ตอนที่ 859
ใครจะหยุดยั้งข้าได้หรือ
“หลังจากนี้สามเดือนจะเป็นวันมงคลสมรสของข้า!”
อะไรที่เรียกว่าหากไม่พูดให้ตกใจก็จะไม่ยอมเลิกรา มู่ชิงเกอเป็นคนเช่นนั้น
นางเพิ่งปรากภตัวในฐานะหญิงสาว ทุกคนยังไม่ทันหายตื่นเต้น เวลานี้ก็มาประกาศวันมงคลสมรสซํ้าอีก เรียกได้ว่าไม่ยอมให้มีช่วงเวลาปรับตัวกันบ้างเลย
ตึง!
ราชาเทวะเฝินไห่จับถ้วยสุราในมือไม่แน่นถ้วยจึงหลุดจากปลายนิ้วตกลงบนโต๊ะ นํ้าสุราในถ้วยสาดกระเซ็นเต็มโต๊ะ กระทั่งบางส่วนยังไหลลงไปบนเสื้อคลุมของเขา
เพียงแต่เวลานี้เขากลับไม่สนใจสภาพทุลักทุเลของตัวเอง เพียงมองมู่ชิงเกอด้วยความตื่นตกใจ
เสียงถ้วยสุราหล่นตกพื้นไม่ได้ทำให้ความสะท้านใจของทุกคนลดลง หลังจากถ้วยสุราหล่นลงแล้ว ในตำหนักใหญ่ก็ยังคงเงียบเชียบ
‘นายน้อยจะแต่งงาน! แต่งกับใคร!’ ซวีซิวถ่ายทอดเสียงไปถึงราชครู สะเทือนจนสมองของเขาดัง หึ่งๆ
ราชครูรีบปลอบประโลม ‘อย่าตกใจ อย่าตกใจ นายน้อยจะบอกเอง’
ซวีซิวสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจึงสงบลงได้ เพียงแต่ถึงแม้อาการเขาจะดูสงบนิ่ง แต่นิ้วมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกลับกำลังสั่น ‘นายน้อยจะแต่งงาน! นายใหญ่ตระกูลมู่จะแต่งงานแล้ว! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่โตยิ่งนัก! จะมาทำชุ่ยๆ ไม่ได้เด็ดขาด’
ซวีซิวอยากรีบแยกตัวออกไปรีบไปเตรียมการจัดแจงเรื่องนี้ทันที
แต่ภายในตำหนักต่างคนต่างก็มีความคิดของตัวเอง
คำพูดของมู่ชิงเกอเป็นการทดสอบสภาพจิตใจของแต่ละคนภายในนั้นส่วนใหญ่จะรู้สึกผิดคาดเช่น
เดียวกับราชาเทวะเฝินไห่
แต่มีสองคนที่คิดต่างออกไป
นั่นคือราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกับหลียวน
ขณะที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยได้ยินข่าวจากปากมู่ชิงเกอว่าอีกสามเดือนนางจะแต่งงาน นัยน์ตาหงส์เกียจ คร้านคู่นั้นก็หมองหม่นลง แต่ไม่เป็นที่สังเกตของใคร
อารมณ์ความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกลุกลามออกจากส่วนลึกของจิตใจ ทำให้เขาแยกไม่ออกว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
ส่วนหลียวนนั้นคาดเดาเบาะแสได้จากกระดิ่งแบบเดียวกันที่เอวของมู่ชิงเกอ นางนึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ มู่ชิงเกอจะแต่งงานด้วยถึงขนาดเป็นเขาคนนั้น
แต่นางกล้าหรือ
ความอิจฉาริษยาและแค้นเคืองดั่งเปลวเพลิงที่ปะทุขึ้นมาจากภายในส่วนลึกของดวงตา นางยิ้มแค่น พูดว่า “อ้อ ราชาเทวะมู่จะแต่งงาน คงต้องแสดงความยินดีอย่างยิ่ง เพียงแต่ไม่รู้ว่าราชาเทวะมู่จะแต่งงานกับใครหรือ”
