Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 34

บทที่ 34

หยั่งเชิง

โชคดีที่เธอมาที่นี่เพื่อจะเปิดหูเปิดตาเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเธอจะมีความทรงจำจากร่างเดิม แต่ปกติแล้วเจ้าของร่างเดิมเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ได้ออกไปไหน เก็บตัวจนไม่รู้จะเก็บอย่างไรแล้ว ความรู้ทั้งหมดจึงมีอย่างจำกัด หรือกล่าวได้ว่าแทบไม่มีเลย

อีกทั้งในยุคนี้ตำราก็ไม่ได้แพร่หลายนัก กว่าจะได้เจอสักเล่มไม่ใช่ง่ายๆ แถมตัวอักษรในตำราก็ล้วนเป็นอักษรโบราณ ไม่ต้องพูดถึงการเรียงแถวเป็นแนวตั้ง ทั้งยังไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนอีก ทำให้เธออ่านไปได้แค่ไม่กี่หน้าก็เริ่มปวดหัว…

แต่อ่านหนังสือหรือจะสู้การลงมือปฏิบัติจริง เธอควรไปเรียนรู้หาประสบการณ์ให้เห็นกับตาน่าจะดีกว่า

“น้องชายช่างใฝ่เรียนรู้จริงๆ มาเถอะ มาดื่มชาสักถ้วยให้ชุ่มคอ” เพียงองค์ชายหรงเช่อสะบัดมือคราหนึ่ง ชาถ้วยหนึ่งก็ลอยไปใกล้มือของกู้ซีจิ่ว…

เมื่อกู้ซีจิ่วยกมือขึ้น ชาถ้วยนั้นก็หมุนเข้าสู่ฝ่ามือของเธอ “ขอบพระทัยองค์ชายที่ประทานชา”

แล้วดื่มรวดเดียวหมด

นัยน์ตาขององค์ชายหรงเช่อฉายแสงแวบหนึ่ง ในถ้วยชาที่เขาเพิ่งจะส่งออกไปแฝงพลังวิญญาณเอาไว้สามส่วน หากไม่มีพลังวิญญาณพอๆ กันย่อมรับไว้ไม่ไหว ทว่าเจ้าเด็กตัวดำที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้กลับรับไว้ได้แบบสบายๆ โดยไม่มีทีท่าทุกข์ร้อน…

ที่แปลกไปกว่านั้นคือ เขามองไม่ออกว่าเจ้าเด็กนี่ใช้พลังวิญญาณอันใดรับเอาไว้ เขาเองไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านสักเท่าไหร่ และก็ไม่ใช่ผู้ที่ชอบผดุงความยุติธรรม ดังนั้นการที่เขายอมลดตัวเข้าหาแล้วพาคนผู้นี้เช้ามาด้วย เป็นเพราะเขาพบว่าสายตาที่เด็กคนนี้มองเด็กหนุ่มที่เฝ้าประตูเหล่านั้นช่างคล้ายสายตาที่กู้ซีจิ่วเคยใช้..

เขารู้สึกเคลือบแคลง ถึงได้พาเด็กคนนี้เข้ามาด้วย

เมื่อครู่จึงฉวยโอกาสจับมือเพราะอยากตรวจวัดพลังจิตของอีกฝ่าย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะสะบัดมือเขาทิ้ง ทำให้เขาวัดระดับพลังไม่ได้…

วิชาแปลงโฉมของกู้ซีจิ่วลํ้าเลิศอย่างมาก อย่าว่าแต่รอยปานที่เด่นชัดนั้นเลย ขนาดรูปลักษณ์เองก็เปลี่ยนไปหมด

ทั้งยังไม่มีเค้าหน้าเดิมของกู้ซีจิ่วเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว ด้วยเหตุนี้องค์ชายหรงเช่อดูยังไงก็ดูไม่ออก…

‘เขาจะใช่นางหรือไม่?’

องค์ชายหรงเช่อเทชาอีกถ้วย แล้วส่งให้แบบเดิม “ชาชั้นดีต้องลิ้มรสสามหน เจ้าดื่มรวดเดียวหมดเช่นนั้นย่อมไม่รู้รสชาติว่าดีหรือเลว”

ถ้วยชาสีเขียวอ่อนลอยวนอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า นํ้าชาในถ้วยไม่กระเพื่อมไหว ตัวถ้วยโอบล้อมด้วยรัศมีเหลือบรุ้งจางๆ ครั้งนี้เขาใช้พลังวิญญาณห้าส่วน…

ในอาณาจักรเฟยซิง มีน้อยคนนักที่สามารถรับของที่แฝงพลังวิญญาณห้าส่วนของเขาได้ ต่อให้เป็นยอดยุทธ์รุ่นเยาว์อย่างหรงเหยียนคนนั้นก็ไม่สามารถรับได้

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจคลื่นพลังวิญญาณต่างๆ ที่แฝงมาสักเท่าไหร่ แต่ดูจากลักษณะและความเร็วของชาถ้วยนี้แล้วก็รู้ชัดว่าไม่ควรรับ…

หากเธอดันทุรังจะรับไว้ มีโอกาสถึงแปดเก้าส่วนที่จะรับไม่ไหว

เธอนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้จึงยํ่าเท้าสลับไปมา เริ่มออกท่าเท้าทะยานคลื่น เอียงตัวอยู่เหนือถ้วยชานั้นริม ฝีปากน้อยๆ จ่ออยู่ด้านบน ดื่มอีกแรกเข้าไป “เป็นชาดี!”

แล้วจึงยํ่าเท้าอีกหน หมุนตัวอยู่เหนือถ้วยอีกครา แล้วดื่มอึกที่สอง “รสชาติชุ่มคอ”

จากนั้นก็หมุนทะยานกายแล้วดื่มอึกสุดท้าย ยามนี้ถ้วยชาที่อยู่เบื้องหน้าจึงสูญเสียสมดุล กู้ซีจิ่วถือโอกาสสะบัดนิ้ว ดีดถ้วยใบนั้นกลับไป “ขอบพระทัยองค์ชายพะย่ะค่ะ”

ดวงตาทั้งคู่ขององค์ชายหรงเช่อพราวระยับ รับถ้วยชาเอาไว้แล้วกล่าวชมเชย “ท่าเท้าชุดนี้ของน้องชายพิสดารนัก ข้านับถือยิ่ง!”

กู้ซีจิ่วตอบรับ “ขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงชมเชย”

กระบวนท่าเท้าชุดนี้ของเธอมาจากตระกูลยุทธ์เก่าแก่ ต่อให้ไม่มีกำลังภายในก็สำแดงออกมาได้ เป็นกระบวนท่าสำหรับหนีตายที่เยี่ยมยอด

“วรยุทธ์ของน้องชายยอดเยี่ยมนัก! ไม่ทราบว่าอาจารย์ของน้องชายมาจากสำนักใด?” นัยน์ตาทรงเสน่ห์ขององค์ชายหรงเช่อจับจ้องที่เธอ

เขาไม่เพียงแต่แตกฉานวิชายุทธ์ทั่วไป แต่ยังเข้าใจวิชายุทธ์ของทุกสำนักทุกสำนักอีกด้วย

ตามปกติแล้วเพียงผู้อื่นสำแดงวิชาออกมาแค่ไม่กี่ครั้ง เขาก็ดูออกแล้วว่าอาจารย์ของอีกฝ่ายสังกัดสำนักใด ทว่ากระบวนท่าเช่นนี้ของอีกฝ่าย เขากลับไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version