ตอนที่ 710
เหตุใดพวกเจ้าจึงอยู่ด้วยกันแล้วเล่า
นิ้วมือสีทองอันใหญ่โตมโหฬารนั้นราวกับแฝงไปด้วยแรงกดดัดที่สูงยิ่ง นำเอาพลังกฎบัญญัติที่ไม่ สามารถเปรียบเปรยได้ค่อยๆ กดตํ่าลงมา มันดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดเอาไว้ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าทิศทางที่มันลงมากับทิศทางของนิ้วชี้ขวาของมู่ชิงเกอนั้นเป็นทิศทางเดียวกัน
“นี่มันอะไรกัน”
“เป็นนิ้วของใคร!”
“น่าสยดสยองนัก!
“กลิ่นอายเช่นนี้สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง!”
ผู้คนบนพื้นดินอดทนต่อความร้อนของกฎบัญญัติแห่งไฟ แต่ก็ยังถูกดึงดูดความสนใจจากนิ้วสีทองที่ยื่นออกมาจากรอยแยกท้องฟ้านั้น
ผู้คนฝั่งดินแดนฮ่วนเยวี่ยก็ตกใจจนสะท้านไปเช่นกัน
มีเพียงหยินเฉินเท่านั้น เขารู้ว่านั้นคืออะไร ถึงแม้เขายังไม่เคยเห็น แต่เคยได้ยินมู่ชิงเกอพูดถึง
“นิ้วหนึ่งจิต! นี่คือนิ้วหนึ่งจิต!” หยินเฉินพูดอย่างสะท้านใจ
พลังกดอัดของนิ้วหนึ่งจิตทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันที่สูงยิ่ง นี่ยังเป็นเพียงการเริ่มฝึกฝน เขาไม่อาจนึกภาพได้เลยว่าหากมู่ชิงเกอสามารถควบคุมพลังทั้งหมดไว้ในมือได้จะทำได้นิ้วหนึ่งจิตมีอานุภาพสักเท่าไรกัน
นิ้วหนึ่งจิต หนึ่งจิตเป็น หนึ่งจิตตาย เป็นตายล้วนอยู่ในจิตคำนึงเดียว…
มู่ชิงเกอค่อยๆ กดนิ้วลงพลันเกิดการตระหนักรู้ใหม่ต่อนิ้วหนึ่งจิต เวลานี้นางราวกับแปลง ร่างเป็นเทพเจ้าที่ถือครองชีวิตเป็นตายของสรรพสิ่งในโลก ความเป็นความตายทั้งหมดล้วนเป็นจิตคำนึงเดียวของนางเท่านั้น
นี่คือหลักธรรมของนิ้วหนึ่งจิต
“ดับ!” มู่ชิงเกอพูดออกมาเบาๆ
ทันใดนั้น นิ้วสีทองที่ใหญ่โตมโหฬารก็กดลงไปบนไฟแห่งกฎบัญญัติที่กำลังจะกลืนกินมู่ชิงเกอ
ปัง!
เมื่อนิ้วสีทองสัมผัสถูกไฟแห่งกฎบัญญัติที่กำลังคำรามอย่างดุร้าย พลังแห่งกฎบัญญัติที่แข็งแกร่งก็พลันสลายกระจายไปหมดในทันที ทั่วทั้งท้องฟ้ามีแต่เศษปรักหักพังของพลังแห่งกฎบัญญัติสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วแดนรกร้างนั้น
นิ้วหนึ่งจิตมีเพียงสองกระบวนท่า แยกออกมาว่าให้เป็นหรือให้ตาย
มู่ชิงเกอยังไม่สามารถรับรู้ถึงความละเอียดลึกซึ้งเกี่ยวกับการให้เป็นได้ เพียงแต่รับรู้ถึงการให้ตายที่ใกล้ชิดกับนางมากกว่า พอนิ้วนี้กดลงไป พลังที่ทำลายล้างฟ้าดินก็เพิ่มขึ้นสูงจนไม่มีใครต้านได้
ราวกับว่า ภายใต้พลังชนิดนี้ มีแต่ตายโดยไม่อาจมีทางรอดได้เลย
พลังแห่งกฎบัญญัติที่แตกหักกลายเป็นของแหลมคมที่ไร้รูปลอยพลุ่งพล่านไปทั่วบริเวณรกร้าง ทุกแห่งที่มันผ่านไปล้วนถูกทำลายล้าง บนพื้นดิน พวกลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่ที่เพิ่งหลุดพ้นจากการถูกย่างด้วยความร้อน ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกพลังกฎบัญญัติที่พลุ่งพล่านนี้คร่าชีวิตไปทั้งหมด
