ตอนที่ 36
เด็กสาวกลางสวนที่รกร้าง
มู่ชิงเกอเดินเล่นอยู่ในสวน ด้วยฐานะและชุดสีแดงของนาง องครักษ์ฝ่ายในพบนางแล้วต่างก็ต้องโน้มตัวลงทำความเคารพและปล่อยให้นางเดินต่อไป
พูดได้ว่าหากนางไม่เดินเข้าไปในส่วนลึกของตำหนักใน ไม่เข้าไปในเขตหวงห้ามของราชวัง นางก็จะสามารถเดินไปไหนก็ได้ภายในวังแห่งนี้
เพราะว่า ท่านปู่ของนางคือมู่ซง
เพราะว่า นางเป็นคุณชายผู้สืบทอดสายเลือดโดยตรง และเพราะว่านางเป็นคู่หมายขององค์หญิงฉางเล่อ แล้วที่สำคัญเพราะเมื่อก่อนไทเฮาเคยให้อภิสิทธิ์พิเศษ ให้นางสามารถเดินเล่นภายในวังได้ตามใจชอบ
ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานเช่นนี้ ขอถามหน่อย นอกจาก คุณชายแห่งตระกูลมู่ มู่ชิงเกอผู้นี้แล้วจะยังมีใครอีก
‘พระราชวัง ก็แค่นี้เอง’ มู่ชิงเกอที่กำลังเดินเล่นฆ่าเวลา หลังจากความรู้สึกแปลกใหม่ในตอนแรกแล้ว ก็ไม่ได้ถูกใจความโอ่อ่าฟุ้งเฟ้อในพระราชวังแคว้นฉินเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ~~น่าเบื่อ! เวลานี้ข้าควรจะกำลังมีความสุขกับฝีมือการนวดของฮวาเยวี่ย และอาหารอันเลิศรสของโย่วเหอสิจึงจะถูก” มู่ชิงเกอรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจเข้าวังมาอีก
“เจ้าเป็นใคร?” ทันใดนั้น มีเสียงใสๆ เสียงหนึ่งที่แฝงไปด้วยความกลัวดังมาจากทางด้านหลังนาง
มู่ชิงเกออึ้งรีบหันไปมองหาต้นเสียง ตอนนี้จึงเพิ่งพบว่าตนเดินเข้ามายืนอยู่ในสวนที่รกร้างเพียงคนเดียวโดยไม่รู้ตัว
ที่บอกว่าเป็นสวนร้างนั้น ไม่ได้พูดโดยไม่มีเหตุผล
เพราะสวนแห่งนี้ มีหญ้าขึ้นสูง ก้อนหินที่เห็นก็มีตะไคร่นํ้าเกาะเต็มไปหมด ประตูหน้าต่างของเรือนในสวนแห่งนี้ก็บิดเบี้ยวไม่เป็นรูปทรง และยังเติมไปด้วยใยแมงมุม ในพระราชวังอันใหญ่โตแห่งนี้ มีที่แบบนี้อยู่ จะไม่ให้เรียกว่าสวนร้างได้อย่างไรกัน
แต่ว่า หากเป็นสวนร้างจริงๆ ถ้าอย่างนั้นนอกจากนางที่เดินเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วยังจะมีใครอยู่ที่นี่อีกหรือ?
มู่ชิงเกอหันไปดูรอบๆ เห็นดวงตากลมโตอันใสซื่อบริสุทธิ์คู่หนึ่งแอบอยู่บริเวณกอหญ้า
บริสุทธิ์มาก!
