Skip to content

พลิกปฐพี 574

ตอนที่ 574

แดนฮ่วนเยวี่ย เข้าประตูปีนเขา

บนแผ่นดินเทพตะวันออก มีคำที่เล่าลือกัน กลิ่นอายจิตวิญญาณทั้งหมดสี่ทิศนั้น หากจะเทียบสูงตํ่ามีเพียงเกาะทะเลตะวันออก

ความหมายของคำนี้คือ บนแผ่นดินเทพตะวันออก แดนเทพทั้งสี่ล้วนเป็นที่บำเพ็ญของมนุษย์ เทพที่มีพลังจิตวิญญาณ แต่หากจะประลองให้รู้แพ้ชนะ เช่นนั้นแล้วจะต้องเป็นแดนฮ่วนเยวี่ยด้านตะวันออกจึงจะสูงที่สุด

ทำไมจึงเป็นเกาะทะเลตะวันออกหรือ

โลกของมนุษย์ธรรมดาในแผ่นดินเทพตะวันออกบรรยายเกี่ยวกับแดนฮ่วนเยวี่ยไว้ว่าอยู่ทางตะวันออก เป็นแผ่นดินที่สูงส่งมากที่สุด มีผืนนํ้าเซียน บนผืนนํ้าเซียนมีเกาะหนึ่งมีขนาดใหญ่มากราวกับอยู่ในความฝัน ไม่รู้ใหญ่เป็นกี่เท่าของโลกมนุษย์ธรรมดา ที่นั่นเป็นที่อยู่ของมนุษย์เทพที่แยกออกจากโลกมนุษย์ธรรมดา

ที่นั่น ก็คือแดนฮ่วนเยวี่ย

ในแดนฮ่วนเยวี่ย บนแท่นที่มีตะเกียงหยกจุดไฟเต็มไปหมด มีตะเกียงดวงหนึ่งถูกผู้อาวุโสที่ดูแลตะเกียงตั้งใจหยิบออกมาวางอยู่บนที่ว่าง

ในครึ่งปีนี้ เรื่องที่เขาทำมากที่สุดคือมองตะเกียงดวงนี้จนเหม่อลอยทุกครั้ง

เปลวไฟของตะเกียงดวงนั้น จากสีเขียวเมื่อเริ่มแรกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงช้าๆ ซึ่งหมายความว่า นับเวลาตั้งแต่ตะเกียงถูกจุดก็ใกล้จะถึงครึ่งปีแล้ว

หลายวันมานี้เปลวไฟบนตะเกียงเริ่มริบหรี่

ผู้อาวุโสดูแลตะเกียงยิ่งเฝ้ามองอย่างตั้งใจ ราวกับจะไม่ยอมห่างไปแม้เพียงครู่เดียว ไม่อยากจะ พลาดอะไรไป

ทันใดนั้น เปลวไฟที่ใกล้มอดลงก็ราวกับถูกเติมเชื้อเพลิง จากที่ริบหรี่ก็เริ่มแผดเผาอย่างรุนแรง ค่อยๆ ควบแน่นจนเป็นเกสรดอกไม้รวมอยู่กับตะเกียงหยก

เมื่อผู้อาวุโสผู้ดูแลตะเกียงเห็นภาพนี้แล้วก็มีรอยยิ้มปรากฎขึ้นในแววตา “อ๋อ ถึงแล้วจนได้ เจ้าหนูน้อย มัวแต่ช้าทำเอาคนแก่อย่างข้าต้องห่วงใยแทบแย่”

เขาพูดพลางเอามือลูบหนวดเคราที่ขาวโพลนไปพลาง ผงกศีรษะช้าๆ แสดงอาการปลาบปลื้ม

ในเวลานี้นอกแดนฮ่วนเยวี่ยปรากฎเงาคนสองคนขึ้น

“นี่คือแดนฮ่วนเยวี่ยหรือ” ถงเถิงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ภาพที่เห็นทำให้เขาตะลึงจนพูดออกมาได้เพียงคำเดียวเท่านั้น

งามเหลือเกิน ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ช่างทำให้คนหลงใหล

ถงเถิงรู้สึกจิตใจปั่นป่วน สองเท้าเดินขึ้นหน้าช้าๆ

มู่ชิงเกอยืนอยู่กับที่ ไม่ได้ห้ามปรามเขา

นางเองก็ถูกภาพที่เห็นข้างหน้าทำให้ตะลึงในความงามไปเหมือนกัน นางได้รู้แล้วว่าคำบรรยายของโลกมนุษย์ต่อแดนฮ่วนเยวี่ยนั้น ความหมายของคำว่า ผืนนํ้าเซียน นั้นคืออะไร

