Skip to content

พลิกปฐพี 81-3

ตอนที่ 81-3

มู่ชิงเกอไม่ใช่คนไร้ค่า!

ณ เมืองอี้ กำแพงเมืองที่คดเคี้ยวซึ่งมีอาณาบริเวณติดอยู่กับยอดเขาฉินอันผ่านสมรภูมิรบกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจนกลายเป็นพื้นที่ที่จมอยู่บนกองเลือด นอกกำแพงเมือง กองทหารห้าหกหมื่นนายที่กำลังบาดเจ็บ ยืนรายเรียงกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีท่านแม่ทัพเจินและท่านแม่ทัพซิวเป็นผู้นำ กลาย เป็นกำแพงมนุษย์เพื่อขวางกั้นไม่ให้เหล่าสัตว์เดรัจฉานเข้ามาโจมตีภายในอาณาบริเวณได้

ร้อยเมตรถัดจากนี้ เหล่าสัตว์เดรัจฉานจำนวนนับไม่ล้วน ค่อยๆ ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ เหล่าทหารที่ยืนอยู่บริเวณนอกเมืองราวกับเป็นเพียงอาหารอันเลิศรสแค่มื้อเดียวในสายตาของพวกมัน

ท่านแม่ทัพเจินดึงมีดดาบออกมาแล้วชูขึ้นท้า พลางหัวเราะอย่างแช่มชื่น “พี่น้องเราจงฟัง หากเราต่อสู้กับคน แม้ว่าจะตายก็ยังเหลือร่างไร้วิญญาณ แต่การสู้กับ สัตว์เดรัจฉานนั้น เมื่อตายไปแล้วซากศพที่เหลืออยู่นั้นอาจจะแยกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร แต่ก็ไม่เป็นไรเมื่อเหล่าสัตว์ร้ายกล้ากินพวกเรา เราก็ต้องทำให้มันอิ่มจนท้องแตกตาย เจอกันในนรกเราค่อยล้างแค้นพวกมันยังไม่สาย!”

“โห่~~~”

คำพูดของท่านแม่ทัพเจิน เหมือนเป็นการปลุกพลัง

พลังที่ทหารหลายหมื่นคนรวมพลังกัน ราวกับส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศเหนือเมืองอี้

มู่ซงยืนมองภาพทั้งหมดอยู่บนกำแพงเมือง ความทุกข์ในใจนั้นยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ มือที่จับอยู่บนกำแพงแคว้นกำแน่นจนแทบจะทำให้เศษหินแตกละเอียดเป็นเถ้าธุลี แสงสีนํ้าเงินเจิดจ้าปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา

การรวมพลังและอาวุธของกองทหารตระกูลมู่ ราวกับกำลังกระตุ้นให้สัตว์เดรัจฉานเหล่านั้นโมโห สายตาของพวกมันพลันโหดเหี้ยม พวกมันกัดฟัน คำราม จากนั้นก็พุ่งเข้าหากองทัพทหารพิการเหล่านั้นทันที

ท่ามกลางสัตว์เดรัจฉานที่กำลังจู่โจมเข้ามา สามารถเห็นได้ถึงแสงประกายสีส้ม แดง เขียว คราม นํ้าเงินอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเห็นแสงพวกนั้นในสายตาของมู่ซงพลันสิ้นหวัง

เขารู้ว่าทหารพวกนี้ของเขาจะไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีกแล้ว

“ทุกคนสู้~!” ท่านแม่ทัพซิวและท่านแม่ทัพเจินชูอาวุธในมือขึ้นสูง เพื่อนำทุกคนพุ่งเข้าหาสัตว์ร้ายและเปิดฉากเผชิญหน้ากับพวกมัน

คนและสัตว์ที่พุ่งเข้าหากัน เป็นภาพที่ดูสับสนวุ่นวาย แม้จะทำให้ความกดดันของคนที่อยู่บริเวณกำแพงแคว้นลดน้อยลง แต่เหล่ากองทหารตระกูลมู่ที่ยืนอยู่บนกำแพงต่างก็ทุกข์ใจ ในใจนั้นคร่ำครวญอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตาอันแดงกํ่าเต็มไป ด้วยความโกรธแค้นที่เห็นเหล่าพี่น้องทหารของตนเองถูกฉีกป็นชิ้นๆ แล้วกลายเป็นอาหารของพวกสัตว์เดรัจฉาน

เหล่าทหารที่เฝ้าคอยอยู่ทั้งซ้ายและขวาของมู่ซง เห็นภาพเหล่านี้ทั้งหมดด้วยตาตนเอง

จนพวกเขาอดไม่ได้ที่อยากจะกระโดดลงไปสู้กับพวกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นด้วยตนเอง

ทุกคนต่างก็วางมือไว้บนด้ามดาบที่อยู่บนเอว ในขณะเดียวกันก็มีแสงประกายสีต่างๆ สว่างวาบขึ้น

“ท่านแม่ทัพ พวกเราก็สู้ตายเถอะ!” มีทหารคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนเลียงดังพูดกับมู่ซง

“อ๊ากๆๆๆๆ…ให้ข้าลงไปเถิด ฮือๆๆ….”

