Skip to content

พลิกปฐพี 70

ตอนที่ 70

ท่านพี่มู่ ช่วยข้าด้วย!

ป๋ายซีเยวี่ยถึงกับเก็บซ่อนพลังไว้ได้ดีถึงเพียงนี้

นางเคยถามกับวิญญาณของมู่ชิงเกอ รู้ว่าป๋ายซีเยวี่ยอยู่ในสายแดง แต่ไม่คิดว่า นางจะเก็บซ่อนความแข็งแกร่งของตนเองไว้แบบนี้

นางอายุแค่นี้ มีพลังสายเหลืองขั้นกลาง หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่ว่าจะอยู่หรือจะไปจากจวนตระกูลมู่ ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างสุขสบาย แต่นางกลับเลือกที่จะปิดบังซ่อนเร้นเอาไว้จุดประสงค์นั้นชวนให้ตื่นตะลึงจริงๆ แทบจะชั่วพริบตาที่มู่ชิงเกอคาดเดาถึงความเป็นไปได้ต่างๆ นานาที่ป๋ายซีเยวี่ยปกปิดพลังของตัวเองเอาไว้ แต่ไม่มีจุดประสงค์ใดที่เป็นเรื่องดีเลย

ฉินจิ่นซิวถูกโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้หงายหลังลงไป

เขาเองก็เป็นสายเหลืองขั้นกลางเหมือนกับป๋ายซีเยวี่ย แต่ว่าเคล็ดวิชาในการฝึกนั้นเหนือกว่า ฉินจิ่นซิวเป็นถึงรัชทายาทมีทรัพยากรสำหรับการฝึกที่พรั่งพร้อม แต่สำหรับป๋ายซีเยวี่ยแล้วเพราะการปกปิดของตัวนางเอง ในด้านทรัพยากรสำหรับฝึกฝนนั้นนางจึงต้องขวนขวายด้วยตนเอง เคล็ดวิชาที่นางหาได้นั้นแน่นอนว่าไม่อาจเทียบฉินจิ่นซิวได้

ในเสื้อผ้าของฉินจิ่นซิวนั้นมีเกราะอ่อนอยู่ ซึ่งปกป้องพลังจากป๋ายซีเยวี่ยได้ใม่น้อย ฉินจิ่นซิวเอามือจับหน้าอกที่เจ็บแปลบแล้วลุกขึ้นยืนใบหน้าหล่อเหลาหมดจดนั้นมืดครึ้ม สายตาเองก็เปี่ยมไปด้วยไอสังหาร

“รนหาที่ตาย!” เสียงที่เยียบเย็นเปล่งออกมาจากปากของฉินจิ่นซิว

ในใจของป๋ายซีเยี่ยวนั้นตื่นตระหนกเป็นที่สุด การโจมตีเมื่อสักครู่นั้นนางได้ใช้พลังทั้งหมดของตนเองไปแล้ว

นางต้องออกไปจากที่นี่และไปหามู่ชิงเกอให้เร็วที่สุดจึงจะหนีรอดปลอดภัย

เมื่อหลุดจากการควบคุมของฉินจิ่นซิว ป๋ายซีเยวี่ยก็ดูมีสติมากขึ้น

นางรู้ว่าในขณะนี้ มีเพียงมู่ชิงเกอผู้เดียว เท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้

แต่นางไม่รู้ว่าคนที่นางอยากจะเจอนั้นตอนนี้อยู่ที่นอกผนังห้องและเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว

ป๋ายซีเยวี่ยพุ่งไปที่ข้างประตูแต่กลับรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมากะทันหัน หลังจากนั้นทั้งร่างก็ล้มลงไปกับพื้น

ฉินจิ่นซิวดึงผมยาวของป๋ายซีเยวี่ยอย่างไม่ปราณีและเหยียบบนหน้าอกของนางอย่างแรง

“พรูด!”

เลือดสีแดงสดพุ่งออกจากปากของป๋ายซีเยวี่ย ในปากนางเต็มไปด้วยเลือดเหม็นคาว

ความเจ็บปวดที่หน้าอก ทำให้นางเจ็บจนทนไม่ไหว

ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่นางบาดเจ็บมากเพียงนี้ แม้ว่านางจะเป็นสายเหลืองขั้นกลาง แต่ก็ไม่มีประสบการณ์ในการรบและไม่เคยได้รับบาดเจ็บใดๆ มาก่อน

ขณะนี้เองนางเกิดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ และเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกถึงความสิ้นหวังลึกๆ นางเสียใจ เสียใจที่ไปหาเรื่องรัชทายาทที่เป็นดั่งปีศาจผู้นี้ ในสายตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด และโยนความผิดทั้งหมดนี้ให้กับตระกูลมู่