เบื้องหน้า ใต้เท้าล้วนเป็นหมอกควันที่นิ่งเรียบราวแผ่นกระจก พวกมันค่อยๆ เคลื่อนที่ ราวกับ ทะเลสาบที่นิ่งสงบ บนนั้นมีไอเซียนล่องลอยอยู่ สะท้อนความสวยงามของท้องฟ้า

ส่วนเกาะทะเลตะวันออกก็ล่องลอยอยู่บนผืนน้ำเซียนที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

เกาะนั้นดูเหมือนไม่ใหญ่โตนัก แต่แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่า นี่เป็นภาพลวงตา หากอยากรู้ว่าเกาะใหญ่โตเท่าไรนั้นจะต้องขึ้นไปจริงๆ จึงจะรู้

เกาะนั้น แตกต่างกับเกาะอื่น นอกจากรอบเกาะข้างล่างแล้ว บนท้องฟ้าใจกลางเกาะ ยังมีแผ่นดินล่องลอยอยู่ ดูน่าอัศจรรย์

บนเกาะนั้น ไอเซียนพลิ้วไหว สวยงามตระการตา ทั้งเขียวขจี ราวกับเป็นโลกที่พักอาศัยของ เหล่าเทพเซียน

เทพกับมนุษย์นั้น มีความแตกต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ

โดยไม่รู้ตัว ถงเถิงยํ่าเข้าไปในหมอกวารี ทั้งๆ ที่เป็นหมอกเขียน แต่พอยํ่าเข้าไปกลับมีเสียงน้ำ เสียงนํ้าทำให้ถงเถิงตกใจตื่นรีบชักเท้ากลับถอยกลับมาข้างกายมู่ชิงเกอ

“ลูกพี่ ที่นี่คือแดนฮ่วนเยวี่ย เป็นสถานที่ชั้นเยี่ยมที่เหล่ามนุษย์เทพอยู่อาศัย เพียงแค่ยืนอยู่ที่นี่ ข้าก็รู้สึกได้ถึงพลังเทพที่บริสุทธิ์สมบูรณ์แล้ว” ถงเถิงพูดกับมู่ชิงเกออย่างตื่นเต้น

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “ใช่แล้ว มาถึงแล้ว”

มาถึงแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว การบำเพ็ญในแผ่นดินเทพมาร จะได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว

“แต่ลูกพี่ พวกเราจะข้ามไปได้อย่างไร” ถงเถิงมองผืนนํ้าเซียน มองไปเช่นนี้ก็รู้สึกที่นี่ยังห่างจากเกาะเซียนในทะเลอีกร้อยลี้

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วนิดๆ คิดดูแล้วนางก็หยิบป้ายแดนฮ่วนเยวี่ยที่จวงซานให้ไว้แต่แรก โยนออกไปในผืนนํ้าเซียน

พอป้ายตกลงในนํ้าก็บังเกิดแสงทิพย์ออกมา ค่อยๆ ขยายตัวเบื้องหน้ามู่ชิงเกอกับถงเถิง กลายเป็นเรือเล็กที่สามารถจุได้สองคน

เรือเล็กเป็นสีหยก มีลายสลักเสลาละเอียดลออ ที่หัวเรือมีเครื่องหมายแดนฮ่วนเยวี่ยอยู่

ความจริงเรือเล็กนี้สำหรับใช้เพียงคนเดียว แต่มู่ชิงเกอกับถงเถิงต่างเป็นคนผอมบางจึงพอเบียดอยู่ได้สองคน

ถงเถิงมองเรือเล็กที่แปลงร่างจากป้ายอย่างตกตะลึง ยิ่งนับถือมู่ชิงเกอมากขึ้น

“ไปกันเถอะ” มู่ชิงเกอพยักเพยิด สองเท้าแตะพื้น ตัวเบาดังนกนางแอ่นลอยขึ้นมาลงไปในเรือเล็ก

พอนางขยับ ถงเถิงก็รีบกระโดดลงเรือเล็กตามมา

นํ้าหนักสองคนทำให้เรือเล็กจมลงนิดๆ แต่ยังคงลอยอยู่บนเมฆหมอกอย่างมั่นคง

ถงเถิงมองดูเรือเล็ก อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบดูพลางถามอย่างประหลาดใจว่า “ลูกพี่ รู้ได้อย่างไรว่าป้ายนี้ทำเช่นนี้ได้”

มู่ชิงเกอตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เดาเอา”

