Skip to content

พลิกปฐพี 392

ตอนที่ 392

ก็เท่เช่นนี้แหละ!

ปัง!

แครก!

“โฮก!”

พัดของจีเหยาฮั่วลอยอยู่กลางอากาศ ทุกที่ที่ผ่านไปก็จะเกิดแสงสีทองสาดไปยังโครงกระดูกสีขาว

เสียงร้องโหยหวนดังเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้หนังหัวชา

อิ๋งเจ๋อก็สะบัดอาวุธยาวของตนเอง ตวัดไปยังโครงกระดูกที่เข้ามาใกล้ พลังจิตของเขาเปล่งแสงสีทองจางๆ ออกมา มีโอกาสจะเข้าสู่ระดับสีทองได้ตลอดเวลา

อาวุธยาวแทงไปยังโครงกระดูกอย่างรุนแรง ทำให้กระดูกแตกกระจาย

ทั้งสองคนหันหลังชนกัน สีหน้าดูเคร่งขรึม มองไปยังทหารโครงกระดูกที่โอบล้อมพวกเขาอย่างระมัดระวัง ดูไร้ที่สิ้นสุด

“เคี๊ยก เคี๊ยก”

เสียงหัวเราะอันอำมหิตดังออกมาจากปากของทหารโครงกระดูก ดวงตาของพวกมันมีเปลวไฟสีเขียวลุกโชน

“น่าตายนัก! เหตุใดพวกเราถึงโชคร้ายขนาดนี้? กลับไปยั่วยุเจ้าพวกนี้ได้!” จีเหยาฮั่วกัดฟันเอ่ยออกไป อิ๋งเจ๋อตวัดอาวุธยาวในมือ สีหน้าดูแย่มาก เมื่อได้ยินคำพูดของจีเหยาฮั่วแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ใครใช้ให้เจ้าไปแตะต้องอาวุธของพวกมันกันละ?”

ใบหน้าของจีเหยาฮั่วแข็งทื่อ พูดอย่างกระดากใจว่า “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าโครงกระดูกเหล่านี้จะสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ มีดสั้นเล่มนั้น ข้าเห็นว่ามันงดงามมากจึงคิดอยากจะมอบให้เทียนเทียน อีกอย่างข้าก็วางมันกลับคืนไปแล้วนี่!”

“แต่ว่าพวกมันไม่คิดจะปล่อยพวกเราไป” อิ๋งเจ๋อพูดเรื่องจริงออกมาอย่างเย็นชา

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนพักผ่อนดีแล้ว ก็เดินไปข้างหน้าต่อ เป็นเหมือนกับพวกมู่ชิงเกอ เดินไปข้างหน้าต่อ บางทีทั้งสองฝั่งอาจจะสามารถรวมตัวกันได้อีกครั้ง

ตลอดเส้นทางเงียบสงบมาก

ตัวประหลาดสีเขียวที่ฆ่าไม่ตายเหล่านั้นก็ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นอีก แต่ว่าในตอนที่พวกเขาเดินผ่านซากสนามรบโบราณที่พิเศษแห่งหนึ่งก็พบเจอกับเรื่องเหนือความคาดหมาย

ซากสนามรบโบราณแห่งนี้ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ

ซากร่างของพวกเขาไม่ได้กลายเป็นหิน แต่กลายเป็นโครงกระดูก

โครงกระดูกกองกันเป็นชั้นๆ บนพื้นมองออกไปไกลๆ แล้วก็จะรู้สึกเหมือนเป็นผืนหิมะสีขาว ทั้งสองคนเดินผ่านที่นี่อย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าในตอนที่สายตาของจีเหยาฮั่วมองเห็นมีดสั้นที่ประดับอยู่บนชุดเกราะของโครงกระดูกร่างหนึ่งนั้น เรื่องเหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้นแล้ว