“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน…สัตว์เดรัจฉาน”

“ท่านแม่ทัพ ท่านสั่งการได้เลย ให้พวกข้าได้ร่วมรบกับเราพี่น้องทหารที่อยู่ข้างล่างด้วยเถิด!” เหล่าทหารต่างนํ้าตานองหน้า ในใจนั้นได้ถูกเปลวไฟแห่งความโกรธเผาไหม้จนทำให้พวกเขาไร้สติ ในตอนนี้เพราะเขาไม่อยากจะไปสนใจประชาชนหรือ แม้กระทั่งชีวิตของตนเองแล้ว คิดเพียงแต่จะกระโดดลงกำแพงไปร่วมเป็นร่วมตายกับเหล่าพี่น้องทหารของตนเอง

“ท่านแม่ทัพ….” รองแม่ทัพที่อยู่ใกล้มู่ซงที่สุด อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล และหันไปมองเขา

ทันใดนั้นเขาก็พลันรู้สึกแปลกใจแล้วยื่นมือไปหามู่ซงในทันที พลางตะโกนว่า “ท่านแม่ทัพ! ท่านเป็นอะไรไป!”

ร่างที่สง่าผ่าเผยและท่าทางอันแข็งแกร่งของมู่ซง ตอนนี้กลับดูโซซัดโซเซ เขายื่นมือออกไปบังมือของรองแม่ทัพที่ยื่นเข้ามา แล้วใช้หลังมือเช็ดเลือดสดที่ปากออก

เขาไม่ได้บาดเจ็บ แต่เจ็บใจจนกระอักเลือด

ให้เขาทนเห็นเหล่าทหารตนเองไปตายเพื่อยื้อเวลาให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ความเจ็บปวดเช่นนี้มากกว่าที่ตัวเขาเองต้องตายเป็นพันเท่าหมื่นเท่า

เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป มู่ซงก็กระอักเลือดลีแดงออกมากลางอากาศ

“ท่านปู่~~~”

เสียงอันตื่นตระหนกและเยือกเย็นดังขึ้น ทำให้มู่ซงเบิกตากว้างเงยหน้าขึ้นมองชายชุดแดงที่วิ่งมาทางกำแพงเมืองในทันที

ทันใดนั้น เขาพลันเบิกตากว้าง พูดด้วยนํ้าเสียงดุดันว่า “เจ้ามาทำอะไร!”

มู่ชิงเกอเม้มปากไม่พูดอะไร สายตากระจ่างเห็นแค่เลือดที่ติดอยู่ตรงมุมปากของมู่ซง

คนที่ตามหลังนางมา คือฉินอี้เหยาและองครักษ์อีก 500 นาย กองทหารของเมืองอี้ก็ตามนางมาด้วย เพราะจะมารายงานแต่มาช้ากว่ามู่ชิงเกอ

“ท่านปู่!” มู่ชิงเกอไปอยู่ช้างๆ มู่ซงและพยุงตัวเขาไว้ในทันที

“ข้าถามว่า เจ้ามาทำอะไรที่นี่” ในสายของมู่ซงมีความเยือกเย็นอยู่ พูดด้วยนํ้าเสียงเคร่งเครียดที่อ่อนแรง

“ข้ามาหาท่านปู่ของข้า” มู่ชิงเกอตอบด้วยนํ้าเสียงสงบนิ่ง

“เจ้า!” มู่ซงโกรธจนหัวใจเต้นถี่ ตอนนี้เขาถึงค่อยเห็นฉินอี้เหยาที่ตามมาด้วย อยู่ๆตรงหน้าก็พลันมืดลงและรู้สึกโมโหถึงขีดสุดในทันที

“ยุ่งยาก! มาเพิ่มความยุ่งยากรึไง! เจ้ารีบไสหัวกลับไปเลยนะ!” มู่ซงด่าอย่างรุนแรง

แต่ว่า ในเมื่อมู่ชิงเกอมาแล้ว จะกลับไปง่ายๆ ได้อย่างไร

นางหันไปมองการรบนอกกำแพงเมือง เมื่อภาพเหล่าทหารพิการพวกนั้นสะท้อนเข้าไปในดวงตาของนาง นางก็เบิกตาที่เต็มไปด้วยความตกใจและอึ้งงันออกกว้าง

“พวกเขา….พวกเขา….” ฉินอึ้เหยาที่เห็นฉากนี้อุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ

ราวกับว่าเพราะเห็นฉากการสู้รบจริงๆ กับตาทำให้ตกตะลึงไปและเหมือนกำลังมีคำถามว่าทำไมทหารที่อยู่ในสนามรบถึงเป็นทหารที่พิการ

รองแม่ทัพที่สังเกตเห็นว่ามู่ซงอาการไม่ค่อยดีเป็นคนแรก ก็อาสาอธิบายว่า “กองทหารตระกูลมู่สู้รบฟาดฟัน เมืองอึ้มานานหลายวัน เสบียงอาหารก็หมดไปตั้งนานแล้ว กองกำลังเสริมยังมาไม่ถึงสักที ทหารพวกนี้ก็บาดเจ็บจนไม่สามารถรักษาได้ เพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้กับพวกข้าเพื่อที่จะรอกำลังเสริม ทหารพวกนี้จึงเสียสละชีวิตของตนเอง ใช้ชีวิตแลกชีวิต…” ประโยคตอนท้ายนั้น เขาสะอื้นจนไม่สามารถพูดต่อไปได้แล้ว

“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร?” ฉินอื้เหยาเอามือปิดปาก ในสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจมีน้ำตาเอ่อล้นออกมา

นางคิดว่าตัวนางที่อยู่ในวังหลวงนั้น สามารถรับรู้ได้ถึงความโหดเหี้ยมของการสงคราม แต่ว่าพอได้มาเห็นเองกับตา กลับต้องตกใจเพราะกองทหารตระกูลมู่ ถูก การสละชีพของเหล่าทหารพิการพวกนั้นทำให้สะเทือนใจ

“ทำไมกองกำลังเสริมยังไม่มา” มู่ชิงเกอพูดเสียงตํ่าด้วยนํ้าเสียงอันเยือกเย็น

รองแม่ทัพอีกคนหัวเราะเยาะ “พวกข้าส่งผู้ส่งสารไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่คำตอบที่ได้ก็คือไม่มีเสบียงอาหาร นี่มันกำลังมีคนจงใจให้เป็นเช่นนี้ชัดๆ อยากยืมมือสัตว์เดรัจฉานพวกนี้ในการกำจัดพวกเราเหล่ากองทหารตระกูลมู่”

แววตากระจ่างของมู่ชิงเกอพลันเยือกเย็นมากขึ้น

ต้านหลังตัวนาง คือเหล่าองครักษ์ที่มากับนางและพวกเขาเองก็โกรธแค้นเพราะสนามรบอันนองเลือดตรงหน้ามาตั้งนานแล้ว

เพียงแค่มู่ชิงเกอสั่งการพวกเขาก็กล้าที่จะกระโดดลงไปท่ามกลางสัตว์ร้ายและฆ่าสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นเสีย!

“ก่อนที่ท่านแม่ทัพเจินและท่านแม่ทัพชิวจะออกจากเมือง ท่านแม่ทัพได้ให้ผู้ส่งสารนำลูกศรประจำกายของท่านแม่ทัพไปขอเสบียงอาหารแล้ว ลองดูสิว่าจะยังมีใครกล้าเล่นสกปรกอีก!” รองแม่ทัพทุบกำแพงเมืองอย่างแรงเหมือนเป็นการระบายความโกรธเกลียดในใจ

ได้ยินประโยคนี้นัยน์ตาของมู่ชิงเกอก็มีประกายบางอย่างพาดผ่าน ธนูที่อยู่ตรงอกนั่นนางไม่ได้เอาออกมา

“เกอเอ๋อร์เจ้าพาองค์หญิงกลับไปก่อน” อยู่ๆ มู่ซงก็พูดกับมู่ชิงเกอ ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเด็ดขาด “หลังจากที่กลับไปแล้วก็รีบไปหาท่านอาของเจ้า จากนั้นก็ออกจากแคว้นฉินไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก”

คำพูดนี้ของเขา เป็นความลับมีแค่มู่ชิงเกอเพียงคนเดียวที่ได้ยิน

มู่ชิงเกอมองเขา ในสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนั้น ทำให้นางรู้สึกปวดใจ นางไม่รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกของตัวนางเองหรือเป็นความรู้สึกของเจ้าของร่างคนเก่ากันแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางมาถึงที่นี่แล้ว นางจะไม่ยอมให้มู่ซงเป็นอะไรแม้แต่น้อย นางยิ้มแล้วพูดกับมู่ซงว่า “ท่านปู่ ทหารในเมืองต่างก็มีฝีมือ ท่านยอมเห็นพวกเขาเดินเข้าสู่จุดจบของชีวิตได้อย่างไร” พูดจบนางก็พลันสลัดหลุดจากการควบคุมของมู่ซงในทันที แล้วกระโดดข้ามกำแพงเมืองลงไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version