามารถมองทะลุร่างปลอมของเครื่องมืออำพรางนี้ได้ แต่เจ้าของเสียงเบื้องหน้ากลับสามารถมองร่างจริงของตนเองออกได้ในแวบเดียว เช่นนั้นไม่ใช่ว่าพลังฝึกปรือของเขาสูงกว่าซือมั่วงั้นหรือ?!’

โอกาสที่เป็นไปได้นี้ทำให้ในใจของมู่ชิงเกอตกตะลึงมาก ในใจของนางนั้น ซือมั่วร้ายกาจมาก อย่างน้อยนางในตอนนี้ก็สู้ไม่ได้ หากว่าเจ้าของเสียงนี้มีพลังเหนือกว่าซือมั่วแล้ว เช่นนั้นวันนี้ที่นางคิดจะเอาเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางไปก็คงจะกลายเป็นยิ่งยากแล้วใช่หรือไม่?

ในขณะที่หัวใจของมู่ชิงเกอดุจดั่งทะเลที่มีคลื่นพายุอยู่นั้น หูข้างซ้ายของนางก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา

หางตาของนางปรากฎแสงสีม่วงวาบผ่าน เมื่อนางมองตามก็พบว่าเครื่องมืออำพรางของตนเองถูกคนเอาออกไปแล้ว

เมื่อไม่มีเครื่องมืออำพราง ร่างจริงของนางก็ปิดซ่อนไว้ไม่อยู่ พริบตาเดียวก็เปลี่ยนจากคุณชายที่ดูหล่อเหลากลายเป็นสาวงามที่งดงามจับตา

ลีหน้าของมู่ชิงเกอเคร่งขรึมขึ้น ทั้งใบหน้าดูเคร่งเครียด ตุ้มหูสีม่วงอันนั้นในตอนนี้กำลังลอยอยู่ตรงหน้าของนางไม่ไกล

“อืม ท่วงท่าเช่นนี้หาพบได้ยากยิ่ง หมื่นปีก็ยังยากที่จะได้เห็นสักครั้ง ความสามารถ ความเฉลียวฉลาดและรูปลักษณ์ล้วนแต่มีความโดดเด่น ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้หญิงเช่นเจ้าจะมีความทะเยอทะยานในการเข้าต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งประมุขตระกูลด้วย” หลังจากเสียงที่แก่ชราสำรวจนางแล้วก็ประเมินออกมา

แต่ว่าเมื่อมู่ชิงเกอได้ยินแล้วกลับยิ้มเย้ยหยันออกมา

“ข้าไม่เคยคิดจะเป็นประมุขตระกูลมู่ ข้ามาเพียงเพื่อเคล็ดวิชาเทวะ” มู่ชิงเกอพูดอย่างชัดเจนถึงจุดมุ่งหมายของตนเอง

ในนํ้าเสียงของนางแฝงไว้ด้วยความดูแคลนและไม่ยินยอม

ดูเหมือนว่าภายใต้ความคิดของเสียงนั้น ผู้หญิงไม่ควรเผชิญลมพายุ ไม่ควรแย่งชิงความเป็นใหญ่ ส่วนนางที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายก็เพื่อความทะเยอทะยานในใจอันหนึ่ง

มู่ชิงเกอยิ้มเย็นขึ้นในใจ

“เพื่อเคล็ดวิชาเทวะงั้นหรือ? ยังพูดว่าไม่อยากจะเป็นประมุขตระกูลมู่อีก?” ความดูแคลนในนํ้าเสียงนั้นยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก “เจ้าสามารถเดินทางมาจนถึงที่นี่ได้ก็น่าจะรู้ว่าการได้รับเคล็ดวิชาเทวะที่สมบูรณ์นั้นเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งของการเป็นประมุขตระกูลมู่ ข้าดูแล้วในตอนนี้เจ้าได้รับเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนไปแล้ว เพียงแต่ไม่สามารถฝึกฝนได้สมบูรณ์ก็เท่านั้น”

เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ยังหัวเราะเยาะออกมา

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววมืดดำ เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง นางไม่คิดอยากจะอธิบายอะไรแทนตนเองอีกแล้ว ตอนนี้คนที่เป็นเจ้าของเสียงนั่นไม่ว่าจะเป็นใคร สิ่งที่มอบให้แก่นางก็คือทัศนคติที่คล่ำครึ

แล้วนางยังจะสิ้นเปลืองนํ้าลายไปอธิบายให้แก่ตนเองได้อย่างไร?

