บทที่ 35
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกปฏิเสธ!
กู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างเพียงแต่ยิ้มบางๆ แล้วหยิบผลไม้สีแดงสดผลหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะ “ผลไม้นี้รสชาติไม่เลว ข้าสามารถกินมันได้ แล้วจะซักไซ้ถึงแหล่งที่มาของมันไปทำไมเล่า? ท่านว่าไหม องค์ชายแปด?”
องค์ชายหรงเช่อนิ่งงัน ประโยคนี้ของกู้ซีจิ่วมีความหมายชัดเจนว่าไม่อยากให้ซักไซ้ถึงที่มาและฐานะของตน แต่ผู้ที่ท่องยุทธภพแล้วไม่อยากเปิดเผยฐานะก็มีอยู่มากมาย…
เขามองไปที่เด็กคนนั้นอีกครั้ง อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนั้น ถึงแม้จะตัวเล็กคล้ายเด็กคนหนึ่ง รูปลักษณ์ธรรมดาไม่โดดเด่น ทว่าสุขุมเยือกเย็น มีท่วงท่าทรงอำนาจกดดันดุจขุนเขาตั้งตระหง่าน เป็นดั่งกระบี่ลํ้าค่าที่ซ่อนตัวอยู่ในฝักที่ไม่ดึงดูดตา ดูคล้ายจะธรรมดาทว่าเฉียบคมจนผู้คนยอมสยบ ทำให้คนไม่กล้ามองข้าม
องค์ชายหรงเช่อแย้มยิ้ม “น้องชายกล่าวได้ถูกต้อง! เป็นผู้แซ่หรงล่วงเกินแล้ว แต่ผู้แซ่หรงอยากจะคบหาเป็นสหายกับเจ้ายิ่งนัก ไม่ทราบว่าจะได้รับเกียรตินี้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วใช้สองมือประคองชาขึ้นมาถ้วยหนึ่ง ปฏิเสธออกมาอย่างเด็ดขาดยิ่ง “ไม่ได้!”
“หือ?” องค์ชายหรงเช่อมีท่าทีโง่งมอย่างพบเห็นได้ยากนัก
‘ถูกปฏิเสธ! นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกปฏิเสธ!’
ถึงเขาจะดูเหมือนเป็นคนอารมณ์ดีขี้เล่น แต่ก็ไม่เคยให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับใคร และไม่คบค้าสมาคมกับใครง่ายๆ ยากนักที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มเข้าหาก่อนเช่นวันนี้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกปฏิเสธ!
องค์ชายหรงเช่อนิ่งไปสักพัก ก็ยกมือขึ้นลูบจมูกอย่างอดไม่ได้นอกจากความโมโหแล้วยังมีความขบขันอยู่ด้วยเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกแปลกใหม่อยู่บ้าง “เพราะเหตุใด? น้องชายคิดว่าข้าไม่คู่ควรจะเป็นสหายเจ้าหรือ?”
กู้ซีจิ่วนํ้าเสียงเย็นชา “จะเป็นสหายนั้นอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่แค่คำพูด การเป็นสหายนั้นสำคัญคือต้องมีความจริงใจต่อกัน ร่วมเป็นร่วมตายกัน! ถึงอย่างไรเสียผู้น้อยกับองค์ชายก็เพิ่งจะรู้จักกัน ผู้น้อยยังไม่รู้จักองค์ชายอย่างลึกซึ้ง องค์ชายเองก็หาได้รู้จักผู้น้อยอย่างลึกซึ้งไม่ คนสองคนที่ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ เพียงพูดว่าอยากเป็นสหายก็ถือเป็นสหายกันได้เลยหรือ? ต่อให้ผู้น้อยรับปากองค์ชาย เช่นนั้นก็คงเป็นได้เพียงผู้ที่คบหากันอย่างผิวเผิน นับว่าไม่ใช่สหายกัน”
ข้อโต้แย้งนี้ช่างแปลกใหม่ ทว่ากล่าวได้ตรงประเด็นนัก! เฉียบขาดไม่ธรรมดา!
