Skip to content

พลิกปฐพี 581

ตอนที่ 581

เกี้ยวพาบ้าอะไรกัน

“ศิษย์พี่อะไร เรียกข้าว่าศิษย์น้อง”

ความไม่พอใจของหญิงสาว ทั้งอาการปั้นปึ่ง ได้แสดงออกมาตรงหน้าของมู่ชิงเกอ

นางตะลึงเล็กน้อยกะพริบตาปริบๆ

‘ก็ใบหน้าเดียวกันชัดๆ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนสองคนนี้เหมือนไม่ใช่คนคนเดียวกัน’

“นี่ เจ้างงอะไรอยู่อีก” หญิงสาวเห็นมู่ชิงเกอไม่ตอบก็ยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเขา ในเวลานี้เอง นางจึงสังเกตเห็นว่าชายเบื้องหน้าที่ยืนอยู่นั้น ตนไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่สุดแสนหล่อเหลา

นางกะพริบตา แววตาออกอาการตะลึงงัน คำชื่นชมหลุดปากออกมา “เจ้าหล่อเหลาจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นใครหล่อเหลาปานนี้มาก่อนเลย”

ทั้งยังมีน้ำเสียงหลงใหลที่ทำให้มู่ชิงเกอตกใจ จนได้สติคืนมา นางกระตุกมุมปาก ยิ้มน้อยๆ เตรียมหันตัวจากไป

แต่พอนางหันหลังกลับ หญิงสาวนางนั้นก็วิ่งปราดมาอยู่เบื้องหน้า ยื่นมือขวางไว้ไม่ให้นางไป

มู่ชิงเกอเลิกคิ้วถามว่า “ศิษย์พี่มีอะไรหรือ”

หญิงสาวกระทืบเท้าพูดอย่างไม่พอใจว่า “บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกข้าว่าศิษย์พี่ ข้าแก่ขนาดนั้น หรือ ข้าไม่อยากเป็นศิษย์พี่ ข้าชอบเป็นศิษย์น้อง”

“…” มู่ชิงเกอพูดอะไรไม่ออก

หญิงสาวกลับพูดเองเออเอง “ไม่รู้ว่าเป็นศิษย์พี่แล้วมีดีอะไร มีแต่คนเคารพแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ สู้ให้ผู้คนรักตามใจ ประคองไว้ในมือคอยดูแล มีความสุขกว่าตั้งเท่าไร”

พูดจบ นางก็ยกมือสองข้างทาบลงที่ข้างแก้มพลางทำหน้าเคลิบเคลิ้ม

‘เหอะๆ…’ มู่ชิงเกอหัวเราะในใจ นางไม่เข้าใจตรรกะของหญิงสาวเบื้องหน้านี้เลยสักนิด แต่เวลานี้ นางเข้าใจแล้ว หญิงสาวตรงหน้ากับหญิงสาวที่พบเมื่อคืนนี้ถึงแม้จะมีใบหน้าที่เหมือนกันมาก แต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกัน นางปล่อยไก่จำผิดคนเสียแล้ว

แน่นอนว่าหากเป็นคนเดียวกัน นางคงพูดได้เพียงว่า ศิษย์พี่คนนี้หรือศิษย์น้องจะต้องมีอาการสองบุคลิกชนิดรุนแรงแน่นอน

“เอาละ ศิษย์น้อง ขอศิษย์น้องเปิดทาง ข้าจะไปแล้ว” มู่ชิงเกอยอมทำตามอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากนางรู้สึกว่า หญิงสาวเบื้องหน้าไม่ใช่คนที่จะใช้เหตุผลคุยให้เข้าใจได้

“ช้าก่อน ข้ายังมีเรื่องจะถามเจ้า” แต่หญิงสาวไม่ยอมถอย กลับยืดอกที่นูนเด่นดังขุนเขาขึ้นแล้วเข้ามาใกล้มู่ชิงเกออีกสองก้าว

มู่ชิงเกอเลิกคิ้ว ถอยหลังอย่างไม่เผยพิรุธใด รักษาระยะห่างของทั้งสองคนเอาไว้

“ศิษย์น้องมีอะไรจะถามหรือ” มู่ชิงเกอพูด

หญิงสาวจ้องนางด้วยแววตาเร่าร้อน นางถามทีเล่นทีจริงว่า “ที่เจ้าเรียกข้าเมื่อกี้นี้ เพราะเห็นข้าสวยงามจับใจ นึกชอบข้า จึงเรียกข้าอยากเกี้ยวพาข้าใช่ไหม”

มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นทันใด มองนางอย่างงุนงง พูดตรงๆ ว่า “ไม่ใช่เสียหน่อย”

นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างมโหฬาร

“โธ่เอ๊ย ไม่ต้องมาปฏิเสธหรอก ข้างามดังบุปผา เป็นสาวงามที่สุดในดินแดนฮ่วนเยวี่ยข้ารู้อยู่ ผู้คนในดินแดนแอบหลงใหลข้าตั้งมากมายข้าก็รู้ เจ้าไม่ต้องเขินหรอก เจ้าชอบข้าเพราะตาเจ้าถึง”

ที่ไหนได้ หญิงสาวคนนั้นไม่ฟังคำอธิบายของมู่ชิงเกอแม้แต่นิด

มู่ชิงเกอโยกตัว รู้สึกว่าคุยต่อไม่ไหวแล้ว

นางหันตัวอ้อมชั้นหนังสือ ใช้อีกทางหนึ่งเดินออกไป หญิงสาวเห็นมู่ชิงเกอจะจากไปก็ร้อนรนขึ้นมา วิ่งตามมาที่ด้านหลัง ร้องว่า “นี่ เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ายังไม่รู้จักชื่อเจ้าเลย แล้วเจ้าอยู่ที่ไหน ทุกวันมาหอเคล็ดวิชาตอนไหน พวกเรานัดกันได้นะ”

เสียงนางดังลอยมาไม่หยุดทำให้มู่ชิงเกอสาวเท้าเร็วขึ้น ด้วยท่าทางทุลักทุเล รู้สึกอยากจะพุ่งตัวออกนอกประตู

“นี่ ถึงแม้วิธีเกี้ยวของเจ้าจะโบราณไปหน่อย แต่เพราะเป็นเจ้าหรอกนะจึงสำเร็จ จำชื่อข้าไว้นะข้าชื่อว่าซวนอิ่ง”

เสียงหญิงสาวดังตามมา ขณะที่มู่ชิงเกอพุ่งออกจากหอเคล็ดวิชาก็ยังได้ยินชื่อนาง

เพราะอยากสลัดหลุดจากหญิงสาวข้างหลังมู่ชิงเกอจึงรีบร้อนออกมาจนไม่ได้สังเกตด้านหน้า อีกนิดเดียวก็จะชนกับคนที่เดินตรงมาเข้า

ยังดีที่ทั้งนางและคนที่เดินเข้ามาต่างมีปฏิกิริยาว่องไว หลบได้ทันท่วงที

เมื่อนางยืนนิ่งแล้วก็มองไปข้างหน้า มุมปากกระตุกอีกครั้ง

คนที่นางเกือบชนนั้นคือสวีปิง

สวีปิงเองก็ไม่นึกว่าจะได้เจอมู่ชิงเกอที่นี่อีก ทันใดนั้นใจนางก็คิดว่า ‘ยิ่งเป็นคู่อริยิ่งเจอบ่อย’

สรุปว่า เจอมู่ชิงเกอทุกครั้งมีแต่เรื่อง

เจอกันครั้งแรกในเรืออากาศของดินแดนฮ่วนเยวี่ย สองคนก็เกือบชนกัน ดีที่นางหลบพ้น นางเป็นหญิงชนถูกเสากระโดงเรือ เขาเป็นชายกลับไม่โดนอะไรเลย ครั้งที่สองที่เสี่ยวเทียนอี้ เจ้าคนน่ารังเกียจนี่ก็แย่งยึดครองถํ้าดีๆ ตัดหน้านางไป

ครั้งที่สามการทดสอบในดินแดนฮ่วนเยวี่ย นางถูกเจ้าสารเลวนี่โยนออกไปช่วยคน หลังเกิดเรื่องแล้วก็ไม่มีแม้แต่คำว่า ‘ขอโทษ’

ครั้งนี้ พวกเขาก็เกือบจะชนกันอีก…

สวีปิงรู้สึกเหมือนกับว่า ชาติก่อนตัวเองเคยมีความแค้นกับมู่ชิงเกอ

ที่ทำให้นางตะลึงคือ มู่ชิงเกอสวมเสื้อสีขาว ส่วนนางยังเป็นสีเขียว ‘เขาเพิ่งเข้ามาถึงดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็ได้เป็นลูกศิษย์เสื้อขาวเลยหรือนี่’

ส่วนมู่ชิงเกอเวลานี้ก็ไม่มีอะไรจะพูด นางรู้ว่าสวีปีงไม่ชอบนาง กระทั่งเกลียดชังนางมาก ดังนั้นจึงขี้เกียจจะพูดมากเพียงผงกศีรษะแล้วก็รีบจากไป

