ตอนที่ 736
ได้พบจนได้
ทันใดนั้นก็เห็นมู่ชิงเกอซึ่งสวมชุดสีแดงเพลิงทั้งตัว งดงามไม่มีใครเทียบได้ งามเสียจนมองไม่ออกว่าเป็นชายหรือเป็นหญิงกันแน่…ทั้งยังมีความกล้าบ้าบิ่นสามส่วน สง่าผ่าเผยสามส่วน องอาจผึ่งผายสองส่วน และเสน่ห์ยวนใจอีกหนึ่งส่วน
ดวงตาของสตรีที่เป็นหัวหน้าเปล่งประกายชื่นชมออกมา แม้กระทั้งหญิงสาวสองนางที่ตามมาหลังจากเห็นมู่ชิงเกอแล้วใบหน้าก็แสดงอาการเอียงอาย
พวกนางเติบโตในดินแดนเฟิ่งเทียน มีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้
“ท่านอา ข้าเห็นเขาพื้นฐานไม่เลวคิดจะให้เขาเข้าดินแดน แต่เจ้าคนนี้ไม่รู้จักดีชั่ว ถึงขนาดปฏิเสธความหวังดีของข้า” โฉวอวี๋บอกสตรีที่เป็นหัวหน้าด้วยสีหน้าโกรธแค้น
สตรีที่เป็นหัวหน้าเก็บงำความคิดแล้วตั้งสติให้มั่น ดูจากภายนอกไม่อาจมองเห็นถึงความตื่นตาตื่นใจ แต่ภายในจิตใจยังคงคิดว่า ‘ช่างเป็นชายที่งดงามจริงๆ! เจ้า สำราญลื่นไหลดังหยก เจ้าเสน่ห์ร้อนแรงดังเพลิง!’
นางจ้องมองโฉวอวี๋แต่ไม่เอ่ยอะไร เพียงหันมามองมู่ชิงเกอแล้วเอ่ยว่า “คุณชายท่านนี้ แม้ว่าดินแดนเฟิ่งเทียนของข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งสุดในบรรดาสิบหกดินแดนเทพ แต่ก็มีความวิเศษในตัวเอง เหตุใดคุณชายถึงได้ยืนกรานปฏิเสธเล่า”
คำพูดของนางนั้นเอ่ยได้น่าฟังมาก
ทั้งๆ ที่ดินแดนเฟิ่งเทียนอ่อนแอสุดในสิบหกดินแดนเทพ แต่นางกลับใช้คำว่า ‘ความวิเศษ’ ชวนให้คนนึกฝันจน เกิดความคิดใฝ่หาขึ้นไม่หยุดยั้ง
เมื่อความอยากรู้อยากเห็นของคนนั้นเมื่อถูกกระตุ้นแล้ว ก็มักจะง่ายดายต่อการถูกชักจูงไปในจุดที่คนอื่นต้องการได้
มู่ชิงเกอได้พูดคุยกับสองลูกศิษย์ดินแดนเฟิ่งเทียนแล้วก็อดไม่ได้นึกขำในใจ เนื่องจากวิธีการชักชวนลูกศิษย์เช่นนี้สำหรับนางแล้วช่างคล้ายกับแม่เล้าเรียกแขกมากนัก
นางเกิดฉุกคิดขึ้นในใจ จากที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกลายเป็นเปลี่ยนความคิดไป
มู่ชิงเกอยิ้มออกมาแล้วมองสตรีที่มาทีหลัง “ไม่ใช่ว่าข้า ไม่ยินยอมเข้าร่วมดินแดนเฟิ่งเทียน เพียงแต่ข้าได้เข้าร่วมดินแดนเทพอื่นไปแล้ว จะมาเข้าร่วมดินแดนเทพเฟิ่งเทียนอีกได้อย่างไร”
“อ้อ คุณชายเองก็เป็นลูกศิษย์ดินแดนเทพด้วยหรือ” สตรีที่เป็นหัวหน้าดูแปลกใจเล็กน้อย แววตาแสดงอาการผิดหวังออกมา
สตรีชุดชมพูที่พูดกับมู่ชิงเกอก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินว่ามู่ชิงเกอเป็นลูกศิษย์ดินแดนเทพแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ท่าทางเช่นนั้นราวกับเห็นว่าเป็ดที่ต้มสุกแล้วบินหนีไปไม่มีผิด
