ตอนที่ 409
ใครมาขอเข้าเฝ้า?
“คำถามที่สามก็คือ หากเด็กในท้องของพระชายาเป็นเด็กผู้หญิง แล้วจะทำอย่างไร? ดินแดนมารของเรานับแสนปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีประมุขเป็นผู้หญิงมาก่อน” ซู่เหยียนเอ่ยออกมา
พวกเขาเปลี่ยนแผน ต้องการให้มู่ชิงเกอรับปาก
มู่ชิงเกอยิ้มเยาะในใจ ‘คนเหล่านี้ต้องการให้นางแสดงท่าที หากว่าคลอดลูกเป็นหญิงก็จะต้องถอยออกไปจากการแก่งแย่ง ต่อไปใครจะเป็นเจ้าของดินแดนมารก็ต้องเป็นพวกเขาที่ตัดสินใจ’
ปัญหานี้เป็นการขุดหลุมพรางให้นาง ม้วนนางเข้าไปด้านใน เพียงแค่ตอบตามที่พวกเขาถาม ไม่ว่าจะเป็นคำตอบอย่างไรก็ยากที่จะหลุดออกจากแผนการของพวกเขาได้
แต่ มู่ชิงเกอนั้นเป็นใคร? เพียงแวบเดียวนางก็มองแผนการนี้ทะลุปรุโปร่งแล้ว แล้วยังจะกระโจนลงไปในนั้นทำไม?
มู่ชิงเกอวางขาที่ไขว้อยู่ลงมา ใช้สองมือพยุงตัวค่อยๆ ลุกขึ้นมา ยิ้มให้กับซู่เหยียนแล้วเอ่ยว่า “เด็กคนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ข้ากับองค์ราชาของพวกเจ้าก็จะต้องมีลูกคนที่สอง คนที่สามต่อไป…จะเลือกทายาทที่เหมาะสมไม่ได้เลยหรือ? เจ้าเมืองย่อยซู่เหยียน คำพูดของเจ้านั้นข้าไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าองค์ราชาจะมีทายาทเพียงแค่คนเดียว หรือเจ้าคิดว่าองค์ราชาจะไม่กลับมาแล้ว ไม่สามารถสร้างทายาทให้แก่ดินแดนมารได้อีก?”
คำตอบนี้ของนางสร้างแรงทำลายล้างได้อย่างมหาศาลนัก
สีหน้าของซู่เหยียนเปลี่ยนไปรีบคุกเข่าลงไปในทันที
พวกหลิงจิวถูก ‘การแสดง’ อันยอดเยี่ยมนี้ของมู่ชิงเกอทำให้ตกตะลึงไป แต่ตอนนี้ก็ไม่ลืมจะใส่ไฟช่วยนาง
“ซู่เหยียนบังอาจนัก! ถึงกลับกล้าแช่งองค์ราชาและทายาทขององค์ราชา!” หลิงจิวตะคอกออกไป
“ไม่ผิด แช่งทายาทขององค์ราชารวมไปถึงแช่งว่าองค์ราชาไม่อาจกลับคืนมาได้อีก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็เป็นความผิดร้ายแรง” ชิงเจ๋อค่อยๆ เอ่ยขึ้น เสียงของเขาไม่ดังมากแต่น้ำเสียงกลับดูเข้มงวด
ซู่เหยียนมองมู่ชิงเกอด้วยสีหน้าที่ไม่น่าดูรีบขอร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “พระชายา ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงแต่…เพียงแต่…”
“พระชายา ซู่เหยียนเพียงแต่ร้อนใจวู่วามไปชั่วขณะ ไม่ได้คิดให้รอบคอบถึงได้พูดคำพูดเช่นนั้นออกไป” เซ่อฉิน ก็คุกเข่าลงช่วยอธิบาย
ชิงเหยียนกลับพูดออกมาว่า “เพราะมีความคิดเช่นนั้นอยู่แล้วถึงได้พูดออกมา ใช่หรือไม่?”
ดวงตาคู่นั้นของเขาฉายแววเย็นชาออกมา
“เจ้า!” ซู่เหยียนมองชิงเหยียนด้วยความโมโห กัดฟันเอ่ยว่า “เจ้าฉวยโอกาสใส่ร้ายข้า!”
