Skip to content

พลิกปฐพี 33

ตอนที่ 33

ไอ้เจ้าเฒ่าประหลาดต่ำช้า

ท่ามกลางความมึนงง มู่เกอรู้แค่ว่าตนเองถูกดูดเข้าไปอยู่ในที่ที่ซึ่งสับสนวุ่นวาย ความรู้สึกนั้นเหมือนตอนที่เธอทะลุมิติมาเกิดใหม่ “หรือว่า ข้าจะเกิดใหม่อีกครั้ง? เอ้ย! นี่ข้าตายเพราะไอ้ยาเม็ดนี้เหรอ?!” พอได้สติมู่เกอก็ต้องตกใจกับความคิดของตนเอง ทันใดนั้น ในหัวก็มีความรู้สึกราวกับมีอะไรฉีกขาด ขัด จังหวะสิ่งที่เธอกำลังคิดทำให้จิตใต้สำนึกของเธอไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้น!” มู่เกอเอามือกุมหัวแน่น นิ้วทั้งสิบจิกเข้าไปที่หนังศีรษะ

“อ๊ากๆๆ!”

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำใหัมู่เกออดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทานทนได้ เคยปวดหัวไมเกรนไหม? ถ้าเคย ก็จะรู้ แต่ ทว่าความเจ็บปวดในตอนนี้ของมู่เกอมันมากกว่าการปวดหัวไมเกรนเป็นร้อยเท่า

ความรู้สึกเจ็บปวดนี้ทำให้มู่เกออยากจะกัดลิ้นตัวเองตายไปเสีย

เธอกำมือแน่นทุบหัวตัวเองราวกับว่าการทำร้ายตัวเองแบบนี้จะทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลง

ตัวอักษรแปลกประหลาดจำนวนมากมายปรากฏขึ้นในสมองของเธอ ราวกับบังคับให้เธอจดจำมันให้ขึ้นใจ จนยากที่จะลืมเลือน

ไม่เพียงแต่อักษรพวกนั้น แต่ยังมียาสมุนไพรนานาชนิด และซากสัตว์จำนวนมากที่หมุนวนซํ้าไปมาในหัวของเธอ ราวกับฉายหนัง เทียบยามากมายวนเวียนอยู่ในสมองของเธอจนแทบจะทำให้หัวของเธอระเบิด

และยาเม็ดนั้นที่พุ่งเข้าไปฝังตัวอยู่ตรงหว่างคิ้วของเธอ ก็กำลังหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว มันค่อยๆ ละลายเล็กลงตามแรงหมุนนั้น “ข้าทนไม่ไหวแล้ว! ” มู่เกองอตัวลงกลิ้งไปมาบนพื้นที่สับสนวุ่นวายนี้

ความเจ็บปวดของร่างกายนั้นเธอสามารถทนได้

แม้ว่าจะถูกเฉือนเนี้อเลาะกระดูก เธอก็จะไม่ร้องสักคำ แต่ทว่าความเจ็บปวดทางจิตนี้ กลับทำให้เธออยากจะรีบตายไปซะเพื่อจะได้หลุดพ้น พลังจิตแม้ว่าจะแข็งแกร่งแต่มันก็เปราะบางและไวต่อความรู้สึก หากพลังจิตได้รับการกระทบกระเทือน เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติก็คงยากที่จะรักษา แล้วตอนนี้ความเจ็บ ปวดทางจิตที่เธอได้รับก็พุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว

หากทนไม่ไหว ไม่แน่ว่าพลังจิตของเธออาจจะสูญเสียการควบคุมและพังทลายลง จากนี้ก็อาจจะต้องกลายเป็นอัมพาต เป็นเจ้าหญิงนิทราหรือไม่ก็กลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ

ทันใดนั้น แสงสีเขียวก็มาปรากฏขึ้นที่ข้างตัวมู่เกอก่อนจะกลายร่างเป็นคนโปร่งแสง

มู่ชิงเกอมองท่าทางเจ็บปวดของมู่เกออย่างตกใจ นางสามารถรับรู้ได้ว่าพลังจิตของมู่เกออ่อนแอลงเรื่อยๆ และใกล้จะพังทลายเต็มที “เข้มแข็งไว้นะ!”