“ถูกต้อง” มู่ชิงเกอผงกศีรษะนิดๆ สตรีที่เป็นหัวหน้านั้นกลอกนัยน์ตาไปมารอบหนึ่งแล้ว พูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ทราบคุณชายเป็นลูกศิษย์ดินแดนเทพใดหรือ”
เมื่อเห็นนางไม่ยอมเลิกรามู่ชิงเกอก็ยิ้มแล้วนำป้ายประจำตัวออกมาโยนลงบนโต๊ะ
ป้ายตกกระทบโต๊ะเกิดเสียงดัง ดึงดูดสายตาของคนในแผงนํ้าชาทุกคน
เนื่องจากป้ายนั้นพอเห็นก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ดูไม่หยาบเหมือนของลูกศิษย์ทั่วไป
สตรีที่เป็นหัวหน้าตกใจ เดินขึ้นหน้าสองก้าวแล้วยื่นมือไปที่โต๊ะ เพียงแต่พอยื่นไปเพียงครึ่งเดียวก็หดกลับมา มองมู่ชิงเกอ แววตาสื่อความหมายราวกับจะถามว่า ตัวเองจะหยิบป้ายขึ้นมาดูให้ละเอียดได้หรือไม่
การที่มู่ชิงเกอแกล้งโยนป้ายออกไปย่อมต้องการให้พวกนางดูให้ชัดเจน
นางเลิกคิ้วพยักหน้านิดๆ
สตรีที่เป็นหัวหน้ายิ้มแล้วจึงยื่นมือไปหยิบป้ายมาไว้ในมือ
นางดูอย่างละเอียด ปากก็พึมพำว่า “แผ่นดินเทพตะวันออก ดินแดนฮ่วนเยวี่ย…” ทันใดนั้นสองตานางก็เบิกโพลงพูดออกมาด้วยความตกใจ “ป้ายราชาเทวะน้อย!”
“อะไรนะ ราชาเทวะน้อย!”
ลูกศิษย์หญิงสองคนข้างหลังก็ตกใจจากคำพูดนาง สองคนมองหน้ากันแล้วมองมู่ชิงเกออย่างไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่เจ้าของแผงนํ้าชาเวลานี้ก็ตกใจจนตาค้ด้าง เอาสองมือปิดปากมองมู่ชิงเกอ อย่างงุนงง
สีหน้าของสตรีชุดชมพูที่มีปัญหากับมู่ชิงเกอแต่แรก เปลี่ยนแปลงไปมา แววตาที่มองมู่ชิงเกอยิ่งสับสนจนมองไม่ออก ราวกับนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่เข้าตาตัวเองนั้น จะมีความยิ่งใหญ่ปานนี้
พวกนางอาจไม่รู้เรื่องราวมู่ชิงเกอหรือไม่รู้จักมู่ชิงเกอมาก่อน
แต่แค่ตำแหน่งราชาเทวะน้อยก็ทำให้พวกนางต้องตกตะลึงแล้ว ทำให้พวกนางไม่กล้ามีใจคิดล่วงเกินอะไรอีก
ราชาเทวะน้อยดินแดนเทพอื่น แค่นึกอยากงัดข้อก็สามารถงัดข้อได้หรือ
สตรีที่เป็นหัวหน้าเริ่มเผยท่าทีอึดอัดออกมา นางไม่กล้าทำเช่นเดียวกับมู่ชิงเกอที่โยนป้ายลงไปบนโต๊ะแต่ใช้สองมือประคองส่งป้ายคืนให้มู่ชิงเกอแทน “ที่แท้ราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ยมาเยือนถึงถิ่น ดินแดนเฟิ่งเทียนพวกเราต้อนรับบกพร่องแล้ว”
ฐานะของนางย่อมเทียบไม่ได้กับราชาเทวะน้อย ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงก้มศีรษะแสดงท่าทางเคารพนบนอบออกมา