“พวกเราล้วนแต่เป็นกังวลถึงความปลอดภัยขององค์ราชา ไม่หวังจะให้องค์ราชาเป็นอันตราย!” สั่วเซิ่งก็รีบแสดงเจตนาออกมา
ซูเฉวียนก็เอ่ยว่า “องค์ราชามีสวรรค์คุ้มครองจะต้องกลับมาได้อย่างปลอดภัยแน่”
เมื่อทั้งสองฝ่ายกัดกันไปพอสมควรแล้ว มู่ชิงเกอถึงได้ยิ้มออกมา “ข้าเชื่อว่าเจ้าเมืองย่อยชู่เหยียนเพียงแค่ร้อนใจ วู่วามไปชั่วขณะ ดังนั้นในครั้งนี้ข้าจะไม่ถือสาเอาความ ในเมื่อทุกคนล้วนแต่เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยขององค์ราชา เช่นนั้นในช่วงเวลาที่องค์ราชาไม่อยู่ก็ให้จัดการตามหน้าที่ของตนให้ดี อย่าออกมาก่อความวุ่นวาย”
มู่ชิงเกอยอมปล่อยเรื่องนี้ไปทำให้พวกสั่วเซิ่งทั้งสี่คนลอบโล่งอก
คนทั้งเก้าคนในตำหนักพูดพร้อมกันว่า “น้อมรับคำสั่งพระชายา”
มู่ชิงเกอสะบัดมือแล้วเอ่ยว่า “สามคำถามได้ถามไปหมดแล้ว ข้าก็เหนื่อยแล้ว วันนี้ก็เท่านี้เถอะ ช่วงเวลาที่องค์ราชาไม่อยู่ ราชกิจก็ให้ข้าจัดการแทนชั่วคราว”
นางจะจัดการแทนชั่วคราว?
พวกสั่วเซิ่งทั้งสี่คนคิดจะโต้กลับ แต่พวกเขาเพิ่งได้รับการอภัยโทษเมื่อครู่ จึงทำได้เพียงกลืนคำพูดลงไปไม่พูดอีก
“น้อมรับคำสั่งพระชายา”
พวกเขาประสานเสียงพูดพร้อมกัน
มู่ชิงเกอพูดออกไปเรียบๆ ว่า “ออกไปเถอะ”
เมื่อกลับไปถึงตำหนักจื่อเฉินแล้ว กู่หยาและกู่เย่สองคนก็ตามติดมู่ชิงเกอไม่จากไปไหน
ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็หยุดลง หันมามองทั้งสองคนแล้วเลิกคิ้วเอ่ยว่า “พวกเจ้าคิดจะตามติดคุ้มครองเลยงั้นหรือ? ข้าคงไม่ได้อ่อนแอจนถึงขั้นนั้นกระมัง?”
กู่หยาเดินเข้ามาก้าวหนึ่ง แล้วก็เอ่ยก้บมู่ชิงเกอว่า “พระชายา ตอนที่องค์ราชาไม่อยู่ในพระราชวังไท่ฮวงนั้นพวกเราจำเป็นต้องคุ้มครองความปลอดภัยของท่าน หากว่า ท่านเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวพวกเราคงไม่มีหน้าไปพบกับองค์ราชาได้”
“พระราชวังไท่ฮวงนี้ถูกเจ้าพูดจนดูอันตรายไปเลย” มู่ชิงเกอเอ่ย
ภายในดินแดนมารอาศัยระดับพลังของนางในตอนนี้นั้น ไม่อาจรับการโจมตีได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว เพียงแค่สุ่มเจอใครสักคนไอพลังที่ปล่อยออกมานั้นก็แข็งแกร่งกว่านางมากแล้ว
แล้วจะอย่างไรเล่า?
แม้ว่านางจะไม่มีพลังอะไรก็จะไม่ยอมให้คนอื่นมารังแกได้ง่ายๆ!
กู่หยาและกู่เย่นิ่งเงียบไม่พูดจา ท่าทีเช่นนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด พวกเขากำลังลอบบอกมู่ชิงเกอเงียบๆ ว่า หากมีซือมั่วอยู่นั้นพระราชวังไท่ฮวงถึงจะปลอดภัย หากไม่มีเขาแล้วที่นี่ก็กลายเป็นที่อันตราย
เป็นพวกเขาทั้งสองคนที่ลากมู่ชิงเกอเข้ามาเสี่ยงอันตราย ดังนั้นแม้ว่าจะต้องสูญเสียชีวิต พวกเขาก็จะไม่ยอมให้มู่ชิงเกอเป็นอะไรไปเป็นอันขาด
ท่าทางที่ดูเคร่งเครียดของทั้งสองคนทำให้มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขี้เล่นขึ้นมา
นางเดินไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งในตำหนักแล้วนั่งลง พูดกับทั้งสองคนว่า “ดูท่าทางของพวกเจ้าแล้ว พวกเขาคงยังมีอุบายอื่นอีก?”