แต่มู่เกอที่ตกลงไปในความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนั้นกลับไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูดแม้แต่น้อย ไม่รู้แม้กระทั่งว่านางมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้

ทำไมจู่ๆ มู่เกอถึงกลายเป็นแบบนี้

มู่ชิงเกอมีร่างเป็นวิญญาณโปร่งแสง สามารถมองเห็นอะไรๆ ได้ชัดเจนกว่ามู่เกอ นางรู้ว่ามู่เกอกำลังอดทนกับความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ได้รับ นี่เป็นชะตาของมู่เกอและเป็นชะตาของนางด้วยเช่นกัน เพราะว่ามู่เกอคือมู่ชิงเกอและมู่ชิงเกอก็คือมู่เกอ

หากทนไม่ได้ เช่นนั้นเกรงว่ามู่ชิงเกอคงต้องตายไปจริงๆ มู่ชิงเกอเม้มปากแน่น คิ้วขมวดมุ่น

ทำอย่างไรดี ข้าจะช่วยเจ้าอย่างไรดี

สมองของมู่ชิงเกอรีบคิดหาวิธีอย่างว่องไว ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เป็นประกาย นางคิดออกแล้วว่าจะช่วยให้มู่เกอ ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างไร

หลังจากที่ไตร่ตรองดูดีแล้ว สายตาของมู่ชิงเกอก็เต็มไปด้วยประกายเด็ดเดี่ยว

นางพูดกับมู่เกอเบาๆ “ต่อไปนี้ ตระกูลมู่ ท่านปู่และท่านอา คงต้องพึ่งเจ้าแล้ว!” พูดจบนางก็นั่งขัดสมาธิ ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท

ร่างที่โปร่งแสงพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

หลังจากนั้นพลังโปร่งแสงบริสุทธิ์กลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งออกมาจากศีรษะของนางราวกับเชือกเส้นหนึ่ง และหมุนวนขึ้นเป็นเกลียว เข้าไปกลางศีรษะของมู่เกอ

เมื่อพลังเข้าสู่ร่างกายของมู่เกอ ร่างของมู่ชิงเกอจากเดิมที่โปร่งแสงอยู่แล้วก็ซีดจางลงหลายส่วนตามไปด้วย ทั้งหมดนี้มู่เกอไม่รู้เลยแม้แต่น้อย

เธอในตอนนี้กำลังรับมือกับความเจ็บปวดที่ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้น ก็มีความร้อนกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้และค่อยๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังจิตของเธอ พลังที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ความเจ็บปวดของเธ บรรเทาลง ราวกับว่าอาณาเขตพลังจิตในตัวเธอมีพื้นที่ในการรับมือกับความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น

มู่เกอตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้ว่าคราวนี้ตนเองคงรอดแล้ว

ในป่าซือมั่วอุ้มร่างของมู่เกอไว้คิ้วที่ขมวดแน่นค่อยๆ คลายออก เขายังเป็นห่วงกลัวว่านางจะทนไม่ไหว ขณะที่กำลังจะยื่นมือเข้าช่วยนั้น กลับไม่คิดว่านางจะทนผ่านมันมาได้

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ร่างที่โปร่งแสงของมู่ชิงเกอ ๆ ก็เริ่มโปร่งแสงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวหมอกควันที่สามารถสลายหายไปได้ตลอดเวลา

แต่ร่างกายที่ได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัสจนเกร็งแน่นของมู่เกอกลับค่อยๆ ผ่อนคลายลงราวกับวิชาที่ถ่ายทอดมาสู่ตัวเธอจนเกือบจะคร่าชีวิตเธอนี้ได้เดินทางมาจนถึงจุดสุดท้ายแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง พลังสายสุดท้ายของมู่ชิงเกอก็เข้าไปสถิตอยู่ในร่างของมู่เกอ

มู่เกอสงบลง นอนนิ่งอยู่ท่ามกลางความสับสนแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น

สิ่งที่เห็นคือภาพที่พร่ามัว

มู่เกอรีบลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ สบตากับสายตาที่ประเดี๋ยวชัดเจนประเดี๋ยวพร่าเลือนของมู่ชิงเกอ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” มู่เกอตกใจ

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นมีความโล่งใจราวกับได้รับการปลดปล่อย “ข้าต้องไปแล้ว คงจะอยู่กับเจ้าได้ไม่ถึง 49 วันแล้ว”

“เกิดอะไรขึ้น” มู่เกอขมวดคิ้วเธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนแอและอ่อนแรงของมู่ชิงเกอในตอนนี้ มู่ชิงเกอยังคงยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่เกอ “เจ้าลองพูดมาก่อนดีกว่าว่าเจ้าได้รับการถ่ายทอดอะไรมา”

มู่ชิงเกอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้มู่เกอเม้มปาก แต่เธอก็ยังคงตอบคำถามของมู่ชิงเกอ “คาสตร์ในการปรุงยา เหมือนเป็นสิ่งที่นักปรุงยาสมัยบรรพกาลเคย เรียนรู้มา”

“ดีเหลือเกิน!” สายตาที่ดูมืดมนของมู่ชิงเกอเป็นประกายขึ้นบ้าง

นางดีใจจริงๆ ดีใจกับความโชคดีของมู่เกอ จากนี้ยิ่งมู่ชิงเกอเก่งกาจมากขึ้นเพียงใด นางก็จะจากไปอย่างสบายใจมากเพียงนั้น

มู่เกอจ้องมู่ชิงเกอและพูดขึ้นว่า “ในตอนที่ข้าเกือบจะทนไม่ไหว พลังจิตที่มาหลอมรวมกับพลังจิตของข้ามันเป็นพลังจิตของเจ้าใช่ไหม?”