“โครงกระดูกพวกนี้ไม่มีตาเลยจริงๆ รนหาที่ตายข้าจะส่งพวกมันไปตายอีกครั้ง! รอจนทำลายโครงกระดูกเหล่านี้จนกลายเป็นผงแล้ว ข้าจะต้องเอามีดสั้นเล่มนั้น คืนมาให้ได้!” จีเหยาฮั่วพูดอย่างแค้นใจ ขยับพัดในมือโจมตีออกไปอย่างรุนแรง

อิ๋งเจ๋อก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ โบกสะบัดอาวุธยาวในมือ ทำลายโครงกระดูกเหล่านั้นให้แตกเป็นผงเรื่อยๆ เพียงแค่กวาดไปรอบหนึ่ง พละกำลังที่แข็งแกร่งก็ทำลายโครงกระดูกเหล่านั้นให้กลายเป็นฝุ่นไป แต่ทั้งสองคนต่อสู้ไปครู่หนึ่งก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง!

โครงกระดูกที่ถูกพวกเขาทำลายร่างกายไปนั้น ไม่ได้ตายไปอีกครั้งอย่างที่พวกเขาคิด

แสงสีเขียวบนกะโหลกยังไม่ทันได้ดับ กะโหลกศีรษะส่งเสียงออกมา จากนั้นก็ดูเหมือนกับเป็นลูกบอลหิมะกลิ้งเข้ามาหาพวกเขา

“ให้ตายเถอะ!” จีเหยาฮั่วยกเท้าที่เกือบจะถูกหัวกะโหลกงับเข้ายังดีที่เขามีปฏิกิริยารวดเร็วยกเท้าขึ้นได้ทันเตะหัวกะโหลกจนแตกกระจาย

เวลานี้เอง แสงสีเขียวก็ได้ลอยหายไปจากหัวกะโหลกอย่างรวดเร็ว

จีเหยาฮั่วไม่ได้สังเกตเห็นแสงสีเขียวที่หายไป แต่หันไปพูดกับอิ๋งเจ๋อว่า “ตัวประหลาดเหล่านี้ ให้ระเบิดหัวไปเลย!”

อิ๋งเจ๋อพยักหน้าเงียบๆ

เขาชกหมัดออกไประเบิดกะโหลกศีรษะของโครงกระดูกที่ลอยมาหาเขา

และเมื่อกะโหลกศีรษะของโครงกระดูกถูกทำลายทั้งตัวของมันก็แตกสลายไปเอง แสงสีเขียวที่ซ่อนอยู่ในดวงตา ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ลอยหายออกไปอย่างรวดเร็ว

ฉากนี้ทำให้อิ๋งเจ๋อค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น นัยน์ตาฉายแววสงสัย

เพียงแต่ว่าทหารโครงกระดูกนับพันนับหมื่นนี้ทำให้เขาครุ่นคิดไม่ทัน ได้แต่รีบตั้งสติตั้งใจฆ่าล้างไปพร้อมกันกับจีเหยาฮั่ว

นับตั้งแต่เข้ามาในสนามรบโบราณ อิ๋งเจ๋อก็รู้สึกอดสูมาโดยตลอด

ตอนที่พบเจอกับกลิ่นอายแห่งความตายระดับพลังในกายของเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เมื่อพบกับเศษวิญญาณ การโจมตีของเขาก็ไร้ผล เมื่อพบกับตัว ประหลาดสีเขียวก็ยิ่งฆ่ายิ่งเยอะขึ้น

ตอนนี้ในที่สุดเขาก็พบกับตัวประหลาดที่สามารถฆ่าตายได้! ทำให้เขาฆ่าล้างอย่างดุดันระบายความแค้นในใจ

