บทที่ 36
องค์ชายคงจำคนผิดแล้ว
“ดีจริง ไม่นึกเลยว่าพวกเขาก็มาด้วย เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราเพิ่งแยกจากพวกเขาก็ต้องเจอกันอีกแล้ว” องค์ชายหรงเช่อมาหยุดข้างกายเธอ แล้วยืนเคียงไหล่กับกู้ซีจิ่ว มือข้างหนึ่งคล้ายจะตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่ตั้งใจโอบไหล่ของเธอไว้ เขาใกล็ชิดกับนางอย่างยิ่ง จึงได้กลิ่นดอกกล้วยไม้จางๆ จากตัวกู้ซีจิ่วที่อยู่ข้างกาย กู้ซีจิ่วเบี่ยงกายเล็กน้อย มือขององค์ชายหรงเช่อจึงคว้าได้เพียงความว่างเปล่า “องค์ชายคงจำคนผิดแล้วกระมัง? ข้าเคยพบองค์ชายพร้อมกับพวกเขาตอนไหนกัน? ” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว สีหน้าแปลกประหลาด
เดิมทีองค์ชายหรงเช่อสงสัยกู้ซีจิ่วอยู่แล้ว ดังนั้นจึงลองหยั่งเชิงตอนที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว ยามนี้เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วเอ่ยเช่นนี้ในใจก็ลอบครุ่นคิด ดูท่าน้องชายที่อยู่เบื้องหน้าตอนนี้คงไม่ใช่คุณหนูกู้ซีจิ่วจากตระกูลกู้จริงๆ…
เขาดึงมือกลับมา เผยยิ้มทรงเสน่ห์ “โอ้ข้าคงจำคนผิด น้องชายอย่าถือสาเลย ว่าแต่น้องชายรู้จักสามคนนี้ด้วยหรือ?”
กู้ซีจิ่วพิงอยู่ตรงนั้นพลางตอบด้วยนํ้าเสียงเรียบเฉย “รู้จักสิ องค์ชายสิบสอง เขามักจะปรากฏตัวอยู่บ่อยๆ ผู้น้อยเคยพบเห็นเขาอยู่หนสองหน”
สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง องค์ชายหรงเช่อเองก็ไม่พบพิรุธอะไรในตัวเธอ จึงเลิกสงสัยทันที
“น้องชาย เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ? เรื่องนี้บอกข้าได้หรือไม่?”
“เริ่นม่อเซิง” กู้ซีจิ่วเอ่ยชื่อที่เธอใช้เป็นรหัสประจำตัวในฐานะนักฆ่าออกมา
ม่อเซิง คนแปลกหน้า…เป็นคนแปลกหน้าสำหรับทุกคน คล้ายปลีกตัวจากโลกมนุษย์
“เป็นชื่อที่แปลกนักแต่ก็เป็นชื่อที่สง่างามอย่างยิ่ง ทั้งยังสมกับน้องชายด้วย”
คนทั้งสองพูดจากันอยู่ครู่หนึ่ง องค์ชายหรงเหยียนที่อยู่ด้านล่างก็พาหญิงสาวทั้งสองคนขึ้นมายังชั้นสอง ทว่า ห้องรับรองที่ชั้นสองล้วนเป็นห้องส่วนตัว ดังนั้นทั้งสามคนนั้นจึงไม่เห็นองค์ชายหรงเช่อและกู้ซีจิ่ว เพราะถูกจัดให้อยู่ในห้องรับรองอื่น
หญิงสาวทั้งสองคล้ายจะไม่พอใจห้องรับรองนั้น รังเกียจว่าไม่ใหญ่พอและไม่ประณีตงดงามพอ ไม่ค่อยสมฐานะขององค์ชายหรงเหยียนที่ได้รับความโปรดปรานอยู่ในขณะนี้ จึงกระซิบกระซาบกันอยู่ในห้องนั้น