ยังดีที่พวกคนดินแดนฮ่วนเยวี่ยมีกำแพงจากการร่วมกันสร้างของเซียนสุ่ยกับซวนเฉียงต้านทานไว้อย่างแข็งขันจึงสามารถคุ้มกันคนทั้งหมดไว้ได้ ถึงกระนั้นก็ตาม เศษพลังกฎบัญญัติเหล่านั้นก็พุ่งกระแทกอย่างรุนแรงบนกำแพงน้ำแข็งและม่านน้ำจนเกิดเสียงดัง สนั่น จนคนที่อยู่ภายในเกิดความหวาดหวั่นอย่างยิ่ง
“อัก!” เหยียนเสี่ยโดนการสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจนพ่นโลหิตออกมาคำใหญ่ ทั้งร่างกระเด็นลอยถอยหลังกลับไป บนร่างกายถูกเศษกฎบัญญัติบาดจนเป็นแผลไปทั่ว ทุลักทุเลยิ่งนัก
คนที่เขานำมา ตายหมดไม่มีเหลือ
ส่วนเขาบาดเจ็บสาหัส เหยียนเสี่ยมองมู่ชิงเกออย่างไม่ยินยอม พบว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม ยืดหลังตรงแน่ว รอบๆ ตัวเขามีแสงรัศมีห่อหุ้มเอาไว้ คุ้มครองเขาไม่ให้ถูกเศษพลังกฎบัญญัติทำร้าย
“มู่ชิงเกอ ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีก!” เหยียนเสี่ยตะโกนคำนี้อย่างไม่ยินยอมแล้วก็หายไปจากพื้นที่รกร้าง พลังกฎบัญญัติที่แตกหักไร้การควบคุมค่อยๆ สลายหายไป
แสงรัศมีรอบตัวมู่ชิงเกอหายไป ร่างกายที่แข็งเกร็งของนางจึงอ่อนยวบลง อ้าปากพ่นโลหิตออกมาคำหนึ่ง
“ลูกพี่!”
“ชิงเกอ!”
แสงเงินสายหนึ่งพุ่งจากพื้นดินขึ้นไปพร้อมกับหยวนหยวน พยุงมู่ชิงเกอไว้
ทั้งคู่นำนางลงมายังพื้นดิน คนทั้งหมดรีบล้อมเข้ามา ไม่ได้สนใจลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่ที่ตายกันเกลื่อนกลาดบนพื้นแม้แต่นิด
“ชิงเกอ เจ้าไม่เป็นไรนะ” ซีเซียนเสวี่ยมองมู่ชิงเกอด้วยความกังวล นางยื่นมือเช็ดรอยเลือดที่ติดริมฝีปากมู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอสั่นศีรษะ
นางมองไปที่ทุกคน ดวงตาใสกระจ่างนั้นกวาดผ่านสีหน้าเป็นห่วงของทุกคน ‘’ข้าไม่เป็นไร”
“เจ้าอาเจียนเป็นโลหิต ยังว่าไม่เป็นไร?” เหยาชิงไห่ขมวดคิ้วพูด ในมือถือยาเม็ดหนึ่งยื่นไปเบื้องหน้ามู่ชิงเกอ
มู่ชิงเกอเห็นยาเม็ดนั้นก็ชะงักไป
เหยาชิงไห่ปลอมตัวเป็นอาจารย์ปรุงยาระดับเทวะตลอดเวลา แต่ยาที่หยิบออกมาเวลานี้เป็นยาระดับมหาเทพ
“ถึงแม้ยาข้าคุณภาพไม่ดีเท่ายาเจ้า แต่อย่างน้อยก็กินได้” เหยาชิงไห่พูด
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของเขา รับยาแล้วก็เอาใส่ปาก ความจริงร่างกายนางไม่จำเป็นต้องอาศัยการกินยาเพื่อฟื้นฟู
นางเพียงควบคุมนิ้วหนึ่งจิตได้ไม่ดีนักจึงถูกพลังสะท้อนกลับไปนิดหนึ่ง ไม่ได้มีอันตรายใดๆ
“เจ้าสาม เมื่อกี้เจ้าใช้บัญญัติอาคมอะไร” หลีเฉาเห็นใบหน้ามู่ชิงเกอมีสีเลือดคืนกลับมาแล้วก็อดไม่ได้ลองถามดู
นัยน์ตามู่ชิงเกอเปล่งประกาย ใช้คำพูดที่เตรียมไว้ตอบออกไป “เป็นบัญญัติอาคมที่บังเอิญได้มาเล่มหนึ่ง กำลังฝึกฝนอยู่ เรียกว่าอะไรก็ยังไม่แน่ใจนัก”