เดิมทีหรงเช่อเพียงแค่รู้สึกสนใจเด็กคนนี้อยู่บ้าง อยากจะรู้จักให้มากกว่านี้สักหน่อย ดังนั้นถึงได้พูดเช่นนั้น ยามที่กล่าวประโยคนั้นออกมา เขาเมตตาถึงขนาดที่ยอมลดตัวเข้าหาก่อนด้วยซํ้า
ทว่าตอนนี้เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้จึงเกิดความรู้สึกเลื่อมใสในตัวเขาขึ้นมา
เขาดันอยากผูกมิตรขึ้นมาจริงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมาดปรารถนา “น้องชายกล่าวถูกแล้ว แต่อย่างไรเสีย ข้าก็เชื่อว่าวันหน้าพวกเราย่อมได้เป็นสหายกัน!”
กู้ซีจิ่วเพียงแต่ยิ้มบางๆ ไม่ได้กล่าวอะไร
นักฆ่าที่อยู่ในโลกมืดนั้นไม่มีเพื่อน มีเพียงแค่ผู้จ้างวาน และผู้ถูกสังหารรวมถึงคนที่คบหากันอย่างผิวเผิน…
เธอเคยยึดถือคนๆ หนึ่งเป็นเพื่อนแท้ ยอมบุกนํ้าลุยไฟเพื่อเขา ถึงขนาดอยากแต่งงานกับเขา ผลคือถูกคนๆ นั้น แทงข้างหลังอย่างโหดเหี้ยม! จึงตื่นจากฝันพร้อมวิญญาณที่แตกสลาย…
เงาร่างของหลงซีเหมือนจะแวบเข้ามาในสมอง มุมปากของเธอยกขึ้นน้อยๆ ยกถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมาดื่มจนหมด
นักฆ่ากู้ซีจิ่วได้ตายไปแล้ว ในโลกนี้เธอจะใช้ชีวิตของตัวเองให้ถึงที่สุด จะไม่ยอมให้ใครมาเป็นตัวถ่วงในใจของเธออีก…
ขณะที่เธอกำลังจมอยู่กับความแค้น ด้านล่างก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีผู้สูงศักดิ์มาอีกแล้ว เธอจึงมองลงไปด้านล่าง
ผู้ที่มาใหม่ทั้งสามคนเป็นชายหนึ่งหญิงสอง ทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นคนที่กู้ซีจิ่วรู้จักทั้งสิ้น ก็คือองค์ชายหรงเหยียนคู่หมั้นราคาถูกของเธอคนนั้น และพี่น้องทั้งสองคนของเธอกู้เทียนฉิง และกู้เทียนอี
หนุ่มหล่อสาวสวยรวมตัวกันมักจะเป็นที่สนใจอยู่เสมอ เมื่อทั้งสามคนเข้ามาจึงดึงดูดสายตาของคนส่วนใหญ่
องค์ชายหรงเหยียนผู้ที่เปลี่ยนจากไก่กลายเป็นหงส์เพลิง ช่วงนี้กำลังรุ่งโรจน์ยิ่งนัก ขุนนางและชนชั้นสูงที่นั่งอยู่ชั้นล่างส่วนใหญ่ล้วนรู้จักเขา จึงทยอยกันมาทักทายเขา
เดิมทีใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายหรงเหยียนนั้นคล้ายจะแฝงไปด้วยความกังวล ทว่ายามนี้เมื่อถูกคนจำนวนมากทักทายประจบประแจง หัวคิ้วของเขาจึงคลายออก สีหน้าปรากฏความพึงพอใจขึ้นมาหลายส่วน สองพี่น้องตระกูลกู้ที่ขนาบอยู่ข้างกายเขาก็รู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง