Skip to content

พลิกปฐพี 430

ตอนที่ 430

เขาปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ

ในใจของมู่ชิงเกอยังมีข้อสงสัยอีกมากมายที่อยากถาม แต่ตอนนี้ความทรงจำของซือมั่วขาดหาย มีบางคำถามที่ไม่รู้ว่าควรถามออกไปอย่างไร

นางกล่อมอยู่ครึ่งวันในที่สุดก็ทำให้ซือมั่วหลับได้

นางถึงได้สงบใจลงและตรวจร่างกายให้เขา

การตรวจในครั้งนี้กลับทำให้นางขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ

นางลอบเดินออกมาจากกระท่อมแต่เมื่อมองเห็นองครักษ์มารที่คอยคุ้มกันรอบด้านแล้ว แก้มก็แดงขึ้นมา

“แค่ก แค่ก คุณชาย นายท่านเขา…” กู่หยาพุ่งเข้ามาด้วยท่าทางอึกอัก อยากจะถามแต่ก็ไม่รู้จะถามอย่างไรดี

มู่ชิงเกอปั้นหน้านิ่งกวาดตามองกู่หยาและกู่เย่ พูดอย่างมีเหตุผลว่า “พวกเจ้าคิดเหลวไหลอะไรกัน? ข้าเพียงแค่ตรวจร่างกายให้เขาก็เท่านั้น ตอนนี้เขากำลังหลับอยู่”

“ใช่ ใช่ ใช่ ตรวจร่างกาย พวกเราเข้าใจพระชายาไม่ต้องอธิบาย” กู่หยาก้มหน้าเอ่ย

เมื่อคำเรียกเปลี่ยนไป มู่ชิงเกอก็รู้แล้วว่าพูดไปก็เปลืองนํ้าลายเปล่า

แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องเหล่านี้

นางมองทั้งสองคนแล้วพูดว่า “เจ้านายของพวกเจ้าลืมข้าแล้ว”

“หา?”

“เป็นไปไม่ได้!”

กู่หยาและกู่เย่ตกตะลึง มองไปที่นางอย่างแปลกใจ ถึงแม้ท่าทีที่แสดงออกขององค์ราชาจะดูแปลกไปบ้าง แต่ก็ไม่เหมือนว่าจะลืมคุณชาย!

“แค่ก เรื่องเป็นเช่นนี้…” มู่ชิงเกอแกล้งไอออกมา เล่าเรื่องราวที่ซือมั่วบอกนางไปคร่าวๆ รอบหนึ่ง แน่นอนว่าเรื่องที่ควรจะละไว้นางก็ไม่เอ่ยถึง

หลังจากกู่หยาและกู่เย่ได้ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น

หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง กู่หยาถึงได้เอ่ยว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? พวกเราเคยได้ยินถึงชื่อหลียวน ดูเหมือนว่านางจะมีฐานะสูงมากในเผ่าเทพ อีกทั้งยังเย็น ชาและหยิ่งยโสมาก คิดไม่ถึงว่านางจะชอบองค์ราชา”

“อีกอย่าง องค์ราชาลืมพระชายาไปแล้ว” กู่เย่เอ่ย

มู่ชิงเกอส่ายหน้า “เรื่องที่พวกเจ้าเป็นกังวลนั้นไม่ถือว่าเป็นอะไร ไม่ว่าหลียวนจะเป็นใคร ในเมื่อนางกล้าทำเช่นนี้ อย่าพูดว่าซือมั่วจะไม่ปล่อยนางเลย ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องที่ซือมั่วลืมข้านั้น ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะถึงเขาจะลืมเรื่องที่ผ่านมา แต่ก็แน่ใจว่าข้าเป็นภรรยาของเขาและไม่ได้เย็นชาต่อข้า”

เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้แล้ว กู่หยาและกู่เย่ก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พวกเขากลัวว่าคุณชายจะโมโหที่องค์ราชาลืมนางจนหนีจากไป

“เช่นนั้นพระชายากำลังกังวลใจเรื่องอะไรหรือ?” กู่เย่ ลองถาม

มู่ชิงเกอถอนหายใจ พูดอย่างเคร่งเครียดว่า “ข้าลองตรวจดูร่างกายของเขาเมื่อครู่พบว่าร่างกายของเขาในตอนนี้ยํ่าแย่มาก เดิมทีอาการบาดเจ็บเรื้อรังของเขาก็ต้องใช้พลังฝึกปรือมากดเอาไว้อยู่แล้ว การศึกในครั้งนี้กระทบเข้ากับบาดแผลเก่า ทำให้พลังจิตในร่างตอนนี้สับสนวุ่นวายนัก”

พลังจิตพลุ่งพล่านไหลไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายอยู่ตลอดเวลา

หากจะอธิบายให้ละเอียดก็เหมือนกับกานํ้าร้อนที่ปิดสนิท ไอนํ้าร้อนไม่มีช่องว่างระบายออก ทำให้พลุ่งพล่านไม่หยุด พุ่งชนกาอยู่ตลอดเวลา

สามารถพูดได้ว่าทุกวันที่ร่างกายของซือมั่วฟื้นฟูกลับมา ก็จะได้รับความเสียหายทุกวัน

ความเจ็บปวดเช่นนี้คนธรรมดายากจะทนได้นางก็ไม่รู้ว่าซือมั่วทนเฉยอยู่ได้อย่างไร

“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?” กู่หยาเอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเม้มปาก

ครู่หนึ่งนางถึงพูดว่า “ไม่อาจชักช้าต่อไปได้แล้ว ช้าจะใช้โอสถระดับเทวะบรรเทาอาการให้เขาก่อน จากนั้นพวกเราก็ต้องรีบออกไปจากที่นี่ กลับไปพระราชวังไท่ฮวง กลับไปแล้วก็ห้ามชักช้ารีบให้เขาปรากฎตัวออกมา ปลอบคนเหล่านั้นก่อน แล้วข้าถึงจะพาเขาไป”

“พาไปไหน?” นัยน์ตาของกู่เย่ฉายแวววาววาบรีบเอ่ยถาม

มู่ชิงเกอพูดว่า “สำนักวิถีโอสถภาคตะวันออก!”

“สำนักวิถีโอสถ?”

กู่หยาและกู่เย่พูดอย่างแปลกใจ

พวกเขารู้ว่าที่นั่นคือจุดมุ่งหมายของมู่ชิงเกอ แต่จะพาองค์ราชาไปทำไม?

มู่ชิงเกออธิบายว่า “วิชาปรุงยาของข้าได้มาถึงทางตันแล้ว จำเป็นต้องไปสำนักวิถีโอสถเพื่อรับความรู้ใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสในการทะลวงสู่ระดับมหาเทพ ขอเพียงแค่สำเร็จ ข้าก็จะสามารถปรุงโอสถระดับมหาเทพเพื่อรักษาซือมั่วได้ สถานการณ์ของเขาในตอนนี้เหมือนกับภูเขาไฟที่หลับใหลอยู่ ข้าจำเป็นต้องพาเขาไปด้วยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”

กู่เย่และกู่หยาเข้าใจในทันที

“ขอรับ งั้นพวกเราจะไปเตรียมการ รอจนองค์ราชาตื่นแล้ว พวกเราค่อยจากไป” กู่เย่พยักหน้าเอ่ยออกมา

กู่หยาและกู่เย่เพิ่งจะไป มู่ชิงเกอก็มองเห็นหญิงสาวเผ่าฉงคนหนึ่งลอบแอบมองอยู่นอกเขตที่มีองครักษ์มารเฝ้าอยู่ หญิงสาวเผ่าฉงคนนี้นางคุ้นหน้านั่นก็คือผู้ที่มู่ชิงเกอเคยพบมาก่อนคนนั้นนั่นเอง

เมื่อคิดแล้ว มู่ชิงเกอก็เดินไปหานาง

เมื่อเห็นมู่ชิงเกอเดินเข้ามา หลิงหลิงก็รู้สึกสับสนวุ่นวาย คิดอยากจะวิ่งหนี แต่กลับก้าวขาไม่ออก ในใจของนางอยากจะพูดคุยกับมู่ชิงเกอมากจริงๆ เมื่อมู่ชิงเกอเดินเข้ามา ก็มองเห็นหลิงหลิงยืนอยู่ที่เดิมก้มหน้ากุมมือ

ท่าทางที่ไม่รู้จะทำยังไงดีของนางเหมือนว่าตัวนางเป็นแขกแล้วมู่ชิงเกอเป็นเจ้าของบ้านก็ไม่ปาน

มู่ชิงเกอรู้สึกขบขันในใจเอ่ยว่า “แม่นางมีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”

“ไม่! ไม่มีอะไร” หลิงหลิงเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจรีบโบกไม้โบกมือพัลวัน

ท่าทางเหมือนกวางน้อยขี้ตกใจของนาง ทำให้มู่ชิงเกอขบขันแล้วเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัว อย่าลืมว่าที่นี่คือบ้านของเจ้า”

ในที่สุดคำพูดของนางก็ได้ผล หลิงหลิงสงบใจลงมาได้นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยกับมู่ชิงเกอว่า “ข้าชื่อหลิงหลิง เจ้าก็เรียกข้าเช่นนั้นเถอะ เจ้าชื่ออะไรหรือ? เป็นภรรยาของเขาจริงๆ น่ะหรือ?”