ต้องทราบก่อนว่าห้องในชั้นสองนี้ไม่ได้เหมือนกันทุกห้อง มีทั้งห้องใหญ่ห้องเล็ก ห้องที่เธออยู่ในตอนนี้มีระดับกลางๆ นับว่าไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก แต่ห้องที่พวกองค์ชาย หรงเหยียนเข้าไปนั้นที่จริงแล้วคือห้องระดับล่างของชั้นสอง แม้ไม่ใช่ห้องที่เล็กที่สุด แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก
ฟังถ้อยคำของสองสาวตระกูลกู้ที่ไม่พอใจห้องนั้นแล้ว กู้ซีจิ่วจึงรู้ว่าเมื่อก่อนยามที่องค์ชายหรงเหยียนมาที่นี่ก็ได้อยู่ในห้องรับรองที่เล็กที่สุดห้องนั้น แต่วันนี้เขามาที่นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้รับความโปรดปรานและเรืองอำนาจขึ้นมา เจ้าพนักงานที่จัดการห้องรับรองจึงจัดให้เขาอยู่ในห้องที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย
ถึงแม้จะยกระดับแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ายังไม่ถึงระดับที่ทั้งสองสาวคาดการณ์เอาไว้ยิ่งซุบซิบเสียงก็ยิ่งดังขึ้น
กู้เทียนฉิงยังดีหน่อย มักจะวางแผนอยู่ในใจ จึงกระซิบด้วยนํ้าเสียงอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา กล่าวประโยคใส่สีตีไข่อย่างเฉยชาแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ก็สามารถกระตุ้นโทสะผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
แต่กู้เทียนอีพี่ห้าของเธอนั้นปากคอเราะร้าย ถ้อยคำที่พ่นออกมาราวกับถั่วระเบิด[1]ก็มิปาน เสียงก็เล็กแหลม เดิมทีกู้ซีจิ่วก็ไม่ได้อยากฟังพวกนางพูดจาไร้สาระเช่นนี้ แต่ก็ยังได้ยินเข้าหูอยู่ตลอด มุมปากจึงกระตุกขึ้นเล็กน้อย โรงประมูลแห่งนี้ดูแล้วน่าจะเป็นแหล่งเสือหมอบมังกรซ่อน[2] ด้านในไม่รู้ว่ามีผู้ยิ่งใหญ่ช่อนอยู่มากน้อยเพียงใด องค์ชายหรงเหยียนผู้นี้เพิ่งจะเรืองอำนาจก็มาวางก้ามถึงเพียงนี้อยู่ที่นี่ ทั้งยังไม่เกรงกลัวว่าทำเช่นนี้จะถูกคนจับจุดอ่อนได้…
คิดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้น “เจ้าสิบสอง เจ้ารังเกียจที่ห้องเล็กหรือ? เช่นนั้นแลกกับเปิ่นกง[3]ดีหรือไม่?” นํ้าเสียงใสกระจ่างนั้นเจือความเย็นเยือกดุจช่วงต้นฤดูหนาวเอาไว้ด้วย เสมือนมีนํ้าพุเย็นเฉียบไหลผ่านหัวใจคนก็ไม่ปาน
กู้ซีจิ่วใจเต้นเล็กน้อย!
เปิ่นกง? หรือว่าจะเป็นองค์รัชทายาท?
…………………………………….
[1]ถั่วระเบิด อุปมาถึงคนที่พูดจาเสียงดังและรุนแรง เหมือนเสียงถั่วทอดยามแตกออกจากเปลือก
[2]เสือหมอบมังกรซ่อน อุปมาถึงผู้มีความสามารถที่ยังไม่เผยตัวออกมา
[3]เปิ่นกง เป็นคำเรียกแทนตัวของสตรีในวังหลวงที่มีวังเป็นของตัวเอง รวมถึงรัชทายาทที่ได้รับการแต่งตั้งและย้ายเข้าไปอยู่ในวังรัชทายาท