มู่ชิงเกอยกมือขึ้นกวัก ป้ายที่นางถือไว้ด้วยสองมือก็บินเข้ามาในอุ้งมือนางทันที มู่ชิงเกอหยิบป้ายมาดูนิดหนึ่ง แล้วเก็บกลับคืนไป
ในแผงนํ้าชาเงียบสงบมาก
ราวกับเมื่อมู่ชิงเกอไม่พูดก็จะไม่มีใครกล้าพูด
มู่ชิงเกอยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เวลานี้ แม่นางทุกท่านรู้ฐานะของข้าแล้ว ข้าคงเข้าร่วมดินแดนเฟิ่งเทียนไม่ได้แน่นอน”
สตรีที่เป็นหัวหน้ายิ้มเขินๆ “ราชาเทวะน้อยฐานะสูงส่ง ทั้งได้รับความรักใคร่จากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ย่อมเข้าร่วมดินแดนเฟิ่งเทียนของข้าไม่ได้อยู่แล้ว”
“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเจ้าก็เชิญตามสบายเถอะ” มู่ชิงเกอพูดอย่างหยอกเย้า
นางออกปากไล่แล้วแต่ท่าทางคนยังไม่อยากจากไป อย่างน้อยก็ไม่ยอมจากไปเช่นนี้ สตรีที่เป็นหัวหน้าบอกมู่ชิงเกอว่า “ในเมื่อราชาเทวะน้อยมาถึงดินแดนเฟิ่งเทียนของเรา หากพวกเราทำเฉยจะไม่ดูเสียมารยาทหรือ แต่แรกไม่รู้ก็แล้วไปแต่เมื่อรู้แล้วจึงอยากเชิญราชาเทวะน้อยกลับไปพร้อมพวกเราเพื่อพบราชาเทวะ เพื่อให้ดินแดนเฟิ่งเทียนต้อนรับให้ดีสักหน่อย เผื่อว่าภายหลังหากราชาเทวะของเรารู้เรื่องแล้ว จะได้ไม่ตำหนิว่าพวกเราไร้มารยาท”
“นี่…จะรบกวนมากไปหน่อยกระมัง” มู่ชิงเกอยิ้ม เดิมทีนางไม่อยากไปยุ่งกับหลียวน เพราะนางต้องรีบไปป่าอสูร ทั้งยังไม่ถึงเวลาคิดบัญชีกับนาง แต่หลังจากได้มาข้องเกี่ยวกับลูกศิษย์ดินแดนเฟิ่งเทียน นางจึงเปลี่ยนความตั้งใจ นางจะไปพบราชาเทวะเฟิ่งเทียนคนนี้ มิฉะนั้นนางคงไม่นำป้ายออกมาแสดงตัว
“ไม่รบกวน! ราชาเทวะน้อยยินดีไปถือเป็นเกียรติของพวกเรา จะเรียกว่ารบกวนได้อย่างไร” ลูกศิษย์ที่เป็นหัวหน้ารีบพูดทันที
มู่ชิงเกอขมวดคิ้วนิดๆ ราวกับตรึกตรองจริงจัง ภายใต้การเฝ้ารอของเหล่าลูกศิษย์หญิง จึงยอมผงกศีรษะในที่สุด “ได้ ในเมื่อทุกคนต่างมีใจ ข้าก็จะไปพบราชาเทวะเฟิ่งเทียนสักหน่อย”
เห็นมู่ชิงเกอตอบตกลง ลูกศิษย์หญิงที่เป็นหัวหน้าก็ดีใจอย่างยิ่งรีบสั่งลูกศิษย์หญิงสองคนที่ติดตามนางข้างหลัง ให้พวกนางรีบไปเตรียมตัว
มู่ชิงเกอยืนขึ้น หยิบหยกเทพชิ้นเล็กโยนให้เจ้าของแผงนํ้าชา
เจ้าของแผงนํ้าชารับหยกมือไม้สั่นด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “ท่าน…ราชาเทวะน้อย นํ้าชาถ้วยนี้ถือว่าข้าเลี้ยงท่าน ไม่ต้องให้หยกเทพข้าหรอก”
มู่ชิงเกอสั่นศีรษะช้าๆ “ของซื้อของขาย เจ้าเลี้ยงของว่างข้าแล้วหากไม่เก็บค่านํ้าชาอีกไม่ขาดทุนแย่หรือ”
เจ้าของแผงมองของว่างสองจานบนโต๊ะที่ความจริงยังไม่ได้แตะต้องเลยแม้แต่นิด