‘มาแล้ว!’ เมื่อมู่ชิงเกอมองเห็นเงาร่างสีเขียวเหล่านั้นแล้วในใจก็รู้สึกหนักอึ้ง ตัวประหลาดสีเขียวปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง อีกทั้งจำนวนในครั้งนี้ก็ไม่น้อยเลย ซีเซียนเสวี่ยมองเห็นผืนสีเขียวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไป หลุดเสียงพูดออก ไปว่า “พวกมันอ้อมมาอยู่ด้านหน้าของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของนาง ดวงตาของมู่ชิงเกอก็วูบไหวเล็กน้อย พูดเสียงเข้มว่า “บางทีอาจจะเป็นคนละกลุ่ม”

ซีเซียนเสวี่ยมองนางอย่างตกตะลึง

‘ถ้าหากว่าไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน เช่นนั้นแล้วภายในสนามรบโบราณยังมีตัวประหลาดสีเขียวเหล่านี้อยู่มากแค่ไหนกัน?’

ซีเซียนเสวี่ยไม่กล้าคิดเลย

เพียงแค่ตัวประหลาดตัวเล็กสองตัวก็ทำให้พวกเขาทุลักทุเลจนเกือบตายแล้ว

หากว่ามีตัวประหลาดสีเขียวเหล่านี้จำนวนนับไม่ถ้วน เช่นนั้นพวกเขาจะทำอย่างไร?

“พวกเราต้องหนีหรือไม่?” ซีเซียนเสวี่ยถามมู่ชิงเกอ นางคิดว่าในเมื่อฆ่าไม่ตายแล้ว เช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือรีบหนีไปก่อนตอนที่อีกฝ่ายยังไม่ทันพบเห็นพวกนาง หลีกเลี่ยงการปะทะ

“ไม่”

ใครจะรู้ว่ามู่ชิงเกอจะปฏิเสธข้อเสนอของนาง ในตอนที่ซีเซียนเสวี่ยกำลังตะลึงอยู่นั้น มู่ชิงเกอก็หันมองนาง นัยน์ตาฉายแววแน่วแน่ที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ พร้อมเอ่ยกับนางว่า “เจ้าหาที่หลบก่อน ใช้พลังจิตคุ้มครองส่วนหัวเอาไว้ ข้าจะอยู่ต่อ”

ซีเซียนเสวี่ยได้ฟังแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที “ไม่ได้!”

มู่ชิงเกอเอ่ยกับนางว่า “ข้าคิดได้ถึงวิธีหนึ่งที่อาจจะต่อสู้กับพวกมันได้ แต่ต้องลองด้วยตนเอง เจ้าหลบก่อน หากไม่ได้ผลข้าจะรีบหนีไปทันที”

นัยน์ตาของซีเซียนเสวี่ยเต็มไปด้วยความกังวล นางคิดที่จะโน้มน้าวใจไม่ให้มู่ชิงเกอเสี่ยง แต่ก็รู้ดีว่าความคิดของมู่ชิงเกอนั้นถูกต้อง ขอเพียงแต่ยังอยู่ในสนามรบโบราณ พวกนางก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอกับตัวประหลาดสีเขียวเหล่านี้ หากว่าต้องหนีทุกครั้ง ไม่ต้องพูดว่าทุกครั้งจะโชคดีเช่นนี้ เพียงแค่การหลีกหนีตลอดเวลาก็จะทำให้เกิดจิตมาร ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขาในอนาคต

“เจ้าระวังตัวด้วย” สุดท้ายแล้วซีเซียนเสวี่ยก็กลืนความกังวลในใจลงไป เอ่ยกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอพยักหน้า

ซีเซียนเสวี่ยกัดฟัน หันกายจากไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือทำตามคำพูดของมู่ชิงเกอ หาที่ซ่อนที่ปลอดภัยให้ตนเอง เมื่อปกป้องตนเองดี แล้วก็จะได้ไม่สร้างความลำบากเพิ่มให้กับมู่ชิงเกอและไม่เป็นตัวถ่วงของเขา!

