ตอนที่ 85-2
รักครั้งใหม่ของมู่ชิงเกอ
ช่างเถอะ ด้วยความสามารถของเขาแล้ว หากมอบอาชาเพลิงให้เขามีแต่จะทำให้เดือดร้อนยิ่งกว่าเดิม
ชั่วพริบตาเดียว มู่ชิงเกอก็คิดคำนวณอย่างดีว่าจะจัดสรรฝูงอาชาเพลิงเหล่านี้อย่างไร เสมือนหนึ่งว่าอาชาเพลิงฝูงนี้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางเรียบร้อยแล้ว
สีของอาชาเพลิงฝูงนี้ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันคือสีดำทมิฬ ไม่เหมือนอาชาประเภทอื่นๆ ที่มีสีที่แตกต่างกัน
ในชั่วขณะนั้น แววตาของมู่ชิงเกอพลันส่องประกายและถูกดึงดูดด้วยอาชาเพลิงตัวหนึ่งที่อยู่ภายในฝูงนั้น
ขนสีดำเงาดุจกำมะหยี่แวววาวไปทั่วทั้งร่างกาย กล้ามเนื้อกำยำลํ่าสันได้รูป ลักษณะภายนอกที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติแลดูมีสง่าราศี มองดูแล้วช่างโดดเด่นเสียจริง! แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางเหล่าอาชาสีดำทมิฬทว่าความงดงามก็ยังคงชัดเจน
สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคือแผงคออันเต็มไปด้วยขนดูสูงสง่า ขับให้ลักษณะที่แตกต่างของมันแสดงออกมาอย่างชัดเจน
ในขณะที่เคลื่อนไหวขนแผงคอยาวสลวยอย่างเป็นธรรมชาติก็พลันปลิวไหวไปตามสายลม กลายเป็นภาพที่งามลํ้าดั่งจินตนาการ
ความน่าดึงดูดเช่นนี้ สามารถตราตรึงใจให้ผู้ที่พบเห็นให้ตื่นเต้นได้อย่างไม่รู้จบและทำให้ไม่สามารถละสายตาจากมันได้
มู่ชิงเกอจ้องจนดวงทั้งสองคล้ายมีรูปหัวใจโผล่ออกมา เกิดเป็นรักแรกพบกับอาชาเพลิงตัวนี้!
ทว่านางก็แลเห็นถึงฐานะอันพิเศษของอาชาเพลิงตัวนั้น ทุกอิริยาบถของอาชาฝูงนี้ เสมือนมีมันเป็นศูนย์กลาง
เพียงสายตาหรือการเคลื่อนไหวหนึ่งของมันก็สามารถ ทำให้อาชาตัวอื่นทำตามอย่างเชื่อฟัง
‘พญาอาชา!’
คำคำนี้ได้โผล่เข้ามาในหัวทันที ดวงตาทั้งคู่ของมู่ชิงเกอพลันคึกคะนองมีความอยากรู้อยากเห็นและเผลอเลียมุมปากอย่างไม่รู้ตัว
หากต้องการให้อาชาทั้งฝูงเชื่องจำเป็นต้องทำให้พญาอาชายอมศิโรราบเสียก่อน
มู่ชิงเกอไม่ลังเลอีกต่อไป บนร่างกายมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้น พลันเคลื่อนตัวออกจากแหล่งที่ซ่อนในทันใด
ทิ้งคำสั่งเอาไว้ข้างหูขององครักษ์เขี้ยวมังกรเพียงคำสั่งเดียวคือ ‘ยืนรอฟังคำสั่งอยู่ที่เดิม’
พอมู่ชิงเกอเคลื่อนไหว พญาอาชาที่ก้มหน้ากินหญ้าอยู่นั้นก็เหมือนจะรู้สึกตัวได้ในทันที มันค่อยๆ เงยคออันสง่างามขึ้นมา ตาสีดำดั่งเพทายทั้งคู่จดจ้องไปยังมู่ชิงเกอที่กำลังเคลื่อนไหว
“อี้- !” เสียงสูงร้องคำรามออกจากปากมัน
มันกำลังส่งเสียงเตือนภัยให้แก่พรรคพวกของตนเอง!
ทันใดนั้น อาชาทั้งฝูงก็ร้องรับพร้อมกัน เสียงร้องของเหล่าอาชาพลันดังก้องกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มพลางปล่อยตัวลงจากกลางเวหา เป้าหมายคือแผ่นหลังของพญาอาชาที่ดูเรียบสง่าแข็งแรง และได้รูป
แม้ว่านางจะคล่องแคล่วสักเพียงไหน ทว่าพญาอาชากลับคล่องแคล่วยิ่งกว่า!