กู่เย่สูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “สั่วเซิ่ง เซ่อฉิน ซู่เหยียนและซูเฉวียนนั้นมีจิตใจทะเยอทะยานมาก เพียงแต่ก่อนจิตใจอันทะเยอทะยานของพวกเขาถูกองค์ราชากดเอาไว้ทำให้ไม่กล้าเผยออกมา ครั้งนี้องค์ราชาหายสาบสูญจึงเป็นเวลาที่ดีสำหรับพวกเขา แต่การปรากฎตัวของพระชายากลับทำให้พวกเขาใช้แผนการไม่ได้ ข้าน้อยคิดว่าอิงจากนิสัยของพวกเขาแล้วจะต้องไม่ยอมปล่อยมือไปง่ายๆ อย่างนี้แน่นอน แต่เป้าหมายของพวกเขาจะผูกไว้กับตัวพระชายา”
มู่ชิงเกอนิ่งฟังเงียบๆ คิดถึงคำพูดของกู่เย่อย่างละเอียด เจ้าเมืองย่อยทั้งสี่คนที่นางพบในวันนี้ล้วนแต่เป็นพวกที่มีจิตใจทะเยอทะยานจริงๆ คนเช่นนี้จะยอมอยู่ใต้อำนาจของผู้หญิงที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมาอย่างกะทันหันงั้นหรือ?
มู่ชิงเกอเลิกคิ้วขึ้น เงยหน้ามองกู่เย่และถามว่า “เจ้าคิดว่าพวกเขาจะทำอะไร?”
กู่เย่ขบริมฝีปากเอ่ยว่า “วันนี้ที่พบกันนั้นเป็นเพียงแค่การลองเชิง พระชายาลองเชิงพวกเขา พวกเขาก็ลองเชิงพระชายาเช่นเดียวกัน หากว่าพระชายาเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่อ่อนแอไร้ความคิด บางทีพวกเขาอาจจะดำเนินการตามแผนที่วางเอาไว้เลย รอจนพระชายาคลอดทายาทออกมาแล้วก็แต่งตั้งเป็นราชาหุ่นเชิด จากนั้นก็อาศัยตำแหน่งขุนนางเข้าช่วยเหลือราชกิจ เดินไปตามแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ แบ่งแยกดินแดนมาร แต่พระชายาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ทำให้พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้ สำหรับอุปสรรคที่ไม่สามารถควบคุมได้เช่นนี้พวกเขาต้องหาทางกำจัด”
เมื่อกู่เย่พูดจบก็หลุบตาลง
กู่หยามองมู่ชิงเกอไม่ยอมที่จะพลาดอารมณ์บนใบหน้าของนาง
มู่ชิงเกอกลับมีท่าทางที่ดูเรียบเฉย ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากคำพูดของกู่เย่เลย ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีผลอะไรต่อนางจริงๆ นั่นล่ะ ที่นางมาที่นี่ก็ได้คิดถึง อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นเอาไว้แล้ว
“ไม่ว่าจะมาทางตรงหรือทางลับก็ให้พวกเขามาเถอะ” มู่ชิงเกอพูดเรียบๆ
นอกตำหนักมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา
องครักษ์มารเดินเข้ามาในตำหนักขัดจังหวะการพูดคุยของคนทั้งสาม องครักษ์มารเดินมาถึงตรงหน้าของมู่ชิงเกอแล้วก็ชันเข่าลงรายงานว่า “เรียนพระชายา เจ้าเมืองย่อยเยียนหย่ารออยู่ด้านนอกขอเข้าเฝ้า”
นัยน์ตาของมู่ชิงเกอฉายแวววาววาบ พูดอย่างแปลกใจว่า “เจ้าพูดว่าใครขอพบนะ?”
องครักษ์มารเงยหน้าขึ้นแล้วก็ตอบไปอีกครั้งว่า “เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่า?
มู่ชิงเกอครุ่นคิดอยู่ในใจรอบหนึ่ง จากนั้นถึงได้คิดถึงคนที่มีชื่อนี้ขึ้นมาได้นางพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเมืองย่อยหญิงเพียงหนึ่งเดียวผู้นั้นน่ะหรือ?”
“ฟะย่ะค่ะ” องครักษ์มารเอ่ย
มู่ชิงเกอแปลกใจ “ก่อนหน้านี้ในตำหนักใหญ่ นางดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวมาก มาตอนนี้ต้องการพบข้าหมายความว่าอย่างไร?”