ซีเซียนเสวี่ยซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ที่ที่นางเลือกนั้นมีช่องว่างสามารถมองเห็นมู่ชิงเกอได้พอดี

นางใช้พลังจิตสร้างเกราะป้องกันให้กับส่วนหัวของตนเองเป็นชั้นๆ อย่างต่อเนื่อง ป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณของตัวประหลาดเหล่านั้น สายตาก็จ้องมองเงาร่างของมู่ชิงเกอตลอดเวลา ส่วนมือก็จับกระบี่ระดับเทวะของตนเองเอาไว้แน่น

มือขวาของมู่ชิงเกอสว่างวาบ ทวนหลิงหลิงปรากฎขึ้นมาในมือของนาง ตัวประหลาดสีเขียวเหล่านั้นค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาแต่ยังคงห่างอีกระยะหนึ่ง

มู่ชิงเกอมองพวกมัน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นิ้วมือทั้งห้าขยับเล็กน้อย จับทวนหลิงหลงแน่น

บนซากสนามรบโบราณแห่งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าห่างจากพวกมู่ชิงเกอไปไกลเท่าไหร่ จีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อหันหลังพิงกัน ในมือถืออาวุธของตนเองยืนอยู่บนกองกระดูกสีขาวกองหนึ่ง

“ฆ่าพวกมันจนสองแขนของข้าชาไปหมดแล้ว” จีเหยาฮั่วพูดอย่างเหนื่อยอ่อน

อิ๋งเจ๋อเม้มปากไม่พูดอะไร แต่ลมหายใจก็ถี่กระชั้น

ทหารโครงกระดูกนับหมื่นถูกพวกเขาฆ่าจนหมด เปลี่ยนเป็นกองผงกระดูกสีขาวเป็นชั้นๆ ที่พวกเขาเหยียบเอาไว้ใต้เท้า ในตอนนี้พวกเขาคิดเพียงแค่อยากจะพักผ่อนสักครู่หนึ่ง

แม้อิ๋งเจ๋อจะมีพละกำลังแห่งสายเลือด แต่ในตอนนี้มือที่กุมอาวุธยาวก็ยังสั่นเล็กน้อย ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังผ่อนคลายแล้วคิดจะฟื้นฟูกำลังนั้น พื้นดินก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“เกิดอะไรขึ้น!” การสั่นสะเทือนของพื้นดิน ทำให้จีเหยาฮั่วมองลงไปใต้เท้าอย่างตกตะลึง

ผงกระดูกที่พวกเขาทั้งสองคนกำลังเหยียบอยู่ใต้เท้า ค่อยๆ ตกลงไปทำให้ทั้งสองคนยืนได้ไม่มั่นคง

จีเหยาฮั่วจับข้อมืออิ๋งเจ๋อ สีหน้าเปลี่ยนไป “คงจะไม่มีตัวประหลาดอะไรโผล่ขึ้นมาอีกแล้วใช่ไหม?”

อิ๋งเจ๋อยังไม่ทันได้พูด ทั้งสองคนก็มองเห็นเงาร่างสีดำขนาดใหญ่ค่อยๆ เข้ามาใกล้ ปกคลุมพวกเขาไว้

ทั้งสองคนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังเจ้าของเงาร่างขนาดใหญ่

ชั่วขณะนั้นก็สูดลมหายใจเย็นเยียบ

เมื่อมองเห็นสัตว์ขนาดใหญ่ตัวนั้นแล้ว อิ๋งเจ๋อก็พูดกับจีเหยาฮั่วว่า “ปากพาซวยจริงๆ!”

จีเหยาฮั่วรู้สึกขมขื่น เขาก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้นี่?