สายตาคู่นั้นไม่มีอะไรเจือปนเลยแม้แต่น้อย ทำให้มู่ชิงเกออึ้ง
หรือว่าเพราะนางเคยประสบกับสิ่งที่ซับซ้อนวุ่นวายมามากมาย ดังนั้นสำหรับความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์ นางจึงมักจะเกิดความรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้พบ
มู่ชิงเกอค่อยๆ เดินอย่างแผ่วเบาเข้าไปหาสายตาคู่นั้น
“เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่?” เจ้าของสายตาคู่นั้นเหมือนจะตกใจมาก แอบถอยไปด้านหลังและถามขึ้นมาอีกครั้ง
หญ้าที่สูงประมาณเอวเคลื่อนไหวไปตามการกระทำของนาง และเผยให้เห็นร่างของนางชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?” มู่ชิงเกอเดินเข้าไปใกล้ก้มตัวลงถาม
จากเสียงที่ยังดูเด็ก นางจึงรู้ว่าคนที่แอบอยู่ในกอหญ้า เป็นสาวน้อยที่ยังอายุยังน้อยนางหนึ่ง ในตอนนี้นางเห็นหญิงสาวที่ม้วนอยู่ในกอหญ้าที่รกชัฏนี้ชัดเจนแล้ว พบว่าอายุของนางไม่น่าจะเกิน 12 หรือ 13 ขวบและเด็กกว่าตนเองเล็กน้อย
บนใบหน้ากลมดั่งซาลาเปาน่ารักของนาง สิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดคือแววตาที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ดั่งกวางตัวน้อยคู่นั้น นํ้าตาที่คลออยู่ในดวงตาอันสดใสบริลุทธิ์ดั่งนํ้าที่ไหลลงมาจากภูเขา ไม่ถูกสิ่งใดปนเปือนเลยแม้แต่น้อย
นางมวยผมเป็นทรง ยิงจี้คู่* ประดับด้วยดอกอิ๋นฮวา หว่างคิ้วถูกแต้มด้วยชาดเป็นแต้มคนงาม ทำให้นางไม่เพียงแต่น่ารัก แต่ยังเพิ่มเสน่ห์ให้ไม่น้อย ท่อนล่างเป็นกระโปรงอย่างสาวชาววังสีเขียวอ่อน ดูจากลักษณะเสื้อผ้าและการแต่งกายที่ดูซับซ้อนของนาง ฐานะของนางต้องไม่ต้อยตํ่าแน่นอน
“ข้าชื่อเหลียนเหลียน” สาวน้อยตอบเบาๆ
พอคำตอบออกมาจากปากนาง นางก็ได้สติและรีบเอามือปิดปาก เหมือนกำลังตกใจที่ตนเองตอบคำถามคนแปลกหน้าอย่างง่ายดาย
“เหลียนเหลียนหรือ?” ท่าทางที่ดูน่ารักของสาวน้อย ยิ่งทำให้มู่ชิงเกอยิ่งรู้สึกเบิกบานจนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
รอยยิ้มนี้ทำให้สาวน้อยหลงใหล และกล่าวชื่นชมอย่างไม่รู้ตัว “พี่ชายหน้าตางดงามยิ่งนัก ยิ่งยิ้มก็ยิ่งงาม”
เอ่อ!
มู่ชิงเกอยิ้มค้าง ในใจแอบหัวเราะ ‘เหอะๆ’
อืม พี่ชายก็พี่ชาย
มู่ชิงเกอยกมือขึ้นลูบศีรษะของสาวน้อยอย่างยอมแพ้ พูดด้วยนํ้าเสียงที่อ่อนโยน “เหลียนเหลียนเองก็สวยมาก”
ระหว่างที่สนทนากันสาวน้อยเกือบจะลืมไปว่าจริงๆ แล้วตนเองไม่ได้รู้จักมู่ชิงเกอ พอมู่ชิงเกอพูดจบนางก็ทำปากจู๋น่ารักพร้อมส่ายหน้า “เหลียนเหลียนไม่สวยหรอก เสด็จแม่บอกว่า ความน่ารักของข้าไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้ แต่ความสวยนั้นเทียบพี่เหยาไม่ได้เลยสักนิด” ในนํ้าเสียงของสาวน้อยเหมือนกำลังเสียใจมองมู่ชิงเกอแวบหนึ่งแล้วพูดเบาๆ ว่า “ยิ่งกับพี่ชายข้ายิ่งเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
เสด็จแม่?!