ทันใดนั้น ตุ้มหูสีม่วงก็พุ่งมายังมู่ชิงเกอ ความเร็วนั้นทำให้มาถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอภายในพริบตา

นางมองไปแล้วยื่นมือออกไปรับเอาตุ้มหูมากำไว้ในกลางฝ่ามือแต่กลับไม่สวมใส่อีก

“เจ้าไปเสียเถอะ นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าควรมา” เสียงที่แก่ชรานั่นค่อยๆ เอ่ยออกมา

ประโยคนี้ทำให้มู่ชิงเกอโมโหมาก

นางสิ้นเปลืองแรงใจแรงกายไปมากมายกว่าจะมาถึงที่นี่เพื่อเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางแล้วนางบุกทะลวงเข้ามาอย่างยากลำบาก ส่วนเจ้าคนที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่โผล่ออกมาให้เห็นกลับมาบอกให้นางไปซะงั้นหรือ?

นางหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา พูดกับเสียงนั้นไปว่า “เอาเคล็ดวิชาเทวะมอบให้ข้าแล้วข้าก็จะไปในทันทีและก็จะไม่มาอีก”

“ยังคิดที่จะเอาเคล็ดวิชาเทวะอีกหรือ? ที่ข้าไม่ได้บีบให้เจ้าเอาเคล็ดวิชาเทวะส่วนบนออกมาก็ถือว่าเห็นแก่ที่เจ้ามีสายเลือดของตระกูลมู่แล้ว ที่เรียกเจ้าเข้ามาในถํ้าก็เป็นเพียงแค่อยากจะพูดให้ชัดเจนเท่านั้น เจ้ายังไม่รีบจากไปอีก อย่าเสียเวลาอีกเลย,, เสียงนั้นได้เผยความรู้สึกรำคาญออกมา

นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแววเย็นยะเยือก

ทันใดนั้นนางก็เอ่ยถามว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรให้ข้าออกไป? ข้าขอถามเจ้าที่ว่าในตอนที่บรรพบุรุษตระกูลมู่สร้างกฎนี้ขึ้นมานั้นได้พูดอย่างชัดเจนหรือไม่ว่าไม่ให้รุ่นหลังที่เป็นผู้หญิงเข้าร่วม?”

เสียงที่แก่ชราเงียบลงไป

มู่ชิงเกอพูดขึ้นอีกว่า “ไม่ตอบก็คือไม่ได้กำหนด ในเมื่อไม่ได้กำหนด เช่นนั้นผู้หญิงหรือผู้ชายก็มีสีทธิเข้าร่วมได้ ข้าอาศัยความสามารถของตนเองเดินทางมาจนถึงที่นี่ แต่เจ้ากลับสร้างกฎที่ไม่สมเหตุสมผลมาคิดจะให้ข้าถอยออกไปงั้นหรือ? นี่เป็นเพราะเห็นว่าข้ารังแกได้ง่ายอย่างนั้นหรือ?”

เสียงนั้นยังคงนิ่งเงียบ

ในเวลานี้มู่ชิงเกอต้องการที่จะระบายความโกรธในอก ออก ท่าทางยิ่งดูเย็นชาพูดต่อไปว่า “วันนี้ไม่ว่าเจ้าจะใหญ่กว่า อนุญาตหรือไม่ข้าก็จะเอาเคล็ดวิชาเทวะส่วน กลางไปด้วย หากว่าเจ้าคิดจะฆ่าข้าก็เชิญเลย!”

พูดจบแล้วนางก็หันกายยื่นมือออกไปคิดจะคว้าจับเคล็ด วิชาเทวะส่วนกลาง

ส่วนเปลวไฟที่โอบล้อมนางนั้นก็เปลี่ยนเป็นกว้างขึ้น

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากเป็นประมุขตระกูลแล้วจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง?” เสียงที่เงียบไปอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ปรากฎออกมาอีกครั้ง

มู่ชิงเกอได้ยกมือขึ้นมาคิดจะหยิบเอาเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางแล้ว

เมื่อได้ยินถึงคำพูดนี้ของเขา นางก็เพียงแต่หัวเราะอย่า เย็นชาออกมา แล้วก็ยื่นมือไปด้านหน้าต่อ