“นี่เป็นโครงกระดูกของสัตว์อสูรอะไรกัน?” จีเหยาฮั่วกลืนนํ้าลายพูดเสียงเบา

ตรงหน้าของพวกเขาเป็นโครงกระดูกของสัตว์อสูรขนาดใหญ่เหมือนภูเขา มันเหมือนกับโครงกระดูกเหล่านั้น มีสี่ขา มีหางยาวที่เต็มไปด้วยหนามแหลม มีคอยาว บนแผ่นหลังมีชิ้นส่วนของกระดูกรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ท่าทางดูดุร้ายน่ากลัวมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าของมันแล้ว จีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อก็ดูตัวเล็กราวกับมด ภายในดวงตาบนหัวกะโหลกของมันมีเปลวไฟสีเขียวโผล่ออกมาเหมือนกับทหารโครงกระดูก แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือตรงหว่างคิ้วของพวกมันยังมีตราประทับสีแดงดุจสีเลือดเปล่งแสงวาววาบดูแปลกประหลาดและโดดเด่นมากอยู่ด้วย

มันปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคนพร้อมกับส่งเสียงคำรามดุจดั่งฟ้าผ่า ยกกรงเล็บด้านหน้าขึ้นมาฟาดใส่พวกเขาทั้งสองคน

นัยน์ตาของจีเหยาฮั่วและอิ๋งเจ๋อหดตัวลง รีบกระโดดหนี ทั้งสองมองตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็แยกกันลอยพุ่งไปยังดวงตาสองข้างของสัตว์อสูรตัวนั้น

‘มาแล้ว!’ ตัวประหลาดสีเขียวปรากฎอยู่ตรงหน้าของมู่ชิงเกอ

ตัวประหลาดสีเขียวที่อยู่ด้านหน้าสุดพบเจอเงาร่างของนางแล้ว จากนั้นก็รีบไปรายงานตัวประหลาดตัวใหญ่ อย่างรวดเร็ว ส่วนตัวประหลาดตัวใหญ่ก็มีรูปร่างเหมือนกันกับที่มู่ชิงเกอเคยพบ บนร่างมีถุงผ้าอยู่ใบหนึ่ง

ตัวประหลาดเหล่านี้ดูเหมือนกันจนมู่ชิงเกอแทบแยกไม่ออกว่าพวกมันไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน

ตัวประหลาดตัวเล็กที่พบเห็นนางได้รับคำสั่งแล้วก็ยิ้มมาให้กับมู่ชิงเกออย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ส่งเสียงแหลมออกมา

ดวงตาของมู่ชิงเกอเกิดแสงสีทองขึ้น ในสายตาของนาง ในตอนนี้มองเห็นการโจมตีทางจิตวิญญาณที่ไร้รูปแล้ว มันพุ่งออกมาจากปากของตัวประหลาดตัวเล็กมุ่งตรงมาที่นาง

นางหรี่ตาลง ดวงตาฉายแววอำมหิต

มู่ชิงเกอสะบัดทวนหลิงหลงออกไป พลังจิตสีทองพุ่งออกจากปลายทวนวาดโค้งเป็นสายปะทะเข้ากับพลังโจมตีทางจิตวิญญาณอย่างรุนแรง ชั่วขณะนั้นก็ทำให้ มันหายไป

‘ได้ผล!’ ผลลัพธ์นี้ทำให้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอเปล่งประกายขึ้น

ซีเซียนเสวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ นางมองไม่เห็นการโจมตีทางจิตวิญญาณไร้รูป มองเห็นแต่เพียงตัวประหลาดตัวเล็กตัวนั้นส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นมู่ชิงเกอก็สะบัดทวนส่งพลังจิตสีทองออกไปสายหนึ่ง ส่วนพลังจิตสีทองสายนั้นก็ระเบิดออกกลางอากาศกลายเป็นแสงระยิบระยับสีทองสาดกระจาย ส่วนพลังโจมตีทางจิตวิญญาณก็หายไปแล้ว

ชุดรบสีแดง ทวนยาวสีเงิน ผมดำพลิ้วไหว ท่าทางเย็นชา…ชั่ววินาทีนี้นัยน์ตาของซีเซียนเสวี่ยเหลือแต่เพียงท่วงท่าอันองอาจในสนามรบของมู่ชิงเกอเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version