นางแน่ใจเลยว่ามู่ชิงเกอไม่กล้าเอ่ยนามของชายคนนั้นต่อหน้าราชาเทวะทั้งปวง
แม้แต่เรื่องที่นางยังไม่กล้าทำ มู่ชิงเกอจะกล้าได้อย่างไร
แม้แต่ครั้งนั้นนางก็เคยเฝ้าฝันที่จะได้อยู่ร่วมกับเขาตลอดไป เพียงแค่หวังว่าเขาจะสามารถทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างยินยอมเข้าร่วมกับดินแดนเฟิ่งเทียนของนาง จากนั้นก็อยู่เคียงคู่กันตลอดไปโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องราวของพวกนาง
‘มู่ชิงเกอ เจ้าจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว!’ หลียวนยิ้มเยาะในใจ นางจะรอดูวันที่มู่ชิงเกอถูกรุมล้อมและผลักไสไล่ส่งและโดนแผ่นดินเทพทอดทิ้ง
สายตามู่ชิงเกอกวาดมาที่นาง แววตานั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ท่ามกลางการเฝ้ารอของทุกคนและ การยิ้มเยาะของหลียวน มุมปากนางค่อยๆ เชิดขึ้นผุดรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา
“ใช่แล้ว ราชาเทวะมู่ท่านเป็นราชาเทวะหญิงคนที่สองของแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร เวลานี้ท่านจะแต่งงาน พวกเราเองก็อยากรู้มากว่าเป็นใครกันแน่ที่สามารถครองใจของท่านได้” ราชาเทวะเซียนเหนี่ยวพูดทีเล่นทีจริง
“ถูกต้องถูกต้อง ราชาเทวะมู่จะแต่งงาน พวกเราย่อมต้องแสดงความยินดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าชายผู้โชคดีนี้ เป็นใคร มาจากดินแดนเทพไหนกัน” ราชาเทวะเฝินไห่พูดต่อ
การเร่งเร้าจากทุกคนทำให้หลียวนยิ้มเจิดจ้ามากขึ้น นางเอ่ยอย่างโหดร้ายในใจว่า ‘บอกเลย! มู่ชิงเกอ เจ้าบอกออกมาเลย! เจ้ากล้าบอกฐานะของคนผู้นั้นไหม เจ้าเพียงแค่พูดออกมาก็จะต้องถูกโจมตีจากแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถต้านทานได้ไหวหรือ’
หลียวนไม่ได้เห็นกับตาว่ามู่ชิงเกอกวาดล้างแผ่นดินเทพตะวันตกอย่างไร ทั้งไม่ได้เห็นศีรษะนับหมื่นบนธงเลือดนั้น
เวลานี้นางยังเฝ้ารอให้มู่ชิงเกอขุดหลุมฝังศพตัวเองอยู่
เพียงแต่นางกลับไม่ได้คิดว่าหากมู่ชิงเกอไม่กล้าพูดแล้ว นางจะบอกต่อหน้าผู้คนเรื่องแต่งงานทำไม ใน เมื่อนางกล้าบอกก็หมายความว่านางไม่กลัว นางต้องการแต่งงานอย่างสง่าผ่าเผยไม่ใช่หลบๆซ่อนๆ
“ได้ในเมื่อทุกคนต่างสนใจเช่นนี้ข้าย่อมไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง” มู่ชิงเกอเอ่ยปากอีกครั้ง ทำให้ภายใน
ตำหนักเงียบสงบลงอีกครั้งหนึ่ง
นางลุกขึ้นจากบัลลังก์ราชาเทวะพูดว่า “คนที่จะแต่งงานกับข้านั้น ทุกท่านก็คงพอจะได้ยินชื่อมาบ้าง แล้ว เขาก็คือ…ราชามารแห่งแดนมารรกร้าง”
แกรก!
เปรี๊ยะ!