หลีเฉาไม่ได้สงสัย ผงกศีรษะพูดอย่างครุ่นคิดว่า “ข้ารู้สึกถึงพลังทำลายล้างชนิดหนึ่ง บัญญัติอาคมนี้อานุภาพสูงยิ่ง เจ้าสามต้องเรียนรู้ให้ดีๆ เพื่อจะควบคุมให้ได้ทั้งหมด เรื่องวันนี้เหยียนเสี่ยคงไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่นอน”
พูดแล้ว เขาก็มองซากศพเหล่าลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่บนพื้นแล้วมองมู่ชิงเกอ “คนเหล่านี้ถึงแม้เจ้าไม่ได้สังหารด้วยมือตัวเอง แต่ตามนิสัยของพวกดินแดนจั๋วอวี่ก็คงเอาบัญชีนี้มารวมอยู่บนตัวเจ้าด้วย”
มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็แล้วแต่ มาเท่าไรก็รับได้ หากโดนทวงจนทนไม่ไหวแล้วก็สังหารเหล่าลูกศิษย์ก้นแดนจั๋วอวี่มากขึ้นอีกหน่อยจะได้สมกับข้อหาที่พวกเขายัดเยียดให้ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรก็โดนยัดเยียดข้อหา”
คำพูดมู่ชิงเกอทำให้ทุกคนหัวเราะกันลั่น ความกดดันจากการต่อสู้หายไปจนหมดสิ้น
พวกเขาไปจากที่รกร้าง แต่สัตว์เครายาวไม่รู้หนีหายไปไหนแล้ว ไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงต้องเดินกันเอง เดินกันทั้งคืน จนรุ่งขึ้นพวกเขาก็มาถึงเมืองมนุษย์ธรรมดาแห่งหนึ่ง
เมืองนี้ไม่ได้ใหญ่โต ในความรู้สึกของมู่ชิงเกอเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ เท่านั้น
เมื่อยืนอยู่ที่ประตูเมืองแล้วมองเข้าไปก็สามารถมองเห็นภายในเมืองได้ชัดเจนทั้งหมด
ทุกคนกำลังจะเดินไปหาที่พักผ่อน ไม่นึกว่าเพิ่งจะเดินเข้าไป เสียงที่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็ดังขึ้นมา
“ลูกพี่!” เสียงตื่นเต้นดังมาจากข้างๆ
เสียงที่คุ้นหูทำให้มู่ชิงเกอหันไปมอง คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน
“ถงเถิง!” มู่ชิงเกอมองถงเถิงที่วิ่งเข้ามาหานางด้วยความตื่นเต้นอย่างคาดไม่ถึง
จวงซานเห็นถงเถิงก็ยิ้มว่า “เจ้านี่ออกจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยมาฝึกซ้อม หาประสบการณ์ไม่นึกว่าจะมาอยู่ถึงที่นี่ ทั้งยังเจอพวกเราอีก”
“ลูกพี่ ท่านมาได้อย่างไร! หรือรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่จึงได้มา” ถงเถิงพุ่งมายังเบื้องหน้ามู่ชิงเกอ ตื่นเต้นจนสุดจะเปรียบได้
พูดจบแล้วจึงรู้ตัว ทำความเคารพพวกหลีเฉา และคนอื่นๆ ส่วนหยินเฉิน เหยาชิงไห่กับซีเซียนเสวี่ย สามคนที่ไม่รู้จักก็ผงกศีรษะตามมารยาท
มู่ชงเกอถาม “ทำไมเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าจะฝึกซ้อม หาประสบการณ์ไม่ใช่ควรต้องไปหาที่ผจญภัยหรือ เมืองมนุษย์ธรรมดาเล็กๆ แค่นี้มีอะไรให้ฝึกซ้อม หาประสบการณ์ได้”
นางประหลาดใจจริงๆ
ถงเถิงกำลังคิดจะอธิบาย ก็มีเสียงแว่วมา
“ถงเถิง!”
มู่ชิงเกอมองไปเห็นมนุษย์ธรรมดาที่กำลังวิ่งมาทางนี้ชัดแล้วนางเลิกคิ้วขึ้นถามถงเถิงด้วยน้ำเสียงเย้าเล่นว่า “เหตุใดพวกเจ้าจึงอยู่ด้วยกันแล้วเล่า”