หากไม่ใช่เพราะตระกูลมู่นางก็จะไม่กลายเป็นเด็กกำพร้าและหากนางมีฐานะที่สูงส่งรัชทายาทก็จะไม่กล้าทำเช่นนี้กับนางและเพราะหากไม่ใช่เพราะมู่ชิงเกอ…

นางก็จะไม่ต้องมาอยู่ที่นี่ ไม่ต้องมาเข้าปากเสืออย่างรัชทายาท

ป๋ายซีเยวี่ยที่ตกอยู่ในความแค้นและความหวาดกลัวทำได้เพียงระบายความสิ้นหวังในใจออกมา

ราวกับว่านางจะลืมไปแล้วว่างานเลี้ยงล่าสัตว์ชมไม้ในครั้งนี้นางเป็นคนอยากจะตามมาเอง และการมาพบกับรัชทายาทก็เป็นเรื่องที่นางวางแผนเอาไว้ทั้งนั้น

“ช่วยด้วย…ปล่อยข้าไป…” ป๋ายซีเยวี่ยร้องขอด้วยความเจ็บปวด

ขณะนั้นเอง นํ้าตาพลันไหลออกมาจากหางตาของนาง และในขณะที่นางพูดเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปาก

ฉินจิ่นซิวยิ้มอย่างโหดเหี้ยม ดึงเสื้อผ้าของตนเองออก มองนางหัวจรดเท้า “ถึงขนาดนี้แล้วยังจะร้องขอให้ข้าปล่อยเจ้าไปอีกรึ? ก่อนเจ้าจะตาย เจ้าจะเป็นได้เพียงทาสของข้าและเป็นได้แค่สุนัขตัวหนึ่งที่ข้าเลี้ยงเอาไว้เท่านั้น” นังผู้หญิงคนนี้กล้าทำร้ายเขาถึงเพียงนี้ เขาจะต้อง ทรมานให้นางรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

“ไม่ ไม่นะ” ป๋ายซีเยวี่ยส่ายหน้าอย่างแรง แต่กลับทำได้แค่มองเสื้อผ้าของตนเองที่ถูกฉินจิ่นซิวปลดออกทีละชิ้น นอกหน้าต่างฉินอี้เหยารีบลุกขึ้นกำหมัดแน่น

นางเหมือนจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่ชอบป๋ายซีเยวี่ยแต่ก็ทนเห็นนางถูกเสด็จพี่ของตนเองรังแกแบบนี้ไม่ได้

“ได้เวลาแล้ว” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าของตนเองทีหนึ่ง ตอนแรกยังกังวลว่าจะให้เวลากับฉินจิ่นซิวไม่มากพอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะช่วยนางได้มากขนาดนี้

แน่นอนว่ามันทำให้นางได้เห็นถึงมุมที่โหดเหี้ยมของรัชทายาท

มู่ชิงเกอเดินอยู่ข้างหน้าฉินอี้เหยาและถีบประตูที่ปิดสนิทออกอย่างง่ายดาย ทำให้ทั้งสองที่อยู่ในห้องตกใจ

“ใครกัน!” ฉินจิ่นซิวที่คร่อมอยู่บนตัวของป๋ายซีเยวี่ยและกำลังจะลงมือขืนใจนาง ช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม กลับมีคนบุกเข้ามา ทำให้เขารีบหันกลับไปมอง

ชุดสีแดงสุดแสบตานั้นทำให้เขาต้องหรี่ตาลงน้อยๆ

ได้ยินเพียงเสียงร้องเรียกที่ตื่นตระหนกของหญิงสาวที่อยู่ข้างหลัง “ท่านพี่มู่รีบมาช่วยข้าด้วย!”

“มู่ชิงเกอ!” หลังจากที่ฉินจิ่นซิวรู้แล้วว่าใครมา พระขนิษฐาที่อยู่ข้างหลังมู่ชิงเกอนั้นถูกเขามองข้ามไป แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยตัวป๋ายซีเยวี่ย แต่ใช้นํ้าเสียงเยือกเย็น เอ่ยเตือนว่า “เจ้ากล้ามายุ่งเรื่องของรัชทายาทอย่างข้า อย่างนั้นหรือ?”