ราวกับว่ามันรู้ว่ามู่ชิงเกอต้องการจะทำอะไร นัยน์ตาจึงฉายแววเยาะเย้ย พอฝีเท้าทั้งสี่เคลื่อนไหว มันก็พลันไปอยู่ในระยะหลายจ้างถัดจากนั้นและหลบหลีกการจู่โจมของมู่ชิงเกอได้อย่างง่ายดาย
การตอบสนองอย่างรวดเร็วและความว่องไวดั่งสายฟ้า ทำให้ความตกตะลึงในสายตาของมู่ชิงเกอมากขึ้นกว่าเดิม ภายในใจยิ่งรู้สึกว่าจะต้องได้ครอบครอง
หากอยากจะฝึกอาชา ก็ต้องไปอยู่บนหลังของมัน
แต่ว่า พญาอาชานั้นเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างมาก การตอบสนองก็ว่องไว ทำให้นางไม่สามารถหยุดฝีเท้าได้เลย
ในสายตาของพญาอาชายิ่งสาดรังสีเยาะเย้ยเพิ่มมาก
ราวกับว่าหัวเราะเยาะให้แก่ความไร้เดียงสาของนาง
มู่ชิงเกอเห็นสายตาที่เยาะเย้ยของมันในใจไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย อาชาที่นางถูกใจ แน่นอนว่าต้องสูงส่งสมเกียรติมากพอ
นางพุ่งไปยังหลังอาชาอีกหนทว่าพญาอาชาก็ยังคงหลบหลีกได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง อาชาเพสิงตัวอื่นๆ ก็คอยระแวดระวังอยู่บริเวณนั้น แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนอะไร
ดูเหมือนว่าพวกมันดูออกว่าพญาอาชาของตนกำลังหยอกล้อกับมนุษย์ที่กระโดดออกมาผู้นี้ มู่ชิงเกอกระโดดลงบนผืนหญ้าแล้วพุ่งเข้าหาพญาอาชา เมื่อนางไว พญาอาชาเองก็ไว เมื่อนางช้า พญาอาชาก็ช้าตามนาง ดั่งกำลังจงใจแกล้งนาง
มู่ชิงเกอกระตุกยิ้มจางๆ ไม่ได้ใส่ใจกับการหยอกล้อของพญาอาชา
มนุษย์คนหนึ่งกับอาชาตัวหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไล่อีกฝ่ายหนีกันไปมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
การเย้ยหยันในสายตาของพญาอาชาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าของมันมองมู่ชิงเกออย่างขบขัน ทันใดนั้นมู่ชิงเกอพลันหยุดทุกการกระทำลง ประหนึ่งกำลังหมดแรง
ในสายตาของพญาอาชายิ่งดูได้ใจพลางชะลอความเร็วของตนลงเช่นกัน และเดินเข้าไปหามู่ชิงเกอเพื่อกระตุ้น
ขณะเดียวกันนั้น ในขณะที่พญาอาชาดูผ่อนคลายจากความระแวดระวัง มู่ชิงเกอพลันกระดิกนิ้วชี้ สายฟ้าที่รวบรวมไว้ตั้งแต่แรกพุ่งตัวออกจากปลายนิ้วตรงไปยัง พญาอาชาทันที
“ฮี้——–
ความรู้สึกเมื่อถูกไฟฟ้าช็อตทำให้พญาอาชาเงยหัวขึ้นร้องโหยหวนและรู้สึกปลายประสาทชาไปชั่วขณะหนึ่ง
ในช่วงเวลานี้ มู่ชิงเกอก็ได้โอกาสกระโดดขึ้นพลันกางขาออก นั่งอยู่บนหลังพญาอาชาได้อย่างมั่นคง
น้ำหนักบนหลัง ทำให้พญาอาชาเดาจุดประสงค์ของมู่ชิงเกอออกในทันที!
พญาอาชาที่ฟื้นตัวจากอาการชารู้สึกโกรธเกรี้ยวในทันที!