‘น่าชังนัก! เป็นเช่นนี้อีกแล้ว เกือบชนถูกคนก็ไม่ขอโทษสักคำ เศษสวะ’ สวีปิงมองหลังมู่ชิงเกอที่จากไปแล้วก่นด่าอยู่ในใจ

เวลานี้เองซวนอิ่งก็ไล่ตามมา นางไม่เห็นมู่ชิงเกอแต่เห็น สวิปิงที่ยืนอยู่นอกหอเคล็ดวิชาแทน “สวีปิง เจ้ามาได้อย่างไร”

ซวนอิ่งคนนี้รู้จักสวีปิง ทั้งฟังจากนํ้าเสียงแล้วยังคุ้นเคยมากด้วย

“ศิษย์พี่อิ่ง” สวีปิงเก็บความคิดในใจทำความเคารพซวนอิ่ง

แต่ซวนอิ่งกลับแสดงอาการไม่พอใจ บอกสวีปิงว่า “ข้าพูดไปแล้วไม่ใช่หรือให้เรียกข้าว่าศิษย์น้อง ศิษย์น้องอิ่งก็พอ อย่าเรียกข้าศิษย์พี่”

แต่สวีปิงยังคงพูดอย่างจริงจังว่า “แต่ท่านเป็นศิษย์พี่ของสวีปิงจริงๆ”

ท่าทางจริงจังเช่นนี้ทำให้ซวนอิ่งจนใจ นางสั่นศีรษะว่า “ยังไม่พูดเรื่องอื่น เมื่อสักครู่มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวิ่งออกมา เจ้าเห็นหรือไม่ เขาไปไหนแล้ว”

ได้ยินคำนี้แล้วสวีปิงก็ขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเคียดแค้นว่า “ศิษย์พี่โดนผู้ชายชั่วรังแกหรือ”

ซวนอิ่งชะงักรีบโบกมือว่า “ไม่มีไม่มี ในดินแดนฮ่วนเยวี่ยจะมีใครหักใจรังแกข้าได้”

นางรู้ว่าคงถามอะไรไม่ได้จากสวีปิงจึงพูดด้วยความเสียดายว่า “น่าเสียดาย แม้แต่ชื่อเขาข้าก็ยังไม่รู้เลย”

สวีปิงเม้มริมฝีปาก นางรู้ชื่อมู่ชิงเกอแต่นางไม่อยากบอกซวนอิ่ง ไม่อยากให้นางต้องถูกผู้ชายหลอกลวง

‘ผู้ชายน่ะไม่มีดีสักคน คำพูดของมารดาไม่ผิดแน่นอน’ สวีปิงบอกตัวเองในใจ

“ใช่แล้ว เจ้ามาหาข้าใช่ไหม” ซวนอิ่งยอมล้มเลิกการตามหามู่ชิงเกอ หันมามองสวีปิงแล้วถาม

สวีปิงผงกศีรษะ “สวีปิงรับคำสั่งศิษย์พี่ซวนเฉียงมาเชิญศิษย์พี่อิ่งกลับไปเจ้าค่ะ”

“พี่สาวหาข้าหรือ” ซวนอิ่งขมวดคิ้ว นางไม่อยากไปวังเย็นเฉียบที่พี่สาวฝาแฝดของนางอาศัยอยู่เลยจริงๆ

“เจ้าพอรู้ไหมว่าเป็นเรื่องอะไร” ซวนอิ่งลองถามดู

สวีปิงสั่นศีรษะช้าๆ สื่อว่าตัวเองก็ไม่รู้

ช่วยไม่ได้ ซวนอิ่งได้แค่ถอนหายใจ เอ่ยอย่างยอมรับชะตากรรมว่า “ไปเถอะ”

ตกกลางคืน มู่ชิงเกอนั่งสมาธิจนถึงเวลานัดก็ลืมตาขึ้น นางใช้ปัญญาเทวะสำรวจสภาพการณ์ห้องติดกันก่อน เห็นว่าถงเถิงกำลังบำเพ็ญอย่างจริงจัง

เจ้าคนนี้บอกว่าจะเร่งรีบถอดเสื้อเขียวเปลี่ยนเป็นเสื้อขาวเช่นเดียวกับมู่ชิงเกอ ก็สามารถทำได้ตามที่พูด

มู่ชิงเกอเก็บปัญญาเทวะกลับคืนแล้วออกจากถํ้าของตัวเอง มุ่งหน้าไปยังบ้านเล็กบนเขาที่ไปเมื่อคืนนี้