มู่ชิงเกอยิ้มและพูด ดูไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรจากนํ้าเสียงอันเยือกเย็นนั้นเลยสักนิด : “กระหม่อมไม่กล้ารบกวนอารมณ์สุนทรีของรัชทายาทหรอก กระหม่อมเพียงมา รับตัวน้องซีเยวี่ยกลับจวนเท่านั้น”

“ท่านพี่มู่” ป๋ายซีเยวี่ยร้องเรียกทั้งนํ้าตา

ฉินอี้เหยาเมื่อเห็นร่างกายอันเปล่าเปลือยของป๋ายซีเยวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาว่า “เสด็จพี่รีบปล่อยนางเถอะ”

“เจ้ามันเป็นตัวอะไร คู่ควรที่จะมาชี้นิ้วสั่งข้างั้นรึ!’’ ฉินจิ่นซิวตวัดสายตาไปมองเสียดสีฉินอี้เหยา ฉินอี้เหยาหน้าซีด นางรู้ดีว่าเมื่อเสด็จพี่คนนี้ของตนเองบ้าคลั่งขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็จะไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ทันใดนั้นเงาร่างชุดแดงร่างหนึ่งก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้านาง บดบังนางจากสายตาเย็นยะเยือกคู่นั้น ทำให้นางรู้สึกโล่งใจ เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมอง จึงพบว่ามู่ชิงเกอยืนอยู่ข้างหน้า ปกบ้องนางให้อยู่ด้านหลังเขา

“รัชทายาท เมื่อสักครู่ที่กระหม่อมมาหาน้องซีเยวี่ยกระหม่อมได้ให้คนไปกราบทูลเรื่องนี้กับฮองเฮาไว้แล้ว พระองค์คงไม่ทรงทราบว่าน้องซีเยวี่ยของกระหม่อม เป็นที่รักของฮองเฮา ได้ยินว่านางหายตัวไปไม่แน่ว่าอาจจะทรงพาคนออกมาตามหา พระองค์ลองคิดดูหากภาพตรงหน้านี้ให้ท่านหญิงทั้งหลายของแคว้นฉินของเรามา เห็นเข้า…’’ มู่ชิงเกอหัวเราะอย่างชั่วร้ายเป็นที่สุด

อะไรนะ! ฮองเฮาจะมาอย่างนั้นหรือ!

ป๋ายซีเยวี่ยตกใจ แอบโกรธการกระทำของมู่ชิงเกอ

“เจ้าขู่ข้าหรือ” ฉินจิ่นซิวกัดฟัน พูดอย่างเยือกเย็น

“มิบังอาจ มิบังอาจ กระหม่อมเพียงพูดความจริงเท่านั้น อีกอย่างกระหม่อมเองก็เป็นห่วงชื่อเสียงของรัชทายาท น้องสาวคนนี้ของกระหม่อมถึงแม้ว่าจะมีใครมาเห็นเข้า อย่างมากก็คงจะแค่ต้องไปจากลั่วตูและใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างดี แต่หากมีคนมาเห็นรัชทายาทในสภาพนี้เข้า ยังไม่ต้องพูดถึงว่าพระองค์จะต้องอยู่ที่แคว้นฉินไม่อาจไปไหนได้ เกรงว่าแม้แต่ตำแหน่งรัชทายาทของพระองค์เองจะรักษาไว้ได้หรือไม่ก็ยากที่จะบอกได้คิดดูแล้วฮองเฮาเองก็คงจะไม่อยากให้ทรงทำพฤติกรรมเช่นนี้หรอก” มู่ชิงเกอยิ้มพลางกระดิกขา

ทันใดนั้นสายตาของนางก็ไปหยุดอยู่บนกระถางธูปใบหนึ่งที่ไม่ดูสะดุดตามากนัก ตัวกระถางเหมือนควันลอยขึ้นมา ทำให้นางยิ้มเย็น

คำพูดของป๋ายซีเยวี่ยก่อนหน้านี้ ทำให้นางรู้ว่ารัชทายาทวางกับดักเอาไว้

เมื่อสักครู่หลังจากที่เข้ามา ระหว่างที่สนทนากับรัชทายาท นางก็มองหาของน่าสงสัยตามซอกมุมของตำหนักไปด้วย ในที่เปล่าเปลี่ยวไร้คนอาศัยเช่นนี้ มีธูปถูกจุดอยู่จะไม่แปลกได้อย่างไรเล่า

อีกอย่างกลิ่นหอมนี้จะมีผลกับเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น… กับผู้ชาย เช่นผู้ชายอย่างฉินจิ่นซิวจะไม่มีผลอะไรเลย

นางไม่ได้เป็นห่วงตนเองเพราะร่างกายของนางได้รับการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอ สามารถกำจัดพิษออกจากร่างกายของตนเองได้แต่ฉินอี้เหยาล่ะ

มู่ชิงเกอหันไปพูดกับฉินอี้เหยาที่อยู่ข้างหลัง “องค์หญิง ทรงออกไปรอกระหม่อมข้างนอกก่อน”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version