มันยกเกือกหน้าทั้งสองข้างขึ้น พลันสะบัดร่างกายของตนเอง เพื่อที่จะทำให้มู่ชิงเกอตกจากหลัง แต่มู่ชิงเกอก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อนราวกับถูกตอกติดไว้บนหลังมัน
มู่ชิงเกอใชัมือทั้งสองข้างจับขนที่เป็นคลื่นยาวตรงแผงคอของมันเอาไว้แน่น แม้ว่ามันจะกระโดดแรงสักเพียงไหน นางก็หนีบท้องม้าเอาไว้ไม่ปล่อย
อาชาเพลิงตัวอื่น เมื่อเห็นพญาอาชาถูกโจมตี พลันเริ่มโกรธฮึดฮัดขึ้นมา อยากจะพุ่งตัวเข้าไป แต่ก็กลัวจะทำให้พญาอาชาได้รับบาดเจ็บ ในสถานการณ์อันน่าเป็น ห่วงเช่นนี้ เกือกม้าค่อยๆ เดินยํ่าไปมาบนพื้นหญ้า พญาอาชาไม่สามารถสะบัดมู่ชิงเกอที่อยู่บนหลังของตนได้ในใจลุกเพลิงไปด้วยไฟโทสะ
ไอสีขาวจากความเย่อหยิ่งพ่นออกมาจากโพรงจมูกของมัน ทันใดนั้นมันก็ยํ่าเท้าลงบนผืนดิน พลันเกิดเสียงคล้ายภูเขาทั้งลูกถล่มออกมาจากใต้ดิน
ใต้เกือกม้า พลันมีรอยร้าวขยายออกไป
“แย่แล้ว! พญาอาชาโมโหแล้ว!” ทหารนายหนึ่งขององครักษ์เขี้ยวมังกรซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
องครักษ์เขี้ยวมังกรที่แฝงตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ ดู เหมือนว่าอยากจะพุ่งตัวออกไปเป็นกำลังเสริมให้กับมู่ชิงเกอ
มั่วหยางหันกลับไปมอง พลันพูดอย่างใจเย็นว่า “อย่าเคลื่อนไหว เชื่อในตัวคุณชาย หากท่านยังไม่ออกคำสั่ง ห้ามผู้ใดเคลื่อนไหวเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษ!” ประโยคนี้ทำให้องครักษ์เขี้ยวมังกรที่เริ่มเคลื่อนไหวสงบลงอีกครั้ง
ฮวาเยวี่ยและโย่วเหอมองภาพการประลองระหว่างมู่ชิงเกอและพญาอาชาด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยความกังวลอย่างเปี่ยมล้น
ฮวาเยวี่ยกัดริมฝีปากของตนพร้อมทั้งแอบดึงแขนเสื้อของโย่วเหอ
โย่วเหอเข้าใจความหมายของการกระทำนี้พลันกระซิบมั่วหยางว่า “คุณชายจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
มั่วหยางพูดอย่างมั่นใจว่า “พวกเจ้าทุกคนอย่าลืมสิว่า คุณชายของเราเป็นถึงยอดฝีมือสายเขียวเชียวนะ!”
ยอดฝีมือสายเขียวคำนี้ เหมือนเป็นการเติมพลังให้แก่ทุกคน ทำให้ความกังวลของพวกเขาคลายลงได้บ้าง
ดวงตาของพญาอาชาฉายแววกระหายเลือด ความเยาะเย้ยก่อนหน้านี้ที่ถูกแทนที่ด้วยความเกรี้ยวโกรธและความอับอาย
ในขณะนี้ มันอยากจะสะบัดให้คนบนหลังตกลงมาเสียเดี๋ยวนี้ใช้เกือกทั้งสี่เหยียบยํ่านางให้ตายเสีย แล้วโยนร่างไปเป็นอาหารของฝูงอาชา จึงจะสามารถสลายความแค้นภายในใจลงได้
มันพามู่ชิงเกอพุ่งไปมาอย่างบ้าคลั่งบนพื้นหญ้า ดั่งเรือน้อยที่ถูกคลื่นสึนามิลูกใหญ่ซัดโหม
คนธรรมดา หากถูกสะบัดเช่นนี้ คงจะปล่อยมือร่วงลงบนพื้นและอาเจียนอย่างรุนแรงไปตั้งนานแล้วแต่มู่ชิงเกอกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงนั่งตระหง่านไม่ขยับ
ชาติที่แล้ว ช่วงเวลาที่นางอยู่ในทุ่งหญ้า สิ่งที่ได้เรียนรู้มาไม่ได้มีเพียงวิชาธนูเก้าดาราเรียงอันประหลาดมหัศจรรย์เท่านั้น แต่ยังเรียนรู้กลวิธีในการฝึกม้ามาด้วย