Skip to content

พลิกปฐพี 84-5

ตอนที่ 84-5

องครักษ์เขี้ยวมังกรพลิกฟ้า!

วิธีที่นางใช้เป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยากและสามารถเห็นผลได้ชัดที่สุดในการแบ่งกลุ่ม แน่นอนว่าเป็นวิธีที่นางนำมาจากชาติที่แล้ว

การแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีผลต่อความก้าวหน้าของกองทัพ

นางมีเวลาจำกัด ไม่มีเวลามากพอที่จะทำเหมือนพวกเขาเป็นเด็กประถมที่ต้องค่อยสอนไปทีละขั้นตอน

พอนางพูดจบ กองทหารตระกูลมู่ที่อยู่ข้างหลังต่างฮือฮากันพักใหญ่

แต่สำหรับองครักษ์เขี้ยวมังกรนั้นยังคงรักษาความเงียบสงบไว้และยืนนิ่งราวกับก้อนหินที่อยู่กลางมหาสมุทรดังเดิม

“ข้าให้เวลาพวกเจ้าแค่ธูปหนึ่งดอกในการแบ่งกลุ่มหลัง จากนั้นเราจะเข้าไปยังเทือกเขาฉิน เพื่อเริ่มการฝึกฝนกัน” มู่ชิงเกอพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะหันหลังไปมองผู้นำกองทหารที่ประจำการในเมืองอี้

สายตาที่แนบนิ่งนั้น ราวกับว่ากำลังขอแผนที่เทือกเขาฉินกับผู้นำกองทหาร

“คุณชาย นี่มัน…” ผู้นำกองทหารประหนึ่งไม่ยินยอม ใบหน้าเริ่มฉายแววอึกอักลำบากใจ

เขาเข้าใจว่า สำหรับตระกูลมู่แล้วมู่ชิงเกอมีความสำคัญมากเพียงใด แม้ว่าความกล้าของเขาจะมีมากล้น มากกว่านี้อีกกี่ร้อยกี่พันเท่าก็ไม่อาจยินยอมให้ทายาทผู้ นี้เข้าไปยังเทือกเขาฉิน

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ให้แผนที่กับข้า แต่อย่างไรเสียข้าก็ยังจะเข้าไปอยู่ดี” มู่ชิงเกอพูดนิ่งๆ คำขู่นี้แทบจะทำให้ผู้นำทัพร้องขอชีวิต

ถึงมีแผนที่แต่อย่างไรเสียก็ยังคงอันตราย หากเข้าไปในเทือกเขาฉินโดยไร้แผนที่จะกลับมาโดยที่ยังมีลมหายใจได้อย่างไร เมื่อผู้นำกองทัพไตร่ตรองดูถี่ถ้วนแล้วจึงกัดฟันและตัดสินใจว่า “คุณชายโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปหาแผนที่ แต่ขอให้คุณชายรับปากกับข้าก่อนว่า จะอยู่แค่บริเวณเขตรอบนอก ไม่เข้าไปลึกมากนัก ข้าจะส่งทหารจำนวนหนึ่งหมื่นนายเพื่อไปอารักขาความปลอดภัยให้คุณชาย”

“ให้ทหารตามข้าไปหนึ่งหมื่นนาย? ข้าไปฝึกไม่ได้ไปเที่ยว” ใบหน้าของมู่ชิงเกอฉายความไม่ชอบใจและปฏิเสธข้อเสนอของผู้นำกองทัพอย่างไม่ไยดี

สีหน้าของผู้นำกองทัพเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมจนแทบจะร้องไห้ออกมา

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถรั้งตัวมู่ชิงเกอไว้ได้นํ้าตาพลันไหลออกมา เขายื่นแผนที่เทือกเขาฉินให้พลางมองมู่ชิงเกอและคนอื่นๆ ที่เดินทางออกไปจากเมืองอี้อย่างอาลัยอาวรณ์และเป็นห่วงจนกระทั่งลับสายตาไป เมื่อเดินออกไปยังนอกกำแพงเมืองที่คดเคี้ยวและทะลุ ผ่านสนามรบที่เคยนองโลหิต ก็จะเห็นภาพรวมของเทือกเขาฉิน ภูเขาที่ทอดยาวในสองข้างทางมีต้นไม้อันอุดมสมบูรณ์ ที่มองไม่เห็นถึงอันตราย แต่ความเป็นจริงมีกับดักที่เหล่ามนุษย์ไม่รู้ซ่อนอยู่มากมายประหนึ่งกำลังยื่นเขี้ยวออกมาหาผู้ที่ย่างกรายเข้ามาใกล้เทือกเขาฉิน

เทือกเขาฉิน จริงๆ แล้วเรียกเทือกเขาฉินไม่ได้

จากแผนที่หลินชวน พื้นที่ที่ปรากฏในแผนที่ ทำให้มู่ชิงเกอกระจ่างแล้วว่าเทือกเขาฉินเป็นเพียงพื้นที่ เล็กๆ ของภูเขาว่านเหล่ยที่พาดผ่านระหว่างทิศตะวัน ออกจนถึงทิศตะวันตกและยังไม่ใช่พื้นที่ที่อันตรายที่สุด

เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในแควันฉิน ด้วยเหตุนี้ในยุคสมัยของฉินจึงเรียกว่าเทือกเขาฉิน

เทือกเขาฉินนี้ทอดยาวผ่านระหว่างทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปยังทิศเหนือของแคว้นฉิน เพื่อเป็นการแบ่งอาณาเขตอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาฉินเป็นพื้นที่ของ แคว้นระดับสองอย่างแคว้นตี้ จากแผนที่หลินชวน พื้นที่ที่ปรากฏในแผนที่ แคว้นตี้เป็นแคว้นที่มีพื้นที่เป็นแนวยาว โดยเทือกเขาว่านเหล่ยนั้นได้ยึดพื้นที่ไปกว่าครึ่งในทิศเหนือสุดของแคว้นตี้เป็นจุดสิ้นสุดของหลินชวน มีทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด ทะเลทรายอันมีไอสังหารแฝงอยู่นั้นได้กลายเป็นที่กว้างและเป็นดั่งจุดสิ้นสุดในการเดินทางเข้าออก

ในขณะที่มู่ชิงเกอรู้ชัดเจนถึงตรงนี้ในใจของนางก็พลัน เกิดความสงสัย

ความรู้เกี่ยวกับจักรวาลของนาง กำลังบอกนางว่าโลกเป็นวงกลมและเป็นเพียงดาวดวงหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่เท่านั้น

หากเริ่มเดินทางโดยจุดใดจุดหนึ่งและเดินตรงไปวันหนึ่ง ก็สามารถกลับมายังจุดเดิมได้ จะไม่มีขอบเขตและที่สิ้นสุด

และนางก็รับรู้ว่าโลกที่ตนเองอยู่ในตอนนี้นั้นกลับดูแตกต่างมาก ด้วยเหตุนี้นางจึงแปลกใจว่าทำไมถึงมีทะเลทรายที่เป็นดั่งจุดสิ้นสุด มันจะทะลุไปยังอีกโลกหนึ่งได้งั้นหรือ

เมื่อมองเขตแดนของเทือกเขาฉินแล้ว เทือกเขาอันปกคลุมไปด้วยหมอกหนานั้น ราวกับว่ากำลังแสดงให้เห็นถึงความลึกลับของมันในสายตาของมู่ชิงเกอนอกจาก ความสงสัยแล้ว ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทายมหาศาล

นางอยากจะปราบพยศพื้นที่แห่งนี้ให้เทือกเขาฉินยอมสยบ!

“คุณชาย ในแผนที่ชี้ว่านอกเทือกเขาฉินนั้นเต็มไปด้วย สรรพสัตว์อันโหดร้ายอำมหิต หากจะสามารถพบกับร่องรอยของสัตว์วิเศษที่มีพลังนั้นต้องเดินทางลึกเข้าไปอีกถึงจะพบร่องรอย” มั่วหยางถือแผนที่วาดบนหนังสัตว์ พลันขี่ม้าไปเทียบข้างมู่ชิงเกอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มตํ่า มู่ชิงเกอมองพื้นที่ด้วยความฉงนใจ

แผนที่นี้วาดได้ไม่ละเอียดมากนัก เพียงบ่งบอกว่าแบ่งเทือกเขาออกเป็นกี่ส่วนและบอกถึงตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นหลายที่รวมถึงบ่งบอกถึงอาณาเขตของสัตว์ป่า

เมื่อมองแผนที่อย่างคร่าวๆ มู่ชิงเกอก็จ้องไปยังพื้นที่ที่ถูกขนานว่า ‘อาชาเพลิง’ แห่งหนึ่ง

มู่ชิงเกอชี้บริเวณนั้น พลางพูดอย่างเย็นชาว่า “คืนนี้ พักกันที่นี่”

มั่วหยางแววตาส่องประกาย ไม่ได้พูดอะไรและออกไปเตรียมการทุกอย่าง อย่างว่าง่ายทันที พอเขาออกไปมู่ชิงเกอก็หรี่ตา ในสายตานั้นเป็นประกายด้วยแผนการ

อาชาเพลิง รูปร่างสูงใหญ่ ความเร็วของมันนั้นดั่งสายฟ้าแลบ การย่ำเท้าในยามโกรธเกรี้ยวสามารถทำให้แผ่นดินผืนนี้สะเทือนได้ ร่างกายนั้นมีไอเพลิงสีดำห่อหุ้มเอาไว้ เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกรุ่มร้อนดั่งถูกเปลวไฟแผดเผา ฟันแทงไม่เข้า นับว่าเป็นพวกที่มีฝีมือระดับกลางในบรรดาเหล่าสรรพสัตว์

สิ่งลํ้าค่าเช่นนี้หากไม่หาวิธีเอามันมาประดับบารมีองครักษ์เขี้ยวมังกรของนาง ก็จะผิดต่อตัวเองเสียเปล่าๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version