มู่ชิงเกอพูดนิ่งๆ “วิญญาณแต่เดิมก็เป็นพลังจิตชนิดหนึ่งอยู่แล้ว ถือว่าพวกเราโชคดีที่ข้าได้ดูดพลังวิญญาณของเจ้าเฒ่าสารเลวเป่ยหมิงนั้นเข้าไปในร่างกาย ประจวบเหมาะกับตอนที่พลังจิตของเจ้าไม่เพียงพอสำหรับการถ่ายทอดพลัง ข้าจึงหลอมพลังวิญญาณนั้นให้เป็นพลังจิตที่บริสุทธิ์แล้วถ่ายมันให้แก่เจ้า”

“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” มู่เกอพูดเสียงแข็ง

เมื่อรับรู้ได้ถึงนํ้าเสียงที่เป็นห่วงเป็นใย มู่ชิงเกอจึงยิ้มพร้อมพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ข้าก็ต้องสลายหายไปและจากที่นี่ไปอยู่ดี ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า เจ้าเองก็ไม่ต้องรู้สึก ว่าติดค้างอะไรข้าเจ้ากับข้านั้นมีร่างกายเดียวกัน ช่วยเจ้าก็เหมือนช่วยตัวข้าเอง”

มู่เกอเงียบไปสักพักแล้วถามอย่างจริงจังว่า “วิญญาณของเจ้าจะแตกสลายไปไหม”

มู่ชิงเกออึ้งไปสักพักแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “ถึงบอกว่าพวกเราโชคดีอย่างไรเล่า หากข้าใช้พลังของตนเองเพียงคนเดียวในการช่วยเจ้า ไม่แน่ว่าวิญญาณอาจแตกสลายไปจริงๆ”

คำพูดของมู่ชิงเกอ มู่เกอเข้าใจดี เรื่องบางเรื่องคงจะถูกฟ้ากำหนดเอาไว้แล้ว ผู้เฒ่า เป่ยหมิงเอาเธอมาทดลองยา กระทั่งคิดจะสังหารเธอ แต่สุดท้ายกลับต้องถูกฆ่าตาย สมบัติที่มีค่าก็ถูกมู่เกอขโมยมา สุดท้ายแล้วแม้กระทั่งพลังของวิญญาณก็ยังต้องมาช่วยเธอในการสืบทอดวิชา

“ข้าต้องไปแล้ว ต่อจากนี้มู่เกอก็จะกลายเป็นมู่ชิงเกอตัวจริง ข้าฝากท่านปู่และท่านอาด้วย” พอพูดจบร่างของนางก็ดูซีดจางมากขึ้นเรื่อยๆ

มู่เกอเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้า

เมื่อได้รับคำมั่นจากมู่เกอ มู่ชิงเกอก็ราวกับหมดห่วง ร่างกายแตกกระจายเป็นละอองล่องลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า หลอมรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของความสับสนวุ่นวายนี้

มู่เกอเงยหน้าขึ้นใช้สายตาคู่นั้นส่งมู่ชิงเกอเป็นครั้งสุดท้าย

เธอไม่รู้จุดหมายปลายทางของมู่ชิงเกอ แต่เธอรู้ว่าเป็นอย่างที่มู่ชิงเกอบอกนับแต่นี้เธอจะกลายเป็นมู่ชิงเกอที่แท้จริง

ระหว่างที่ค่อยๆ ฟื้นสติ มู่เกอ….ไม่สิ หลังจากนี้คงต้องเรียกว่ามู่ชิงเกอแล้ว มู่ชิงเกอก็รู้สึกว่าแก้มของตนเองสัมผัสกับเข้าลมหายใจอุ่นๆ ขนตานางขยับไหวเบาๆ พร้อมกับลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นดวงตาสุกใสเป็นประกาย

มู่ชิงเกอเพิ่งลืมตาขึ้น ก็มองเห็นใบหน้าอันงดงามหล่อเหลาที่แนบชิดกับผิวของนาง สีหน้านางพลันแปรเปลี่ยน กำหมัดขวาและสะบัดออกไปอย่างไม่ลังเล “เจ้าคนตํ่าช้า!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version