พูดแล้ว นางก็มองเข้าไปในกระท่อมไม้อย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง

มู่ชิงเกอชะงักไม่คิดว่าหลิงหลิงจะถามเช่นนี้ แต่นางก็ยังพยักหน้า “ไม่ผิด ข้าเป็นภรรยาของเขา ข้าชื่อว่ามู่ชิงเกอ”

“มู่ชิงเกอ…ชื่อของเจ้าเพราะมากเลย” หลิงหลิงเผยรอยยิ้มหวานออกมา

ใบหน้าของนางไม่ได้ดูบริสุทธิ์สูงส่ง แต่กลับดูเปี่ยมเสน่ห์ท่ามกลางแสงอาทิตย์และเพราะความรู้สึกสดใสอ่อนเยาว์นั่นของนางนั่นเองที่ทำให้นางดูใสซื่อไร้เดียงสา

หลังจากพูดถึงชื่อของมู่ชิงเกอแล้ว นางก็แลบลิ้นอย่างซุกซนพลางพึมพำออกมาอย่างกระดากใจว่า “ข้ายังคิดว่าเขายังไม่ทันได้แต่งงานเสียอีก”

หืม?

มู่ชิงเกอหรี่ตาเล็กลง เผยรอยยิ้มลึกลํ้าออกมา

เมื่อหลิงหลิงมองเห็นรอยยิ้มนั้นของนางแล้วก็รีบอธิบายว่า “เจ้า…เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”

นางพูดอย่างเขินอายว่า “ข้ายอมรับว่าข้าชอบสามีของเจ้ามาก เพราะข้าไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนหล่อเท่าเขามาก่อน แต่ตอนนี้ข้าได้รู้แล้วว่าเขามีภรรยาแล้ว จึงไม่ชอบต่อแล้ว”

‘แม่นางน้อยคนนี้น่าสนใจ’ มู่ชิงเกอเอ่ยในใจอย่างขบขัน

ในความเป็นจริงนางก็ไม่รู้อายุที่แท้จริงของหลิงหลิง

เพียงแต่เพราะนางเผยความคิดในใจออกมาทำให้มู่ชิงเกอคิดว่านางเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสาคนหนึ่ง

สาวน้อยพบเห็นผู้ชายหล่อเหลาแล้วเกิดชอบพอก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้

มีคนชอบซือมั่ว นี่ไม่ใช่พิสูจน์ว่าสายตาของตนเองไม่เลวหรือ?

“เจ้าฉลาดมาก” มู่ชิงเกอชื่นชม

แต่หลิงหลิงกลับมองนางอย่างสงสัย ไม่เข้าใจความหมายของนาง นานมากกว่านางจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา นางพูดอย่างกระดากใจว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ เป็นเพราะเจ้าทั้งหมดหรอก ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเขาหล่อและเพียงแค่ไม่ชอบพูดจาก็เท่านั้น แต่ก่อนที่เจ้าจะมา ข้ากลับพบว่า…”

ท่าทางของหลิงหลิงเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว นางมองไปรอบด้าน หลังจากเห็นว่าไม่มีใครมองมาแล้วนางถึงได้ เข้าไปใกล้มู่ชิงเกอแล้วพูดเสียงเบาว่า  “เขาไม่มีหัวใจ เหมือนไร้ความรู้สึก เจ้าแต่งให้เขาแล้วมีความสุขจริงหรือ? เขาขู่จะสังหารเจ้าตลอดหรือเปล่า?”

มู่ชิงเกออมยิ้มมองหลิงหลิง นางดูออกว่าหญิงสาวเผ่าฉงผู้นี้เป็นห่วงนางถึงได้พูดคำเหล่านี้ออกมา และนอกจากเป็นห่วงแล้วก็ยังมีความสงสัยอีกด้วย

สงสัยอะไรน่ะรึ?