“เดา…” ถงเถิงเบิ่งตาโต มองเขาอย่างเหลือเชื่อ

มู่ชิงเกอตอบสบายๆ ว่า “ในเมื่อให้ป้ายไว้แต่แรก นอกจากรับรองฐานะแล้ว ย่อมต้องใช้ประโยชน์อื่นได้บ้าง”

ถงเถิงกระตุกมุมปาก บอกมู่ชิงเกอว่า “ลูกพี่ ไม่คิดหรือว่า หากเดาผิดป้ายตกหายที่นี่จะไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตนน่ะ”

“ไม่” มู่ชิงเกอตอบอย่างเชื่อมั่นเต็มที่

“แน่ใจเพียงนี้เชียว” ถงเถิงพูดอย่างประหลาดใจ

มู่ชิงเกอมองที่เขา ตอบคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “หากเดาผิดก็จะให้เจ้าโดดลงนํ้า ช่วยงมกลบมาก็แล้วกัน”

พูดจบ ยังทำสายตาสื่อว่า ‘เจ้าคงว่ายนํ้าเป็น’ ให้เขา

ถงเถิงตกตะลึงอยากบอกว่าไม่เป็น แต่พอเห็นสายตามู่ชิงเกอที่ทำเหมือนว่า ‘หากว่ายนํ้ายังไม่ เป็น จะมีเจ้าไว้ทำไม’ เขาจึงรีบกลับคำอย่างรู้ตัว ผงกศีรษะว่า “ลูกพี่ปราดเปรื่อง หากเดาผิด เสี่ยวเกิงเกิง ย่อมต้องช่วยงมขึ้นมาแน่”

มู่ชิงเกอยิ้มอย่างพอใจ

เวลานี้เอง เรือเล็กก็ลอยไปข้างหน้าพาคนทั้งคู่ค่อยๆ เข้าใกล้แดนเทพในผืนน้ำเซียนนั้น

เรือเล็กที่แปลงร่างจากป้ายมีความเร็วสูงมาก ทั้งยังมั่นคงมากด้วย

มู่ชิงเกอยืนอยู่ข้างหน้า มองแดนฮ่วนเยวี่ยที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา ส่วนถงเถิงกลับใช้ความคิดอยู่ หากป้ายแดนจั๋วอวี่ที่เขาได้แต่แรกไม่ได้สลายไปเอง ป้ายนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ เพียงแต่ เขาไม่รู้สภาพแท้จริงของแดนจั๋วอวี่ เวลานี้จึงไม่สามารถรู้ได้

“ถึงแล้ว”

ถงเถิงดื่มดํ่าอยู่ในความคิดตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงมู่ชิงเกอก็เงยหน้าขึ้นมา พบว่าพวกเขามาถึงท่าเรือแห่งหนึ่ง

เบื้องหน้านี้เมื่อยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งน่าตกตะลึง แดนฮ่วนเยวี่ยยิ่งใหญ่อลังการนัก

ทั้งคู่ทยอยลงจากเรือ ยืนอยู่ที่ท่าเรือ

พอพวกเขาจากไป เรือเล็กนั้นก็แปลงกลับเป็นป้าย บินขึ้นจากผืนนํ้าเซียนตกลงในมือของมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอถือป้ายไว้ในมือ ยังไม่ได้เก็บลงไป

มาถึงแดนฮ่วนเยวี่ยแล้ว นางรู้สึกว่าป้ายยังต้องใช้อยู่

“คนที่มา เป็นมนุษย์เทพใหม่ที่มารายงานตัวที่แดนฮ่วนเยวี่ยหรือ”

พวกเขาเพิ่งขึ้นฝั่ง ก็มีเสียงใหญ่ราวระฆังลอยมาจากฟากฟ้า

มู่ชิงเกอแหงนหน้าตอบว่า “ถูกต้องแล้ว”

”ป้าย” เสียงนั้นพูดอีก

มู่ชิงเกอไม่ได้ลังเล โยนป้ายขึ้นไปบนฟ้า ถงเถิงไม่มีป้ายได้เพียงยืนถูมือด้วยท่าทางเคอะเขิน

“ของเจ้าล่ะ” เสียงนั้นถามถงเถิง

ถงเถิงรีบอธิบายว่า “เรียนท่านผู้อาวุโส เดิมข้าเป็นคนที่แดนจั๋วอวี่รับไปที่เสี่ยวเทียนอี้ แต่จิตใจเลื่อมใสแดนฮ่วนเยวี่ย จึงไม่ได้ไปรายงานตัวที่แดนจั๋วอวี่ รอจนครบหนึ่งปีเป็นไปตามกำหนด จึงมาพร้อมกับลูกพี่”

“เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเจ้าทั้งคู่ก็รับการทดสอบไปพร้อมกันเลย” เสียงหายไป มีแสงสองสายพุ่งกลับมา

มู่ชิงเกอกับถงเถิงยื่นมือรับไว้ มู่ชิงเกอยังคงได้รับป้ายเดิม ส่วนถงเถิงได้ป้ายมาอันหนึ่ง เพียงแต่สีไม่เหมือนกัน ของมู่ชิงเกอเป็นหยกขาว ของเขาเป็นหยกเขียว

“การทดสอบต่อไปจะไม่มีใครช่วยเหลือพวกเจ้า ทุกครั้งที่ผ่านด่าน ป้ายในมือพวกเจ้าจะบันทึกไว้เอง ทั้งหมดห้าด่าน ผ่านแล้วทั้งหมดก็เป็นลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ยของข้า หากผ่านไม่ได้ พวกเจ้าก็ต้องวางป้ายลง มาทางไหน กลับไปทางนั้น”

เสียงนั้นพูดจบ หมอกเบื้องหน้าทั้งสองคนก็แยกออกสองข้าง มองเห็นทางไปยังแผ่นดินบนฟ้า แดนฮ่วนเยวี่ยใหญ่กว่าที่สายตามองเห็นมากนัก

แผ่นดินที่ลอยอยู่นั้น ห่างจากพื้นดินหลายร้อยลี้

“นี่คือด่านแรก แดนฮ่วนเยวี่ยแบ่งเป็นบนกับล่างสองส่วน ที่พวกเจ้าอยู่เป็นส่วนล่าง เป็นที่พักอาศัยของมนุษย์เทพบริวารแดนฮ่วนเยวี่ย ลูกศิษย์แท้จริงแดนฮ่วนเยวี่ยต่างอยู่ส่วนบน พวกเจ้าอยากเข้าแดนฮ่วนเยวี่ย ก็ไปตามทางบันไดสู่ฟ้านี้ขึ้นไป จำไว้ไม่สามารถใช้พลังเทพ หากผิดกติกาออกจากการทดสอบทันที เข้าแดนฮ่วนเยวี่ยไม่ได้อีกตลอดชีวิต”

“ไม่ให้ใช้พลังเทพ แต่ขึ้นไปตั้งหลายร้อยลี้หรือ” ถงเถิงตะลึงงัน

เขากับมู่ชิงเกอแหงนหน้าพร้อมกันมองไปทางบันไดสู่ฟ้า แม้จะเรียกว่าบันไดสู่ฟ้า แต่ไม่เหมือนบันไดเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ทุกระยะหนึ่ง จะมีขั้นที่ล่องลอยในอากาศ สลับขึ้นไป บางขั้นเสียหายยับเยิน น่ากลัวว่าพอเหยียบลงไปจะแตกหักหมด บางส่วนมีตะไคร่นํ้าจับเต็ม หากไม่ระวังจะลื่นไถลตกจากข้างบน

นอกจากขั้นเหล่านี้ยังมีเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากข้างบนที่สามารถใช้ผ่อนแรงได้

ใช้พลังเทพยังไม่ใช่จะขึ้นได้ง่าย ยิ่งกติกายังไม่ยอมให้ใช้พลังเทพอีก

ถอนสายตาสำรวจคืนมาแล้ว มู่ชิงเกอก็นั่งยองๆ ผูกมัดเสื้อผ้าให้แน่น ทั้งติดตะปูที่พื้นรองเท้า ถงเถิงไม่เข้าใจ แต่ก็เลียนแบบวิธีการของมู่ชิงเกอ

หลังเตรียมการเรียบร้อย มู่ชิงเกอก็คว้าเถาวัลย์เส้นหนึ่ง ใช้แรงกระโดดขึ้นไปยังขั้นที่หนึ่ง

นางยืนอยู่ข้างบนทดสอบแรงรับนํ้าหนักแล้วหันบอกถงเถิงว่า “เจ้าตามข้ามาข้างหลัง พยายามเลือกขั้นที่ข้าใช้เหยียบ”

ถงเถิงซึ้งใจมาก ผงกศีรษะติดๆ กัน มีลูกพี่ที่เป็นห่วงคิดให้แทน ทำไมเขาจะไม่ซาบซึ้ง

มู่ชิงเกอขึ้นไปขั้นที่สอง ถงเถิงก็ตั้งใจตามขึ้นไปติดๆ สองคนกระโดดไม่หยุดอยู่บนบันไดสู่ฟ้า ค่อยๆ ห่างจากพื้นดิน…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version