นางยังมีความหวังอยู่บ้าง หวังว่าผู้เฒ่าลึกลับนั้นจะสามารถชี้แนะอะไรนางได้ คาดหวังว่านางจะสามารถได้รับผลประโยชน์อะไรจากการชี้แนะของผู้เฒ่า

นางไม่กลัวว่าจะโดนเล่นงานเพราะคนที่คิดเล่นงานนาง ต่างต้องเตรียมรับผลที่จะถูกนางเล่นงานกลับ ทุกคนล้วนไม่ต่างกัน

ดังนั้น นางจึงไปตามนัดด้วยอาการสงบนิ่ง

ไปตามทางเมื่อคืนนี้ มู่ชิงเกอได้ผ่านบึงเปลี่ยวนั้นอีก นางตั้งใจมองไปทางบึงเปลี่ยวนั้นก็ไม่พบใคร จึงเดินต่อไปข้างหน้า

ไปตามทางบนเขาที่ลี้ลับ นางมาถึงบ้านเล็กบนยอดเขา ผู้เฒ่าลึกลับคนนั้นยังคงนั่งอยู่บนแท่นหน้าบ้านใต้ชายคา มองนางอย่างยิ้มแย้ม

“ผู้อาวุโส ข้ามาแล้ว” ในเมื่อมาเรียนรู้ ย่อมต้องมีท่าทีอย่างผู้มาเรียนรู้ มู่ชิงเกอรู้จักฐานะตัวเองดี นางเดินไปเบื้องหน้าผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียง ประสานสองมือทำความเคารพด้วยกิริยามารยาทงดงาม

ผู้เฒ่ายิ้มผงกศีรษะ บอกมู่ชิงเกอว่า “ข้ายังห่วงว่าวันนี้เจ้าจะไม่มา”

มู่ชิงเกอใช้สายตานิ่งใสมองไปทางผู้เฒ่า พูดอย่างมั่นคงว่า “ข้าจะไม่ยอมพลาดโอกาสใดๆ ในการก้าวหน้าไปแน่”

นางพูดเรื่องจริงโดยปราศจากการเสแสร้ง

ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมา เขายื่นมือไปแตะหนวดแล้วพยักหน้าว่า “คำพูดนี้ฟังแล้วสบายใจ ไม่เสแสร้งดี”

มู่ชิงเกอไม่หยิ่งไม่หงอ ต่อให้ต้องการเรียนรู้จากผู้เฒ่า นางก็ไม่แสดงอาการประจบประแจง ใช้คำพูดเอาใจต่างๆ ที่ไม่ได้ออกจากใจจริง

“มานั่งนี่” ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงชี้ไปที่ใต้ชายคา มีแผ่นรองนั่งห่างไปไม่มากอยู่

ดูท่าทาง เขาได้เตรียมตัวไว้แล้ว

มู่ชิงเกอผงกศีรษะเดินตรงขึ้นไปบนแท่นแล้วนั่งขัดสมาธิบนแผ่นรองนั่ง เมื่อพร้อมแล้วนางก็มองไปทางผู้เฒ่า

ผู้เฒ่ายิ้มให้เขาแล้วพูดว่า “เจ้าลองใช้เคล็ดวิชาโคจรพลังที่จวงซานสอนเจ้าให้ข้าดูสักหนึ่งรอบซิ”

ที่จวงซานสอนนั้นเป็นวิชาบำเพ็ญสำหรับลูกศิษย์ดินแดนฮ่วนเยวี่ยที่เพิ่งเข้าใหม่ ธรรมดามาก แต่เป็นวิธีการสร้างพื้นฐานที่ดี สำหรับลูกศิษย์ใหม่แล้วเหมาะสมมาก แต่เขาลืมไปว่า ถึงแม้มู่ชิงเกอจะเป็นลูกศิษย์ใหม่ แต่จุดเริ่มต้นไม่ได้เหมือนลูกศิษย์ใหม่คนอื่น อีกทั้งราก วิญญาณกับสิทธิ์แห่งเทพก็ไม่เหมือนคนอื่น

ภายใต้การชักนำของเคล็ดวิชา พลังเทพค่อยๆ ไหลเวียนในเส้นลมปราณของมู่ชิงเกอไปอย่างช้าๆ รอบตัวนาง ค่อยๆ รวมตัวเป็นวงแสงจางๆ เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง

ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงจ้องมองมู่ชิงเกอตลอดเวลา สายตาคู่นั้นราวกับสามารถมองเห็นเส้นทางการไหลของพลังเทพในตัวเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