แน่นอนว่าต้องสงสัยว่าซือมั่วจะเย็นชาต่อภรรยาของตนเองเหมือนคนอื่นๆ หรือไม่

ท่าทางที่ดูจริงใจของหลิงหลิงทำให้มู่ชิงเกอคิดจะตอบนางให้หายสงสัย แต่เพียงช่วงสั้นๆ นางก็ไม่รู้จะอธิบายว่านางปฏิบัติต่อซือมั่วพิเศษออกไปหรือซือมั่วปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษกันแน่

ในตอนที่นางกำลังคิดหาคำพูดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังออกมาจากระท่อมด้านหลัง

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์”

มู่ชิงเกอหันกลับไปมองก็มองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำเข้มกำลังยืนอยู่นอกประตูกระท่อม

เมื่อหลิงหลิงได้ยินเลียงของซือมั่ว ก็หวาดกลัวจนสีหน้าซีดขาวถอยหลังวิ่งไปหลบอยู่หลังกระท่อมไม้เล็กๆ นางพยายามใช้กระท่อมไม้บดบังร่างกายของตนเอง ยื่นเพียงแค่หัวออกมามองไปทางนั้น

มู่ชิงเกอมองการกระทำของนางอย่างขบขัน ก่อนหน้านี้ ยังคิดจะตอบนาง แต่ดูท่าทีในตอนนี้แล้วคงไม่จำเป็นแล้ว

มู่ชิงเกอส่ายหน้าแล้วเดินไปหาซือมั่ว

และซือมั่วก็เดินมาหานาง

ตามทางที่เขาเดินผ่าน องครักษ์มารทยอยคุกเข่าลงแสดงความเคารพสูงสุดต่อเขา

นี่เป็นองค์ราชาของพวกเขา!

องค์ราชาผู้ไร้เทียมทานของพวกเขา!

“เจ้าตื่นแล้วหรือ” มู่ชิงเกอเดินไปตรงหน้าของซือมั่วแล้วถามเบาๆ

เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ร่างกายของซือมั่วแล้ว นางก็พบว่าตนเองมีความอดทนสูงมาก แล้วก็ยังตามใจเขามากขึ้นอีกด้วย

“เหตุใดจึงไม่นอนต่ออีกหน่อย?” มู่ชิงเกอเอ่ยถาม

ตอนนี้ซือมั่วจำเป็นต้องพักผ่อน

ซือมั่วกลับค่อยๆ ส่ายหน้า จับมือมู่ชิงเกอขึ้นมาแล้วก็ใช้นํ้าเสียงที่เย็นชาพูดออดอ้อนว่า “ไม่มีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้านอนหลับไม่สนิท”

องครักษ์มารที่คุกเข่าอยู่สูดลมหายใจเข้าลึก ลอบกลืนความตกตะลึงในใจลงไป

นี่คือองค์ราชาของพวกเขาใช่หรือไม่?

ใช่ไหม?

ใช่ไหม?

เหตุใดพวกเขาถึงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความจริง? เหมือนพวกเขากำลังมองเห็นปีศาจที่มีรูปร่างหน้าตาดุร้ายกำลังส่งสายตาขอความรักออดอ้อนพระชายาของพวกเขาอยู่

องครักษ์มารก้มหน้าลงอย่างฉลาด พยายามลบตัวตนของตนเองออกไป พวกเขากลัวว่าเมื่อองค์ราชาของตนเองได้สติกลับมาแล้วจะฆ่าพวกเขาปิดปาก!

คำพูดของซือมั่วทำให้มุมปากของมู่ชิงเกอกระตุกขึ้น ลืมซือมั่วในอดีตไปได้เลย เพราะตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็น…

บ้าอำนาจและชอบออดอ้อน!

ความรู้สึกนี้ทำให้นางขุ่นเคืองไม่ลง!

“ข้าเพียงออกมาเดินเล่นก็เท่านั้น” มู่ชิงเกอเอ่ยปลอบ

เพียงแต่ซือมั่วกลับมองไปยังหลิงหลิงอย่างเย็นยะเยือก สายตาที่เย็นชาและไร้ความรู้สึกคู่นั้นทำให้หลิงหลิงที่แอบหลบอยู่หลังกระท่อมไม้ถอนสายตากลับด้วยความหวาดกลัว หดตัวกลั้นลมหายใจ

“อย่าพูดจากับคนแปลกหน้าพรํ่าเพรื่อ” ซือมั่วถอนสายตากลับแล้วพูดกับมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกออ้าปากค้างเล็กน้อย ตกตะลึงยืนค้างอยู่ที่เดิม

แต่ท่าทางอ้าปากค้างของนางก็เหมือนกับการเชื้อเชิญ ทำให้สายตาของซือมั่วเปลี่ยนเป็นรุ่มร้อนขึ้นมาในทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version