ขณะที่ทุกคนถูกทิ้งระเบิดจากข่าวนี้ ถ้วยสุราที่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถือเล่นในมือก็ถูกเขาบีบแตกในทันที
ในตำหนักนอกจากคนที่รู้เรื่อง คนอื่นๆ ต่างตะลึงอยู่กับที่ราวกับกลายร่างเป็นหิน
แม้แต่ซวีซิวก็ไม่ยกเว้น ทำให้ราชครูข้างกายเขาเผยท่าทีสะใจออกมา
‘นางพูดออกมาแล้ว! นางพูดออกมาจริงๆ! นางบ้าไปแล้วหรือ!’ หลียวนตกใจ นางรู้สึกว่ามู่ชิงเกอเหิมเกริมมากเกินไป โง่เขลาจนเกินเยียวยา เข้าใจเอาเองว่าพอตัวเองได้เป็นราชาเทวะเก้าชั้นฟ้าแล้วก็จะสามารถใช้มือปิดฟ้าทำทุกสิ่งได้ตามใจชอบหรือ
การสมรสระหว่างเทพมาร ทั้งยังเป็นราชาเทวะกับราชามาร…เรื่องเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งต้องห้ามยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรอย่างแน่นอน
จงซานหมุนคอที่แข็งทื่อมองไปทางราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย เขาราวกับจะสอบถามว่าเหตุใดราชาเทวะ น้อยคนก่อนของเจ้าก็ยุ่งเกี่ยวกับเผ่ามารจนสุดท้ายก็ต้องไปจากเผ่าเทพ เวลานี้อดีตราชาเทวะน้อยยิ่งหนักข้อกว่านั้น ถึงขนาดจะแต่งงานกับราชามารทีเดียว
ใบหน้าแสนงามของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเกร็งแน่น ค่อยๆ หลับตาลงทั้งสองข้าง เวลานี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดวันนั้นราชามารจึงซ่อนตัวอยู่แต่ในที่ลับ เหตุใดวันนั้นขณะที่แผ่นดินเทพตะวันตกอยู่ในอันตรายราชามารจึงลงมือช่วยเหลือ และเหตุใด…หลังจากมู่ชิงเกอไล่ตามเส้าเทียนไปแล้วสามารถหิ้วศีรษะของเส้าเทียนกลับมาโดยไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิด
ที่แท้การปรากฎตัวของราชามารในวันนั้นล้วนเพื่อคุ้มครองนาง
เส้าเทียนต้องตายในมือราชามารแน่นอน
“ราชาเทวะมู่! ท่านไม่ได้เล่นตลกกับพวกเรากระมัง” ราชาเทวะเฝินไห่ลุกขึ้นมองมู่ชิงเกอด้วยสีหน้า เย็นชา
ราชาเทวะจินกวง ราชาเทวะซุยชิง ราชาเทวะเซียนเหนี่ยว ราชาเทวะสือฟางต่างก็ลุกขึ้นตามกัน
แววตาหลียวนสั่นไหวนิดหนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นตามพวกเขา
คงเหลือสองคนที่ยังนั่งอยู่ก็คือราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกับราชาเทวะจงซาน
ส่วนราชาเฟิ่งกับอินเจวี๋ยถึงแม้จะตกใจเช่นกัน แต่เผ่าอสูรไม่ใช่เผ่ามนุษย์ไม่อยากวุ่นวายกับเรื่อง ระหว่างเทพมาร ดังนั้นจึงคงนั่งอยู่ที่เดิมรอดูสถานการณ์
“จงซาน ท่านยังนั่งอยู่อีก!” จินกวงอดไม่ได้ตะโกนเรียก
ราชาเทวะจงซานกลับยิ้มนิดๆ พูดอย่างเกียจคร้านว่า “พวกเราแผ่นดินเทพตะวันออก ยกให้ดินแดนฮ่วนเยวี่ยเป็นใหญ่ ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยยังไม่ทันขยับ แล้วข้าจะรีบร้อนทำไม”
พูดแล้ว เขากวาดตาไปทางกลุ่มราชาเทวะที่ลุกขึ้นมา แววตาเครียดเล็กน้อยถามว่า “แล้วพวกท่านจะรีบร้อนไปไย”
เหล่าราชาเทวะถูกเขาเหน็บจนสีหน้าแปรเปลี่ยน ความโหดเหี้ยมผุดขึ้นมาเต็มหน้า
ราชาเทวะเฝินไห่ว่า “พวกท่านไม่เห็นหรือว่านางจะแต่งงานกับราชามาร พวกเราเผ่าเทพเคยแต่งงานกับเผ่ามารหรือ อีกทั้งยังเป็นถึงราชาเทวะเจ้าแห่งดินแดนหนึ่งด้วย!”
“พวกท่านมีคุณสมบัติอะไรจะมาหยุดยั้งข้า” ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็เอ่ยขึ้นมา นํ้าเสียงยังคงเผด็จการดังเช่นที่เคยเป็นมา