ใบหน้าของกู่หยาและกู่เย่ฉายแววอึดอัดใจขึ้นพร้อมกัน แม้แต่องครักษ์มารที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ก้มหน้าตํ่ารักษาความเงียบสงบ
มู่ชิงเกอกวาดตามองไปบนใบหน้าของกู่หยาและกู่เย่ แล้วก็เลิกคิ้วถามว่า “พวกเจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่หรือไม่? เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าคนนี้คงไม่ใช่เพื่อนหรือคนรักของราชาพวกเจ้าใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่! พระชายาโปรดอย่าเข้าใจผิด!” กู่เย่รีบแก้ตัวแทนซือมั่วทันที ปฏิกิริยาของเขาทำให้มู่ชิงเกอเลิกคิ้วสูงขึ้น
กู่หยาเอ่ยว่า “พระชายา ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด ภายในดินแดนมารใครบ้างจะไม่รู้ว่าองค์ราชาไม่ใกล้ชิดกับสตรี แล้วจะมีเพื่อนผู้หญิงหรือคนรักได้อย่างไร? เพียงแต่ว่าเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าผู้นี้คิดมาตลอดว่าตนเองสามารถเข้าสู่วังซานไห่รับใช้องค์ราชาได้”
“วังซานไห่?” มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง
กู่หยาอธิบายต่อว่า “วังซานไห่เป็นวังหลังของตำหนักจื่อเฉิน และก็เป็นที่พักของพระชายา สามารถเข้าวังซานไห่ได้ก็หมายถึงเป็นนายหญิงแห่งดินแดนมาร”
มู่ชิงเกอเข้าใจแล้ว!
จากนั้นนางก็มองทั้งสองคนแล้วหัวเราะออกมา “เป็นเพราะองค์ราชาของพวกเจ้าเคยทำอะไรหรือไม่ ถึงได้ทำให้เจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าผู้นี้เกิดความเข้าใจผิด? คิดว่าตนเองสามารถเข้าสู่วังซานไห่ได้”
“ไม่มีอย่างแน่นอน!”
“พระชายาพิจารณาด้วย!”
กู่หยาและกู่เย่รีบปกป้องซือมั่วในทันที ตอนนี้แผ่นหลังของพวกเขาล้วนแต่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินบรรพบุรุษน้อยผู้นี้ ท่านนี้นั้นเป็นเหมือนดั่งดวงใจขององค์ราชา หากว่าทำให้นางเข้าใจผิดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ รอองค์ราชากลับมาแล้วพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องถูกถลกหนังไปกี่ชั้น
“พวกเจ้าตื่นเต้นถึงขนาดนี้ทำไมกัน?” มู่ชิงเกอยิ้มอย่างขี้เล่นขึ้นมา
กู่เย่กัดฟันเอ่ยว่า “พระชายา พวกเราก็ไม่รู้ว่าเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าผู้นี้เอาความมั่นใจมาจากไหน แต่องค์ราชาไม่เคยสนิทสนมกับนางมาก่อน เกรงว่าแม้แต่ชื่อ องค์ราชาก็คงจำไม่ได้ พระชายาโปรดอย่าได้เข้าใจองค์ราชาผิด”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางมาพบข้าเพื่ออะไร?” รอยยิ้มบนมุมปากของมู่ชิงเกอเปลี่ยนจากดูขี้เล่นเป็นมีเลศนัยขึ้นมา
กู่หยาและกู่เย่มองหน้ากัน ตอบออกมาไม่ได้ พวกเขาก็อยากจะรู้ว่าเจ้าเมืองย่อยที่วันๆ ไม่ทำอะไรอย่างเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่ามาขอพบพระชายาของ พวกเขาตามลำพังทำไม?
‘ผู้หญิงสองคนนี้พบกันคงจะไม่ตีกันขึ้นมาหรอกใช่ไหม?’ กู่หยามองกู่เย่แล้วก็ส่งสายตาสื่อสารกัน
กู่เย่ส่งสายตาตอบกลับไปว่า ‘ไม่! หากจะตีกันก็ต้องเป็นพระชายาของพวกเราที่ลงมือ’
“เอาเถอะ ข้าจะพบเจ้าเมืองย่อยเยี่ยนหย่าผู้นี้สักครั้ง ดูซิว่านางมีอะไรจะพูด” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ยืนขึ้น สะบัดฝุ่นบนชุดแล้วก็เอ่ยการตัดสินใจของตนเองออกมา
องครักษ์มารที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยถามว่า “พระชายา ให้พานางมาที่นี่เลยไหม?”
“ไม่ พานางไปวังซานไห่” ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอหรี่เล็กลง ฉายแววเย็นยะเยือกออกมา