จนมู่ชิงเกอโคจรพลังครบหนึ่งรอบและลืมตาขึ้นมา เขาจึงละสายตาออก

“มีความรู้สึกอย่างไรบ้าง” ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงถามยิ้มๆ

มู่ชิงเกอทบทวนความรู้สึกขณะโคจรพลังเมื่อสักครู่แล้วบอกว่า “พลังเทพโคจรได้ราบรื่น แต่ช้ามาก ราวกับยากที่จะขับเคลื่อน”

ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงพยักหน้า ถามอีก “แล้วมันมีผลสนับสนุนชั้นพลังของเจ้าอย่างไรบ้าง เจ้าอยู่ชั้นจิตวิญญาณชั้นเจ็ด ควรจะรู้สึกถึงแรงต้านของแต่ละชั้นได้”

มู่ชิงเกอผงกศีรษะ “หลังจากทะลวงชั้นชั้นเจ็ดแล้วก็สามารถรับรู้ถึงแรงต้านของชั้นแปดได้อย่างชัดเจน หากใช้วิชาบำเพ็ญพื้นฐานของดินแดนฮ่วนเยวี่ย ถึงแม้จะสามารถเพิ่มพลังเทพได้ แต่หากเป็นการทะลวงขอบเขต แล้วคงจะไม่ได้ผลอะไรมากนัก”

ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงยิ้มเอ่ยว่า “ถูกต้อง การที่เจ้าดูออกได้ แสดงว่าเจ้าสามารถควบคุมภายในร่างกายตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ร่างกายกับปัญญาเทวะต่างแข็งแกร่งเหนือกว่าคนทั่วไป จุดนี้ทำให้ข้าแปลกใจ รู้สึกเกินคาดมากทีเดียว”

คำพูดนี้ทำให้มู่ชิงเกอเกิดการระวังตัวขึ้นมาทันที

แต่ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงก็พูดต่อว่า “แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องส่วนตัวเจ้า เจ้าไม่พูด ข้าก็ไม่ถาม ขอให้ภายหน้าเจ้าอย่าทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อดินแดนฮ่วนเยวี่ยและต่อเผ่าเทพก็แล้วกัน”

ทำอันตรายดินแดนฮ่วนเยวี่ยหรือ

มู่ชิงเกอไม่เคยมีความคิดนี้เลย จวบจนปัจจุบันนางก็รู้สึกดีต่อดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่น้อย

ส่วนเรื่องทำอันตรายเผ่าเทพ…นางต้องการฟื้นฟูตระกูลมู่ จะต้องเป็นศัตรูกับเผ่าเทพบางส่วน นางเพียงต้องการแก้แค้น นับไม่ได้ว่าเป็นอันตรายต่อเผ่าเทพกระมัง หากแม้แต่เช่นนี้ก็ยังนับอีก แล้วครั้งนั้นที่เผ่าเทพร่วมกันจัดการตระกูลมู่เล่าจะนับอย่างไร

ดังนั้น นางจึงรับรองกับผู้เฒ่าว่า “หากดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่ทำผิดต่อข้า ข้าย่อมจะไม่ทำผิดต่อดินแดนฮ่วนเยวี่ยเป็นอันขาด หากเผ่าเทพไม่ทำผิดต่อข้า ข้าก็ย่อมจะไม่ทำผิดต่อเผ่าเทพเหมือนกัน”

ผู้เฒ่าเฝ้าตะเกียงชะงัก ฟังออกถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ จึงหัวเราะด่าว่า “เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ เอาเถอะ คำพูดเจ้า ถือว่ามีเหตุผล ข้ายอมรับ”

หลังจากได้รับคำรับรองจากมู่ชิงเกอแล้ว ผู้เฒ่าจึงพูดต่อว่า “วิชาบำเพ็ญพื้นฐานของดินแดนฮ่วนเยวี่ยไม่เหมาะกับเจ้า ต่อไปเจ้าไม่ต้องฝึกแล้ว ข้ามีชุดวิชาบำเพ็ญพิเศษ เจ้าลองฝึกดู ไม่แน่ว่าอาจได้ผลเกินคาดคิด เพียงแต่เวลาโคจรพลังของเคล็ดวิชาบำเพ็ญชุดนี้สลับ ซับซ้อนมาก อันตรายก็สูงมาก ดังนั้นการฝึกในระยะแรก หากไม่มีข้าอยู่ข้างกายเจ้าจะบำเพ็ญคนเดียวไม่ได้ เป็นอันขาด เจ้าจำได้หรือยัง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version