คำเรียกขานนี้ทำให้มู่ชิงเกอแอบเดาอะไรบางอย่างในใจ
เด็กสาวตรงหน้านางนี้อาจจะเป็นพระธิดาองค์ใดองค์หนึ่งของฮ่องเต้พอคิดถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนในพระราชวัง ความรู้สึกดีๆที่มู่ชิงเกอมีให้กับนางในตอนแรกก็ลดน้อยลงไปมาก “เจ้าอยากสวยเหรอ?” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็ถามขึ้น นํ้าเสียงเยือกเย็นลงหลายส่วน
เด็กสาวแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำเสียงที่ผิดปกติไป และส่ายหน้ายังใสซื่อ “เหลียนเหลียนพอใจกับหน้าตาของตนเองแล้ว เสด็จแม่บอกว่า รูปร่างหน้าตาแบบนี้ของข้า เป็นหน้าตาของคนมีวาสนา” พูดจบก็พยักหน้าให้มู่ชิงเกออย่างจริงจัง
มู่ชิงเกอหรี่ตา เชื่อมโยงสิ่งที่เด็กหญิงสาวผู้นี้พูด แล้วเริ่มเข้าใจ
คิดว่า องค์หญิงที่เติบโตในพระราชวัง เห็นคนรอบข้าง ต่างก็หน้าตางดงาม จึงผิดหวังกับความเรียบง่ายของตนเอง แต่นางมีแม่ที่แสนดี ทำให้นางไม่หลงลืมความเป็นตัวเอง ท่ามกลางสถานที่หลอกลวงแห่งนี้
“แล้วเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่” มู่ชิงเกอถามด้วยสายตาดุๆ เด็กสาวกะพริบตา ขนตาของนางยาวงอนราวกับใบพัด นางตอบอายๆ ว่า “เหลียนเหลียนขาแพลง ชิงเอ๋อร์กำลังไปตามคนมาช่วย”
มู่ชิงเกอมองข้อเท้าของนางที่ถูกชายกระโปรงปกปิดไว้ มู่ชิงเกอก้มหน้าลงพูดนิ่งๆ “ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว” พูดจบ ก็เตรียมจะเดินจากไป
“พี่ชายจะไปแล้วหรือ?” องค์หญิงตัวน้อยรีบเรียกมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอค่อยๆ หันข้างมาเล็กน้อย พร้อมยกยิ้มจางๆ “ข้าแค่หลงทางเข้ามาและกำลังจะไปแล้ว”
“พี่ชายอยู่เป็นเพื่อนเหลียนเหลียนจนชิงเอ๋อร์มาได้หรือไม่?” เสียงใสๆ ขององค์หญิงตัวน้อยพูดด้วยนํ้าเสียงอ้อนวอน
มู่ชิงเกอหันหน้ากลับมา และสบตากับสายตาอันไร้เดียงสาคู่นั้น
ความงดงามนี้ ทำให้จิตใจที่ไม่อยากจะยินยอมของนางต้องพ่ายแพ้ นางแอบบ่นในใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาองค์หญิงตัวน้อยอีกครั้ง
จริงๆ แล้วนางไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนในราชวงศ์มากเกินไป แต่ไม่ดีกว่าสุดท้ายก็แพ้ให้ใจตัวเอง
“ให้ข้าดึงเจ้าขึ้นมาก่อน” มู่ชิงเกอเดินไปอยู่ตรงหน้าองค์หญิงตัวน้อย
แต่องค์หญิงตัวน้อยกลับส่ายหน้าอย่างน่าสงสารพร้อมพูดว่า “เหลียนเหลียนเจ็บขามากเดินไม่ไหวแล้ว”
ขาแพลง แน่นอนว่ามันต้องเจ็บอยู่แล้ว