แต่ว่าในตอนที่มือของนางจะสัมผัสโดนเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางนั้น ก็รู้สึกว่ากลางฝ่ามือมีความเจ็บปวดสะท้อนเข้ามา บีบให้นางต้องถอนมือกลับไป

นางมองไปที่กลางฝ่ามือของตนเอง ก็พบว่ามีเลือดเนื้อปะปนแล้ว

‘ดูแล้วเคล็ดวิชาเทวะอันนี้เก็บได้ไม่ง่ายนัก’ มู่ชิงเกอคิดอย่างหนักอึ้งในใจ

นางไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง เพียงแค่บาดแผลภายนอกเล็กน้อย ดูน่ากลัวแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ผ่านไปเพียงครู่เดียว ฝ่ามือของนางก็กลับคืนสู่สภาพ เดิม ดูไม่ออกว่าเคยมีบาดแผล

“เป็นเพียงแค่ระดับสีเงินชั้นสามแต่กลับมีพลังฟื้นฟูที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้!” ในนํ้าเสียงที่แก่ชราแฝงไว้ด้วยความตกตะลึง

มู่ชิงเกอกวาดตามองไปรอบด้าน คิดอยากจะหาว่าคนที่พูดนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

เสียงนั้นมองออกถึงความคิดของนางจึงเอ่ยว่า “ไม่ต้องหาหรอก หากว่าข้าไม่คิดจะให้เจ้าเห็นข้า ไม่ว่าเจ้าจะหาอย่างไรก็มองไม่เห็น”

มู่ชิงเกอถอนมือกลับ ไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับพลังในการฟื้นฟูของตนเอง

“มองเห็นแล้วใช่ไหมว่าเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางนั้นไม่ใช่ของเจ้า” เสียงนั้นเอ่ย

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มเยาะออกมาสบถว่า “น่าขัน หากว่าเคล็ดวิชาเทวะนี้กำหนดเจ้าของเอาไว้ แล้วตระกูลมู่จะยังลำบากลำบนสร้างการแข่งขันเช่นนี้ออกมาอีกทำไม? เห็นได้ชัดว่าทุกคนที่มีความสามารถ ซึ่งก็คือคนที่เดินมาถึงที่นี่ได้ ล้วนมีโอกาส เพียงแต่ว่าในใจของเจ้านั้นดูถูกผู้หญิง ไม่ยอมที่จะแจ้งวิธีทดสอบออกมา ทั้งยังให้ข้าถอยออกไปเพราะความยากอีก”

“เจ้าฉลาดมาก” เสียงนั้นพูดอย่างใจกว้าง

มู่ชิงเกอยิ้มเยาะ “เจ้าไม่ยอมบอกข้าก็ไม่เป็นไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าในตอนนี้ยังมีผู้แข่งขันอีกคนหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ เขานั้นเป็นผู้ชายอย่างที่เจ้าคาดหวัง รอถึงเวลาที่เขา เข้ามาถึงแล้ว เจ้าก็ต้องบอกเขาถึงวิธีที่จะเก็บเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลางอยู่ดี รอจนเขาเอามาแล้วข้าก็ค่อยแย่งมาก็ได้”

เสียงที่แก่ชรานั้นเงียบลงอีกครั้ง

ความรู้สึกดูแคลนในนัยน์ตาของมู่ชิงเกอยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นางจะยืนอยู่ข้างเคล็ดวิชาเทวะส่วนกลาง ไม่ลงมืออีก และก็ไม่ยอมจากไป

“เจ้าเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งกลับดื้อดึงเช่นนี้” ผ่านไปนาน เสียงนั้นถึงได้เอ่ยออกมา

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น “ดื้อดึงนั้นพูดไม่ถึง ข้าขอบอกว่าตัวข้าเองนั้นเป็นคนที่พูดจาตกลงได้ดีคนหนึ่ง เพียงแต่เรื่องที่เจ้าตัดสินใจออกมานั้นทำให้ข้ายากที่จะรับได้” “อา น่าเสียดาย! หากว่าเจ้าเป็นผู้ชาย เช่นนั้นคงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวคนหนึ่ง!” เสียงนั้นพูดขึ้นอย่างรู้สึกเสียดาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version