มู่ชิงเกอแอบสงสัยว่าระหว่างที่ทั้งสองสนทนากันมานานขนาดนี้ทำไมองค์หญิงตัวน้อยผู้นี้ไม่ได้แสดงความตื่นตกใจกับความเจ็บปวดออกมาเลย
องค์หญิงตัวน้อยที่อยู่ท่ามกลางกอหญ้าเงยหน้าขึ้นมองนาง ทำให้มู่ชิงเกอใจอ่อนโน้มตัวลงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินออกจากกอหญ้า
ทุกอย่างมันกระทันหันมาก ทำให้องค์หญิงตัวน้อยตกใจ แก้มนวลทั้งสองข้างของนางเริ่มแดง
“พี่ชายรีบปล่อยข้าลง” องค์หญิงตัวน้อยพูดเบาๆ
มู่ชิงเกอวางองค์หญิงตัวน้อยลงตรงขั้นบันได นางลืมคิดไปว่าตอนนี้ตนเองมีฐานะเป็นผู้ชายเข้าใกล้ผู้หญิงขนาดนี้มันเป็นการเสียมารยาท
“นั่งตรงนี้สบายกว่าตรงกอหญ้านะ” มู่ชิงเกอปัดเสื้อผ้าของตนเองพร้อมพูดนิ่งๆ
องค์หญิงตัวน้อยพยักหน้า ไม่เพียงแต่ใบหน้าที่แดง ตอนนี้หูก็เริ่มแดงแล้ว
“ที่นิ่ที่ไหนกัน” พอสังเกตเห็นรอบข้างที่รกร้างมู่ชิงเกอก็ถามขึ้น
เหลียนเหลียนเลิกอายแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาใสดั่งนํ้า มองใบหน้าอันงดงามของมู่ชิงเกอ “ที่นี้เป็นฐานลับของเหลียนเหลียน ไม่มีคนอยู่ที่นิ่มานานแล้ว เหลียนเหลียนและชิงเอ๋อร์ชอบมาเล่นที่นี่ จริงด้วย! แล้วยังมีพี่เฉิง แต่ว่าเขาไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้มานานแล้ว”
มู่ชิงเกอคิดว่าสาวน้อยคนนี้ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ไม่ต้องให้ใครพูดอะไร ก็เล่าความจริงออกมาเองหมดเลย
“ที่นี่มีอะไรน่าสนุกงั้นรึ?” มู่ชิงเกอเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“ซ่อนแอบไง” สายตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท่าทางเหมือนเด็กน้อยชอบเล่นสนุกที่เจอของเล่นที่ตนเองชอบ
‘เหอะๆ’
ที่นี่เหมาะกับการเล่นซ่อนแอบจริงๆ
มู่ชิงเกอไม่เถียง
ทันใดนั้น รอบบริเวณรกร้างแห่งนี้มีเสียงดังขึ้น มู่ชิงเกอได้ยินแล้วก็พูดกับองค์หญิงตัวน้อยว่า “คาดว่าชิงเอ๋อร์ของเจ้าคงใกล้มาถึงแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
พูดจบเงาร่างของมู่ชิงเกอก็ออกจากสวนที่รกร้างอย่างรวดเร็ว
นางไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเองมากไปกว่านี้
“อ๊ะ พี่ชาย…” ใบหน้าที่กลมเหมือนซาลาเปาขององค์หญิงตัวน้อยดูเสียใจมาก ริมฝีปากสีชมพูบ่นพึมพำ “ข้ายังไม่รู้ชื่อของท่านเลย”
(ยิงจี้คู่ เป็นทรงผมที่มวยผมสูง แบ่งผมเป็นสองส่วนแล้ว ยึดตรงกลางไว้ แล้วหลังจากนั้นก็มวยผมทั้งสองข้างขึ้น สูงให้เด่นอยู่บนศีรษะ)